Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ชิสุห์ (Shih Tzu) สุนัขตัวน้อยที่สุดแสนจะน่ารัก ที่เป็นมิตรมากที่สุด

ชิสุห์ (Shih Tzu) เป็นสายพันธ์ได้รับความนิยมมากๆ ด้วยความที่ว่าเจ้าสุนัขชิสุห์นี้มีความน่ารัก แสนรู้ และก็ยังมีความเป็นมิตรสามารถเข้าได้ดีกับบุคคลทุกเพศทุกวัย แถมยังมีความเฉลียวฉลาด ร่าเริง ขี้เล่น อีกทั้งมีความอ่อนโยนมากๆ และด้วยความแสนรู้ของเจ้าชิสุห์ อีกทั้งยังเข้าสังคมเก่ง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ใครๆ ก็พากันตกหลุมรักเจ้าชิสุห์ตัวน้อย

ชิสุห์ (Shih Tzu) มีต้นกำเนิดมาจากทิเบต โดยสืบเชื้อสายมาจากสายมาจากสุนัขสายพันธุ์ลาซา แอปโซ (Lasa Apso) ที่เลี้ยงไว้เฝ้าวัดในประเทศฑิเบต ที่ถูกนำเข้ามาในราชสำนักจีน และถูกพัฒนาสายพันธุ์ โดยให้มาผสมกับสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง (Pekingese) จนได้สุนัขพันธุ์ชิสุห์ขึ้นมา และในช่วง ค.ศ ที่ 1930 สุนัขชิสุห์ตัวแรกได้ถูกนำไปที่อเมริกา สมาคมสุนัขแห่งอเมริกา (AKC) ได้รับรองสายพันธุ์ให้กับสุนัขชิสุห์ในปี ค.ศ. 1969 นับตั้งแต่นั้นมาชิสุห์ก็กลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัข ที่ได้รับความนิยมสูงมาก

ลักษณะของเจ้า ชิสุห์ (Shih Tzu) ที่ทำให้ผู้คนตกหลุมรัก

ชิสุห์ (Shih Tzu) เป็นสุนัขที่มีขนาดตัวเล็ก และจะมีลักษณะหูพับลงแนบข้างหัว มีหัวที่กลมสมส่วน ส่วนช่วงลำตัวนั้นจะยาว มีดวงตาที่กลมโต ซึ่งทำให้เจ้าชิสุห์ดูน่ารักขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเลย ส่วนขนนั้นจะเป็นขนสองชั้นยาวเต็มตัว และจะมีสีขนอยู่หลายสีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสีดำล้วน ขาวล้วน ขาวดำ ขาวเทา หรือขาวแดง เป็นต้น และชิสุห์นี้จะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 4.5 – 7.5 กิโลกรัม ส่วนสูงก็จะอยู่ที่ประมาณ 25 – 27 ซม. และจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 14-15 ปี

เรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับอาหารของ ชิสุห์ (Shih Tzu) เจ้าหมาตัวเล็กสุดน่ารัก

อาหารที่เหมาะสมกับเจ้า ชิสุห์ (Shih Tzu) นั้น ควรจะเป็นอาหารเม็ดมากกว่าอาหารกระป๋อง เพราะหากให้กินอาหารกระป๋อง ก็จะทำให้เลอะขนได้ ด้วยขนที่ยาวของเขา มันจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรค ซึ่งควรจะให้อาหารเม็ดปริมาณ 1/2-1 ถ้วยตวง โดยจะให้วันละสองมื้อ และอาหารที่ให้นั้น ก็จะต้องเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี มีสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ และจะต้องมีสารอาหารเสริม เพื่อเพิ่มการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกายสุนัข เช่น แร่ธาตุ วิตามินบี โอเมก้า3 และโอเมก้า6 เพื่อน้องจะได้มีสุขภาพที่ดี และมีขนที่สวยเงางาม

การเลี้ยงสุนัข ชิสุห์ (Shih Tzu) เราต้องเลี้ยงด้วยความใส่ใจ พร้อมที่จะดูแลเขา และด้วยความที่เขานั้นมีขนยาว เราจึงควรจะมีแปรงหวีขน เพื่อที่เรานั้นจะได้แปรงขนให้เขาทุกวันเพื่อป้องกันขนพันกัน วิธีการแปลงขนให้เขานั้น เราควรจะแปรงไปในทิศทางเดียวกัน และเราต้องอาบน้ำให้อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง แล้วอย่าลืมทำความสะอาดช่องปากให้เขาด้วยการแปรงฟัน เพื่อที่จะมีสุขภาพที่ดี และเขาก็จะอยู่กับเราได้นานขึ้น

เครดิตภาพ

https://www.vetbasket.com ภาพที่ 1

https://pet.kapook.com/view156.html ภาพที่ 2,3

ลิงก์เพิ่มเติม :

รู้จักสุนัขพันธุ์ ชิสุห์ (Shih Tzu) สุนัขตัวจิ๋ว หน้าคล้ายสิงโต !!

