Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ชิวาวา (Chihuahua) หมาน้อยจอมน่ารัก

ชิวาวา (Chihuahua) สุนัขสายพันธุ์นี้ มีขนาดตัวที่ค่อนข้างเล็ก หรือจะเรียกได้ว่าเป็นสุนัขที่เล็กที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นที่นิยมมาก ด้วยความที่มีขนาดตัวที่เล็ก เลยทำให้เจ้าชิวาวา เป็นสุนัขที่สามารถเลี้ยง ในพื่นที่ที่จำกัดได้ บวกกับความฉลาด ที่สามารถเรียนรู้ได้เร็ว อีกทั้งพาไปไหนก็สะดวกแบบสุดๆ ใครเห็นก็ต่างพากันหลงรักสุนัขพันธุ์นี้ ด้วยความเป็นมิตรขี้เล่น จึงเหมาะสำหรับคนที่คิดจะเริ่มเลี้ยงสัตว์

ชิวาวา (Chihuahua) มีต้นกำเนิดมาจากสุนัขสายพันธุ์ Chinese Crested ได้มีการตรวจดีเอ็นเอเจ้าชิวาวา พบว่ามีบรรพบุรุษที่เก่าแก่ ในสมัยโบราณ บางคนก็ว่าต้นกำเนิดของเจ้าชิวาวานี้ มาจากยุโรป บางคนก็ว่ามาจากเอเชียบ้าง แต่จริงๆแล้วน้องนั้น มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก เพราะได้มีการค้นพบรูปปั้นแกะสลัก ที่เป็นรูปสุนัขบนหิน ซึ่งมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับชิวาวาในปัจจุบันมาก เลยทำให้เชื่อว่าบรรพบุรุษของชิวาวานี้ มาจากในยุคชาวมายา ในประเทศเม็กซิโก ปัจจุบันเจ้าชิวาวาเป็นที่นิยมมาก ในประเทศอเมริกา รวมไปถึงประเทศไทยเราด้วย 

ลักษณะทั่วไปของเจ้าชิวาวา (Chihuahua)

ชิวาวา (Chihuahua) เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก โดยจะมีลักษณะหูที่ใหญ่ตรง และจะมีตาที่กลมโต มีหัวที่คล้ายลูกแอปเปิ้ล ส่วนขนนั้นจะมีทั้งขนสั้น และขนยาว มีหลายสี เช่น ขนสีดำ สีน้ำตาล สีขาว หรือมีสองสีผสมกัน

มีขนาดตัวที่เล็กน้ำหนักโดยรวมอยู่ที่ไม่เกิน 2.7 กรัม มีความยาวของตัวโดยประมาณ 6-8 นิ้ว ด้วยเหตุผลนี้เลยทำให้เจ้าชิวาวามีความน่ารักมาก ส่วนในเรื่องของอายุจะอยู่ได้ถึง 14-16 ปีเลย ส่วนลักษณะนิสัยนั้น จะค่อนข้างฉลาด มีความกระตือรือร้นมาก และค่อนข้างจะรักแต่พวกของตัวเอง ไม่สนใจเป็นมิตรกับสุนัขพันธุ์อื่น

เรื่องน่ารู้ที่เกี่ยวกับอาหารของเจ้า ชิวาวา (Chihuahua)

ชิวาวา (Chihuahua) เนื่องจากเป็นสุนัขที่ขนาดเล็ก จึงควรให้อาหารวันละเพียงแค่ 1 ถึง 2 ครั้ง และจะต้องให้ที่ปริมาณพอเหมาะ อย่าให้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ระบบย่อยทำงานหนักไป หรือถ้าน้องอ้วนไป ก็จะส่งผลให้เกิดโรคอื่นๆตามมามากมาย ส่วนเรื่องอาหารเสริมนั้น ก็ให้เน้นเป็นพวกโปรตีน วิตามินบี เป็นต้น ส่วนอาหารที่ไม่ควรให้กินนั้น ก็จะเป็นพวกอาหาร ที่มีแคลอรีสูง อย่างพวกขนมของคน เพราะค่อนข้างจะไม่มีประโยชน์ และทำให้เกิดโรคภัยได้ ในส่วนของการดูแลนั้น ก็จะต้องอาบน้ำ ตัดเล็บ และเช็ดหู อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และจะต้องพาไปหาหมอ เพื่อเช็คสุขภาพช่องปากด้วย

