Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

ทำไมควรมีกรงให้สัตว์เลี้ยง 2 กรง

เหล่าคนรักนกทั้งหลายอาจจะสงสัยว่าทำไมการเลี้ยงนกตัวหนึ่งมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ ทั้งที่เราก็ศึกษาการเลี้ยงนกมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่พอได้มาทำจริงกลับรู้สึกว่ามีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้จากการเลี้ยงด้วยตัวเอง บางอย่างเราต้องเข้าใจจากการดูแลนกของเราให้ดี รู้ความต้องการของเขา รู้ว่านกแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างในอาหารที่เลี้ยงและการกินที่ปริมาณมากน้อยเพียงใด ต้องตามเวลาแค่ไหนถึงจะไม่ทำให้สุขภาพของเขาแย่ หรือแม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างการใช้กรงก็อาจจะยังเป็นความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ผู้คนมักจะมองพลาดคิดว่าการใช้กรงนกเพียงแค่กรงเดียวก็เพียงพอต่อการเลี้ยงนก 1 ตัวหรือนกสายพันธุ์เดียวกันแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเพียงแค่กรงเดียวเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาก็อาจทำให้เราต้องวุ่นวายมากอย่างแน่นอนเมื่อเรามีกรงนกแค่เพียง 1 กรงเท่านั้น ฉะนั้นการใช้กรงนก 2 กรงจึงเป็นสิ่งที่คุณควรมีไว้เพราะเหตุใดที่อาจเกิดได้บ้าง?

มีกรงนก 2 กรงเพื่อสำรองหากกรงหนึ่งพัง

คุณควรจะมีกรงนกไว้ 2 กรงเพื่อให้อีกกรงหนึ่งเป็นกรงสำรองได้ทันทีหากจู่ ๆ วันหนึ่งกรงเก่าเกิดพังขึ้นมาซึ่งแม้จะพังจนไม่สามารถซ่อมได้หรือต้องซ่อมก็ยังใช้เวลาสักระยะเลย คำถามคือนกที่คุณเลี้ยงไว้จะไปอยู่ที่ไหน? แค่เปิดกรงออกมามันก็อาจจะบินขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็วจนพาให้คุณเสียดายเมื่อสายไปแล้วก็ได้ ฉะนั้นในการเปลี่ยนกรงเมื่อกรงเก่าเสีย คือ ต้องนำกรงสำรองหรือกรงที่สองยกมาชิดกับประตูกรงแรกเพื่อให้นกออกมาเข้ากรงที่สองได้ในทันทีไม่มีผิดพลาด แล้วนกจะได้อยู่อย่างสุขสบายไม่หนีไปไหนแน่นอน

มีกรงนก 2 กรงเพื่อใช้เฉพาะกิจเวลาเดินทาง

การมีกรงนกไว้ 2 กรงสามารถช่วยให้คุณได้รับความสะดวกสบายในเวลาที่จะพานกเลี้ยงที่ตัวเองรักออกเดินทางไปท่องเที่ยวนอกบ้านด้วยกันเพื่อให้เขารู้สึกว่าไม่ต้องอยู่กับสถานที่เดิม ๆ ได้ออกมาทำกิจกรรมด้วยกันหรืออาจจะเป็นการเดินทางเพื่อไปทำธุระซึ่งคุณจำเป็นต้องพานกไปด้วย เนื่องจากไม่มีคนดูแล การเลือกกรงที่ 2 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ากรงแรกแบบพกพาขึ้นรถและถือไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบายย่อมจะลดอุปสรรคต่อนกและการหอบสัมภาระของคุณมาก

มีกรงนก 2 กรงเพื่อสำรองการล้างกรงเก่า

คุณควรจะมีกรงนกไว้ 2 กรงเผื่อสำรองเวลาที่จำเป็นต้องล้างกรงเก่า นกเลี้ยงของคุณจะได้มีบ้านให้อยู่อย่างสงบชั่วคราว ไม่ต้องหวาดระแวงกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินอย่างบ้านเจ้าของซึ่งเห็นมุมมองใหม่ผ่านอากาศที่ว่างเปล่าไม่มีกรงอยู่ซึ่งอาจทำให้นกเกิดความวิตกกังวลจนตื่นตระหนกได้จึงต้องมีกรงนก 2 กรงไว้ด้วย แล้วนกจะรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในระหว่างที่กรงเก่าล้าง

เครดิตภาพ : Pixabay, siamrath.co.th

#มีกรงให้สัตว์เลี้ยง #การเลี้ยงนก #ทริคการเลี้ยงสัตว์

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

“ไก่ป่าเกรทเทอร์เซจ” สัตว์ปีกขนงานเลื่องชื่อแห่งอเมริกาเหนือ

เคยได้มีโอกาสดูละครไทยเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า “พิภพหิมพานต์”ของค่ายชลลัมพี โปรดักชั่นแล้วเห็นฉากแรกที่มีคนเข้าไปสู่ป่าหิมพานต์ก่อนจะเจอกับนกหรือไก่ป่าตัวหนึ่งมีขนปกคลุมสวยงามเต็มตัวไปหมดและมีปีกกับหางที่งอนงามใหญ่ชูตั้งเป็นแพนมีลวดลายแบบมิติสวยงาม ลำตัวเล็ก แต่ไม่ยักจะเห็นหน้าของสัตว์ปีกตัวนี้จนพอจะเข้าไปจับถึงรู้ว่ามีใบหน้าที่ชวนให้ขนลุกซ่อนอยู่ ซึ่งถือว่าปังแบบเป็นภาพที่จำได้ติดตาไม่มีวันลืมเลย แล้วบังเอิญว่าเราก็ได้มารู้เรื่องราวของไก่ป่าตัวหนึ่งที่มองภาพทีแรกแล้วถึงกับผงะเพราะแอบคล้ายกับเจ้าสัตว์ปีกประหลาดในละครพิภพหิมพานต์มาก มองไกล ๆ แทบจะไม่เห็นหน้า ต้องมองใกล้ ๆ ถึงจะเห็นและรู้ว่าปลอดภัย เชื่อว่าหลายคนที่เคยดูละครพิภพหิมพานต์ก็น่าจะทึ่งเหมือนกับเรา อยากรู้หรือเปล่าล่ะว่าเจ้าสัตว์ปีกที่ทุกคนเรียกกันว่า “ไก่ป่าเกรทเทอร์เซจ”จะมีเรื่องราวที่น่าค้นหาแค่ไหน อยากรู้มาอ่านกันเลย!

ทำความรู้จักกับ “ไก่ป่าเกรทเทอร์เซจ”

“ไก่ป่าเกรทเทอร์เซจ” เป็นไก่ป่าที่อยู่ในตระกูลของพวกไก่ฟ้าและนกกระทา อาศัยอยู่ทางเขตทุ่งหญ้าเซจบรัช ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ทางใต้ของรัฐแอลเบอร์ตา และรัฐซัสแคตเชวัน ในแคนาดาเป็นจำนวนมาก ซึ่งไก่ป่าเกรทเทอร์เซจได้รับการยกย่องในฐานะ “ไก่ป่าที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ” ด้วยขนาดตัวของมันที่ใหญ่มากถึง 76 เซนติเมตรและหนักตั้งแต่ 0.9 – 3 กิโลกรัมโดยตัวผู้จะใหญ่กว่าตัวเมียครึ่งหนึ่งเลย พวกมันมีความโดดเด่นของลักษณะตัวที่กลม ศีรษะเอียงโค้งไปด้านหลัง แต่ลำตัวขนสีขาวฟูส่วนล้างเอียงโค้งมาด้านหน้า หางยาวแหลมกางออกชูสูงเป็นสีน้ำตาลดำสีเดียวกับขนที่มีขนาดใหญ่และหนาวปกป้องมันจากอากาศหนาวเย็นได้ดี อีกทั้งมันยังมีถุงลมใหญ่ 2 ข้างอยู่ภายนอกตรงกลางตัวยื่นออกมาโป่งพองเป็นสีเหลืองเหมือนตาของมันอีกด้วยจึงดูมีความเป็นไก่ป่าที่แปลกมากที่สุดอีกชนิดเท่าที่เคยเห็น