ชิวาวา (Chihuahua) เป็นสุนัขที่มีขนาดตัวเล็ก พกพาสะดวก และค่อนข้างจะง่ายมากๆ แต่การดูแลนั้น อาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนการพกพา ดังนั้นก่อนจะทำการรับน้องมาดูแล เราควรจะศึกษาการเลี้ยงน้องอย่างละเอียด รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆด้วย เพื่อที่จะดูว่าเรานั้นพร้อมไหม ถ้าหากว่าเรานั้นพร้อม ก็สามารถรับน้องมาเป็นเพื่อนคู่ใจได้เลย

เครดิตภาพ

https://www.linese.com/   ภาพที่ 1

https://www.purina.co.th/dog/supercoat/dog-tips/article/tips-for-chihuahua   ภาพที่ 2

https://www.petsayhi.com   ภาพที่ 3

ลิงก์เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง :

10 เรื่องน่ารู้ของเจ้าชิวาวา ที่คนรักชิวาวาห้ามพลาด

#ชิวาวา (Chihuahua) #รู้ก่อนเลี้ยง ชิวาวา #สัตว์เลี้ยงน่ารู้

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) สุนัขแสนรู้ ที่จะมามอบความสุขให้กับผู้เลี้ยง

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) สำหรับคนรักสุนัขนั้น คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับเจ้าโกลเด้น ด้วยขนาดตัวที่พอเหมาะ มีสายตาที่อ่อนโยน และยังมีความร่าเริง ขี้เล่น มีความน่าหลงใหล

อีกทั้งยังมีอารมณ์ที่เย็น มีความเชื่อฟัง เวลาเราฝึกอะไรให้เขา และชอบให้เราชมเวลาเขาทำอะไรได้ และโกเด้นนั้น ก็ยังเป็นมิตรกับทุกๆสิ่ง ไม่ว่าจะกับเด็ก แมว หรือคนอื่นๆที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยง

จึงทำให้โกลเด้นเป็นสุนัข ที่ใครๆก็ชอบเลี้ยงไว้เป็นเพื่อคู่ใจ อีกทั้งเขานั้นยังชอบเล่น และหยอกล้อกับผู้เลี้ยง

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เป็นสุนัขขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นสุนัทที่ต้องออกกำลังกาย เพื่อป้องกันกรเกิดโรค ดังนั้นผู้ที่ต้องการจะเลี้ยงเจ้าโกลเด้น จะต้องมีสถานที่ให้พร้อม

รวมไปถึงเวลาที่ต้องใช้ในการดูแล และทำกิจกรรมต่างๆกับเขาได้ ซึ่งถ้าหากว่าคุณนั้นมีทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว รับรองได้เลยว่าคุณนั้นจะได้เพื่อนคู่หูที่น่ารักที่สุดอย่างแน่นอน

สุนัขที่มาพร้อมกับความสามารถ

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ถูกจัดอันดับให้เป็นสุนัขยอดนิยม อันดับที่ 2 โดยเจ้าสุนัขโกลเด้นนี้ มีสายพันธุ์มาจากพื้นที่ทางลุ่มแม่น้ำของเกรท บริเทน (Great Britain)

ซึ่งจะมีต้นกำเนิดมาจากการผสมหลายสายพันธุ์ด้วยกัน โดยจะมีทั้งสแปเนียล เซทเตอร์ นิวฟาวด์แลนด์ แต่ไม่ใช่นิวฟาวด์แลนด์ สายพันธุ์ที่เรารู้จักในปัจจุบัน และอาจจะมีบลัดฮาวด์ด้วย ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อล่าสัตว์ปีก โดยเฉพาะนก ซึ่งในปัจจุบันนี้เจ้าโกลเด้นนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่สุนัขล่านก หรือสัตว์เลี้ยงแสนรู้แล้ว เพราะยังถูกฝึกให้เป็นสุนัขช่วยเหลือ เพื่อผู้คนที่ตาบอดและพิการ อีกทั้งยังถูกฝึกให้ตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งมีเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้น ที่มีความสามารถเยอะแบบนี้

สิ่งสำคัญสำหรับการดูแลเจ้า โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีนิสัยชอบทำกิจกรรมมากๆ จึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับพลังงานอาหารสูง แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของกระดูกและข้อต่อ รวมถึงโรคภูมิแพ้ ดังนั้นเจ้าของที่เลี้ยง จึงต้องพิจารณาความต้องการอาหารอย่างระมัดระวัง โดยจะต้องเลือกอาหารที่ให้พลังงาน ต่อความต้องการของเจ้าโกลเด้น ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงอาย และควรจะลดอาหารที่มีไขมันมากเกืนไป เพื่อที่จะลดไขมันสะสมในร่างกาย เพราะว่าเป็นเหตุของการมีน้ำหนักตัว ที่มากจนเกินไป ซึ่งก็จะเสี่ยงต่อการเกิดโรค

สิ่งสำคัญสำหรับการดูแลสุนัขสายพันธุ์ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) นั้น ก็คือเราต้องคอยดูน้ำหนักตัวของสุนัขอย่างสม่ำเสมอ และอาหารที่ให้นั้น ก็ต้องมีประโยชน์ รวมไปถึงการออกกำลัง ที่เราต้องพาน้องเดินเล่นอยู่เสมอ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ถึงว่าน้องจะเป็นสัตว์แสนรู้ แต่การที่จะแสนรู้ได้นั้น เราก็ยังจะต้องหมั่นฝึกฝนน้องบ่อยๆ เพื่อที่เจ้าโกลเด้นนั้นจะได้ฉลาดและแสนรู้มากขึ้น

เครดิตภาพ

https://pixabay.com/th/photos/ ภาพที่ 1

https://pixabay.com/th/photos/  ภาพที่ 2

https://pixabay.com/th/photos//  ภาพที่ 3

ลิงก์เพิ่มเติม :

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ Golden Retriever 101 | SudPad-Dog

#โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ #รู้ก่อนเลี้ยงโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ #สัตว์เลี้ยงน่ารู้

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff) เจ้าหมายักษ์ จอมซื่อสัตย์

  ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff) เป็นสุนัขที่ถือว่าตัวใหญ่มาก โดยน้ำหนักที่เคยถูกบันทึกไว้นั้น มีน้ำหนักมากกว่า 110 กิโลกรัม และมีความสูงมากกว่า 80 เซนติเมตรเลย มีขนสองชั้นและยาว ทิเบตันจึงเป็นสายพันธุ์ ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับของสายพันธุ์สุนัขที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีความดุร้ายที่สุดในโลกอีกด้วย แต่เจ้าทิเบตันตัวนี้ ไม่ได้ดุร้ายกับทุกคน เพราะมันจะรัก และซื้อสัตย์กับเจ้าของอย่างมาก จึงทำให้ทิเบตันตัวนี้ เป็นที่รักของใครหลายๆคน 

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff) เป็นสุนัขที่มีความสง่างามมากๆ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่สุดๆ อีกทั้งยังมาพร้อมกับขนที่สวยเงางาม มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

จึงทำให้เป็นที่นิยมสูง ซึ่งทำให้ราคาของสายพันธุ์นี้ เคยถูกขายในราคาหลักล้านเลย แต่ในปัจจุบันี้นั้น จะอยู่ที่ประมาณหลักหมื่นปลายถึงหลักแสน แต่ความนิยมนั้น ก็ไม่ได้ลดลงไปเลย

ต้นกำเนิดของเจ้ายักษ์ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff)