การดำรงชีวิตของ “ไก่ป่าเกรทเทอร์เซจ”

“ไก่ป่าเกรทเทอร์เซจ” จะชอบอยู่รวมหาอาหารกันเป็นฝูงตามเนินเขาและทุ่งหญ้า โดยพวกมันมีการหาคู่สุดแปลกอย่างการเพิ่มน้ำหนักตัวเพื่อเตรียมความพร้อมในการผสมพันธุ์ช่วงฤดูหนาวนั้นเอง ซึ่งไก่ป่าตัวผู้จะมีบทบาทมากกว่าตัวเมียในการอวดโฉมตัวเองด้วยการเป่าลมเข้าออกถุงลมบนแผงหน้าอกเพื่อเอาชนะใจตัวเมียให้ได้ หากคุณเห็นว่ามันแปลกตรงนี้แล้ว เราอยากให้คุณรู้ไว้ว่าคุณต้องอึ้งอีกสองเท่าเมื่อรู้อีกความลับหนึ่งของไก่ป่าเกรทเทอร์เซจในเรื่องที่พวกมันมีคู่ชีวิตจำนวนมากกว่า 30 ตัวด้วย! เพราะไก่ป่าเกรทเทอร์เซจเป็นนกที่ค่อนข้างชอบความรื่นเริงครื้นเครงในสังคม มันจึงสามารถเปลี่ยนคู่รักของมันไปได้เรื่อย ๆ แบบไร้กรอบกฎเกณฑ์ซึ่งแน่นอนว่ามันจะมีลูกออกมาเยอะจนน่าตกใจมากทีเดียว

อาหารสุดโปรดของ “ไก่ป่าเกรทเทอร์เซจ”

“ไก่ป่าเกรทเทอร์เซจ” มีอาหารสุดโปรดของมันที่ไม่ต่างจากไก่ป่าอื่นเท่าไหร่ พวกมันจะเน้นอาหารจากธรรมชาติอย่างผลผลิตตามทุ่งหญ้าที่มันอยู่ ดอกหญ้า ลูกไม้สุก เมล็ดพืช และบ้างก็จะกินแมลง แต่ก็น้อย เพราะมันจะได้สารอาหารที่ดีต่อร่างกายจากธรรมชาติบริสุทธิ์มากกว่า

เครดิตภาพ : songsaad.com, board.postjung.com

#สัตว์แปลก #ทริคการเลี้ยงสัตว์ #ไก่ป่าเกรทเทอร์เซจ

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

“นกเบลเบิร์ด” นกที่มีเสียงดังที่สุดในโลกจนอยู่ไกลยังได้ยิน

“อยากจะร้องดัง ๆ พูดให้ใครต่อใครได้รู้!” เพลงของทาทา ยังนี้เหมาะจะให้เป็นคุณค่ากับคำนิยามถึง “นกเบลเบิร์ด” นกที่มีเสียงร้องดังที่สุดในโลกมาก แน่นอนว่าคุณอาจเคยคิดถึงนกเหยี่ยวหรือนกอินทรีย์ที่แค่มันร้องออกมาก็ดังก้องไปทั่วบริเวณแล้วจึงคิดว่ามันอาจเป็นนกที่มีเสียงดังมากที่สุด แต่แท้จริงมันไม่ใช่นกที่มีเสียงดังเลย แต่ที่เสียงของมันดูดังก้องก็เพราะว่ามันมีเสียงที่ใหญ่และมักร้องตอนบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยจึงทำให้ดูเสียงดัง คราวนี้คุณอาจจะคิดว่าอ้าว! งั้นหากไม่ใช่นกอินทรีย์หรือเหยี่ยวก็ควรจะเป็นนกที่ใหญ่กว่าอย่างพวกนกเงือกล่ะสิ เพราะตัวมีขนาดใหญ่มาก เสียงก็ต้องดังมาก ขอบอกว่าผิดคาดไปอีก คำตอบที่ถูกต้องนี้กลับอยู่ที่นกเบลเบิร์ดซึ่งเป็นเพียงนกตัวเล็กน่ารักกลางป่าใหญ่ที่หลายคนมองข้ามกัน แต่เห็นตัวเล็กแบบนี้ มันได้ชื่อว่าเป็นนกที่ร้องเสียงดังจนคนที่อยู่ไกลมากยังได้ยินเลย!