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetm Mastiff) มีต้นกำเนิดจากประเทศทิเบต เอกสารที่เป็นบันทึกเรื่องราว ที่เกี่ยวกับเจ้ายักษ์ทิเบต้นนั้น มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

และจะของช่วงก่อนศตวรรษที่ 19 แต่มีความเชื่อกันว่าทิเบตันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยผลการตรวจ DNA นั้น ทำให้รู้ว่าสายพันธุ์ทิเบตัน ได้ถือกำเนิดมาประมาณ 5000 กว่าปีมาแล้ว ทิเบตันถูกพัฒนาสายพันธุ์ จากสุนัข 2 สายพันธุ์ คือ โทชี (Do-khyi) ที่ถูกเลี้ยงไว้ใช้ดูแลฝูงแกะ และอีกสายพันธุ์หนึ่งนั้น เป็นตัวที่ใหญ่กว่าตัวแรก คือสายพันธุ์ซังชี (Tsang-khyi) ซึ่งถูกมอบให้กับวัดในทิเบต เพื่อไว้ป้องกันพระสงฆ์ หรือลามะ ที่อาศัยอยู่ในวัด และต่อมาในปี 1873 England’s Kennel Club ได้จัดตั้งชื่อขึ้นอย่างเป็นทางการในนามว่า “ทิเบตัน มาสทิฟฟ์” เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นมีชื่อว่า “สุนัขตัวโตจากทิเบต”

วิธีการเลี้ยงและดูแลเจ้า ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetm Mastiff)

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์(Tibetm Mastiff) มีขนที่ยาว อีกทั้งยังมีความหนา จึงต้องแปลงขนอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้เส้นขนตาย แต่ไม่ต้องอาบน้ำบ่อยหลุดออก แล้วควรพาออกกำลังกาย 20-30 นาทีต่อวัน ส่วนในเรื่องของอาหารที่เหมาะสมนั้น ต้องให้เป็นอาหารแห้งเท่านั่น ซึ่งอาจจะต้องมีเพิ่มอาหารกระป๋องด้วย แต่จะเป็นตอนที่เขามีน้ำหนักน้อยเกินเท่านั้น และควรให้อาหารที่ 4-6 ถ้วย โดยแบ่งเป็น 2 เวลาต่อวัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูขนาด และน้ำหนักตัวของเจ้าทิเบตันรวมด้วย 

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetm Mastiff) เป็นสุนัขที่ตัวใหญ่มากๆ ดังนั้นผู้ที่จะเลี้ยง ก็จะต้องมีบริเวณบ้านที่ใหญ่พอ ให้เขาวิ่งเล่นด้วย เพราะถึงจะเป็นสุนัข ที่ตัวโตดูมีความแข็งแรง เขาก็สามารถป่วยได้เช่นกัน และการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ทิเบตันนั้น อาจจะไม่เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กนัก เพราะขนาดตัวของเขา อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หรือถ้าหากว่าจำเป็นจริงๆ เราก็ต้องดูแล และระมัดระวังให้ดี 

เครดิตภาพ

http://splovedog.blogspot.com/2013/08/blog-post.html ภาพที่ 1,2

https://www.marketdogs.com/dogguide/%28tibetan-mastiff%29/ ภาพ 3

#ทิเบตันมาสทิฟฟ์ #หมายักษ์มาสทิฟฟ์ #สัตว์เลี้ยงน่ารู้

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

การเลี้ยงกระรอกท้องขาว

สัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆที่สามารถนำพาไหนด้วยได้ ไม่ต้องหิ้วของสำหรับดูแลอย่างพะรุงพะรัง ต้องยกให้กับกระรอก สัตว์ประเภทฟันแทะที่ได้รับ ความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ถ้าสนใจจะเลี้ยงไว้สักตัวจะต้องดูแลอย่างไรนะ มาชมกันค่ะ

กระรอกสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยง

กระรอกท้องขาว หรือกระรอกสวน  กระรอกที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ไม่ดื้อหรือดุร้ายมากนัก มีสีตามตัวเป็นสีน้ำตาล มีหางยาวเป็นพวงฟู ๆ  มีความยาวหัวถึงหางราว ๆ 30 เซนติเมตร เป็นสัตว์ที่ชอบแทะ และปราดเปรียวมาก อยุ่ไม่ค่อยนิ่ง