ทำความรู้จักกับ “นกเบลเบิร์ด”

“นกเบลเบิร์ด” เป็นนกที่อาศัยอยู่ทางทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งพบมากสุดในประเทศราซิลและเวเนซุเอลา ลักษณะตัวมีขนสีขาวที่ฟูเรียงรายกันสวยงาม อุ้งเท้าใหญ่เป็นสีดำเช่นเดียวกับปากที่อ้าได้กว้าง ลักษณะภายนอกคล้ายนกพิราบเพียงแค่ลำตัวมีขนาดเล็กกว่าก็เท่านั้น แต่บางตัวก็มีสีเหลืองหรือสีเขียวขี้ม้า โดยความโดดเด่นของนกเบลเบิร์ด คือ หากเป็นนกเบลเบิร์ดตัวผู้ มันจะมีเสียงร้องดังถึง 125 เดซิเบลซึ่งเป็นระดับเสียงที่ดังมากจนเรียกได้ว่าอันตรายต่อหูของมนุษย์ด้วย เพราะความดังนี้มันมากพอ ๆ กับเสียงของการขุดเจาะถนนเลย ให้ลองนึกภาพว่าคุณเข้าไปในป่าแล้วเห็นได้ยินเสียงที่ดังถี่ขึ้นมาคล้ายไซเรนที่ชวนให้หนวกหูจนต้องปิด ไม่เช่นนั้นอาจตาลายได้ นี่คือเสียงของนกเบลเบิร์ดที่คุณจะได้ยิน แต่สำหรับนกเบลเบิร์ดตัวเมียจะไม่สามารถส่งเสียงร้องดังได้เหมือนตัวผู้

การดำรงชีวิตของ “นกเบลเบิร์ด”

“นกเบลเบิร์ด” มักจะใช้ชีวิตอยู่กับการบินอยู่ตามป่าไม้และเกี้ยวราสีกับนกเพศตรงข้ามกับตัวเอง ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่ใกล้ผสมพันธุ์ นกเบลเบิร์ดตัวผู้ก็จะโชว์ความสามารถโดยการร้องเพื่อเรียกตัวเมียอื่น ๆ ให้มาสนใจตัวผู้อย่างพวกมัน และตัวเมียจะสามารถทนฟังเสียงร้องของนกเบลเบิร์ดตัวผู้ได้เพื่อคัดเลือกว่าขีดการร้องของตัวผู้ใดที่มันชอบที่สุดและเหมาะจะมาเป็นคู่ผสมพันธุ์ของมันได้ นอกจากนี้นกเบลเบิร์ดยังเป็นนักหาอาหารตัวยงและนักต่อสู้ที่แข็งแกร่งด้วย เพราะมันมีกระดูกที่แข็งแรง รวมถึงกล้ามเนื้อที่โป่งแข็งด้วยจึงบาดเจ็บยาก อีกทั้งยังสู้เก่งด้วย

อาหารสุดโปรดของ “นกเบลเบิร์ด” “นกเบลเบิร์ด” มีอาหารสุดโปรดที่พวกมันชื่นชอบ คือ ผลไม้ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นที่มันอยู่ โดยมันจะใช้เวลาทั้งวันในการย่อย และสำรอกคายเมล็ดออกมาทำให้มันมีระบบขับถ่ายที่คล่องและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บในด้านนี้ทุกครั้ง เป็นนกที่เจ็บป่วยยาก

เครดิตภาพ : zpore.com, /animal.catdumb.com

#นกเบลเบิร์ด #ความรู้สัตว์ปีก #สัตว์เลี้ยง