วัยเจริญพันธุ์ของกระรอก จะเริ่มตั้งแต่อายุ 4 เดือน จะออกลูกเป็นตัว แต่ละครั้งจำนวนไม่แน่นอนโดยมากไม่เกิน 2 ตัว อายุรวม ๆ อยู่ได้ประมาณ 9-10 ปี

การเลี้ยงลูกกระรอก

กระรอกจะเลี้ยงต้องใส่ใจ และบ้างครั้งก็เลี้ยงยาก เพราะโดยมากกระรอกนั้นจะเป็นการนำมาจากธรรมชาติไม่ได้มาจากการเพาะเลี้ยง จึงมักมีปัญหาเรื่องสุขภาพพอสมควร เพราะไม่ได้กินน้ำนมจากแม่ที่เพียงพอ ถ้าเลือกเลี้ยงควรนำลูกกระรอกที่ลืมตามแล้วมาเลี้ยงจะง่ายกว่า

สำหรับลูกกระรอกที่ยังไม่ลืมตานั้น ต้องใส่ใจมากกว่า และพิถีพิถันพอสมควร ต้องกระตุ้นให้มันลืมตาด้วยการใช้สำลีชุบน้ำอุ่นบีบหมาด ๆ เช็ดที่ตาทุกวัน และต้องใส่ใจเรื่องการขับถ่ายด้วย

อาหารที่ให้กระรอก

สำหรับลูกกระรอกที่ยังไม่หย่านมจะเป็นนมผงเด็ก นมผงสำหรับลูกสุนัข หรือหนู หรือนมถั่วเหลืองก็ได้ อย่าใช้นมวัวเลี้ยงเพราะจะทำให้ท้องเสียได้การให้นมควรให้ผ่านสริงฉีดยาให้ทีละน้อย ๆ อย่าเร็วจนเกินได้ อาจทำให้สำลักได้ในหนึ่งวันให้ที่ 4-5 มื้อ

กระรอกโตควรกินผักผลไม้เป็นอาหารหลัก อาจเป็นพวกเมล็ดทานตะวันหรือถั่วก็ได้ และได้รับอาหารเสริมประเภทสัตว์หรือแมลงต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่เป็นปัญหาต่อสุขภาพของกระรอก เช่น แตงโม แตงไทย และแตงกวา  เพราะพวกนี้มีน้ำเยอะจะทำให้ท้องอืดได้

รังนอนของกระรอก

กระรอกเป็นตัวที่ขี้ระแวง ตกใจง่าย การทำรังนอนจึงควรอยู่มุม ๆของกรง อาจเป็นรังหรือกล้องรองด้วยฟาง เพื่อให้กระรอกได้ซุกตัวนอน และทำให้อบอุ่นรวมทั้งทำให้กระรอกน้อยรู้สึกปลอดภัยด้วย ในกรงอาจมีวงล้อหรือคอนให้กระรอกได้ปีนป่ายเล่น

สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงกระรอกในวัยโตเต็มที่แล้วไม่ต้องดูแลจนใกล้ชิดมากเหมือนตอนยังเล็ก ๆ และอย่ากลัวที่จะถูกกัด หรือกลัวที่จะเปือนฉี่ในตอนที่นำมาไต่เล่นบนตัว นะคะ ที่สำคัญก็คือ ต้องไม่กลัวบ้านพังด้วยนะ  เพราะกระรอกน้อยนั้นมีนิสัยชอบ แทะ แค่คุณเผลอก็อาจแทะข้าวของได้ วิธีป้องกันไม่จำเป็นที่จะต้องตัดฟันแค่คุณหาผลไม้เนื้อแข็ง ๆหรือของให้กระรอกแทะก็ช่วยได้นะคะ

#เลี้ยงกระรอกท้องขาว #กระรอกท้องขาว #สัตว์เลี้ยงน่ารู้