#สุนัข ชิสุห์ (Shih Tzu) #เลี้ยงชิสุห์ต้องรู้ #แนะนำการเลี้ยงสุนัข ชิสุห์

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) สุนัขแสนรู้ ที่จะมามอบความสุขให้กับผู้เลี้ยง

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) สำหรับคนรักสุนัขนั้น คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับเจ้าโกลเด้น ด้วยขนาดตัวที่พอเหมาะ มีสายตาที่อ่อนโยน และยังมีความร่าเริง ขี้เล่น มีความน่าหลงใหล

อีกทั้งยังมีอารมณ์ที่เย็น มีความเชื่อฟัง เวลาเราฝึกอะไรให้เขา และชอบให้เราชมเวลาเขาทำอะไรได้ และโกเด้นนั้น ก็ยังเป็นมิตรกับทุกๆสิ่ง ไม่ว่าจะกับเด็ก แมว หรือคนอื่นๆที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยง

จึงทำให้โกลเด้นเป็นสุนัข ที่ใครๆก็ชอบเลี้ยงไว้เป็นเพื่อคู่ใจ อีกทั้งเขานั้นยังชอบเล่น และหยอกล้อกับผู้เลี้ยง

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เป็นสุนัขขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นสุนัทที่ต้องออกกำลังกาย เพื่อป้องกันกรเกิดโรค ดังนั้นผู้ที่ต้องการจะเลี้ยงเจ้าโกลเด้น จะต้องมีสถานที่ให้พร้อม

รวมไปถึงเวลาที่ต้องใช้ในการดูแล และทำกิจกรรมต่างๆกับเขาได้ ซึ่งถ้าหากว่าคุณนั้นมีทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว รับรองได้เลยว่าคุณนั้นจะได้เพื่อนคู่หูที่น่ารักที่สุดอย่างแน่นอน

สุนัขที่มาพร้อมกับความสามารถ

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ถูกจัดอันดับให้เป็นสุนัขยอดนิยม อันดับที่ 2 โดยเจ้าสุนัขโกลเด้นนี้ มีสายพันธุ์มาจากพื้นที่ทางลุ่มแม่น้ำของเกรท บริเทน (Great Britain)

ซึ่งจะมีต้นกำเนิดมาจากการผสมหลายสายพันธุ์ด้วยกัน โดยจะมีทั้งสแปเนียล เซทเตอร์ นิวฟาวด์แลนด์ แต่ไม่ใช่นิวฟาวด์แลนด์ สายพันธุ์ที่เรารู้จักในปัจจุบัน และอาจจะมีบลัดฮาวด์ด้วย ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อล่าสัตว์ปีก โดยเฉพาะนก ซึ่งในปัจจุบันนี้เจ้าโกลเด้นนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่สุนัขล่านก หรือสัตว์เลี้ยงแสนรู้แล้ว เพราะยังถูกฝึกให้เป็นสุนัขช่วยเหลือ เพื่อผู้คนที่ตาบอดและพิการ อีกทั้งยังถูกฝึกให้ตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งมีเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้น ที่มีความสามารถเยอะแบบนี้

สิ่งสำคัญสำหรับการดูแลเจ้า โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีนิสัยชอบทำกิจกรรมมากๆ จึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับพลังงานอาหารสูง แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของกระดูกและข้อต่อ รวมถึงโรคภูมิแพ้ ดังนั้นเจ้าของที่เลี้ยง จึงต้องพิจารณาความต้องการอาหารอย่างระมัดระวัง โดยจะต้องเลือกอาหารที่ให้พลังงาน ต่อความต้องการของเจ้าโกลเด้น ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงอาย และควรจะลดอาหารที่มีไขมันมากเกืนไป เพื่อที่จะลดไขมันสะสมในร่างกาย เพราะว่าเป็นเหตุของการมีน้ำหนักตัว ที่มากจนเกินไป ซึ่งก็จะเสี่ยงต่อการเกิดโรค

สิ่งสำคัญสำหรับการดูแลสุนัขสายพันธุ์ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) นั้น ก็คือเราต้องคอยดูน้ำหนักตัวของสุนัขอย่างสม่ำเสมอ และอาหารที่ให้นั้น ก็ต้องมีประโยชน์ รวมไปถึงการออกกำลัง ที่เราต้องพาน้องเดินเล่นอยู่เสมอ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ถึงว่าน้องจะเป็นสัตว์แสนรู้ แต่การที่จะแสนรู้ได้นั้น เราก็ยังจะต้องหมั่นฝึกฝนน้องบ่อยๆ เพื่อที่เจ้าโกลเด้นนั้นจะได้ฉลาดและแสนรู้มากขึ้น

เครดิตภาพ

https://pixabay.com/th/photos/ ภาพที่ 1

https://pixabay.com/th/photos/  ภาพที่ 2

https://pixabay.com/th/photos//  ภาพที่ 3

ลิงก์เพิ่มเติม :

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ Golden Retriever 101 | SudPad-Dog

#โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ #รู้ก่อนเลี้ยงโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ #สัตว์เลี้ยงน่ารู้

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

5 สัตว์เลี้ยงน่ารัก เลี้ยงง่าย เหมาะสำหรับเด็กหอที่อยากมีสัตว์เลี้ยงไม่กวนข้างห้อง

สัตว์เลี้ยงคืออีกสิ่งมีชีวิตที่เป็นทั้งเพื่อนที่ดี เป็นทั้งครอบครัวและเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจให้กับคนหลาย ๆคนที่อยากรักและต้องการความรักจากเหล่าสัตว์เลี้ยงของตัวเองโดยสัตว์ชนิดต่าง ๆก็มีเอกลักษณ์และวิธีการดูแลที่แตกต่างกันไป ซึ่งสำหรับคนที่อยู่บ้านเช่า อยู่คอนโด หรือเป็นเด็กหอที่ต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ แต่ไม่อยากให้น้องมีเสียงดัง หรือสร้างความรำคาญให้เพื่อนบ้าน วันนี้เราเลยมี 5 สัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆที่สามรถเลี้ยงในห้องได้ ไม่ส่งเสียงรบกวนและไม่สร้างความรำคาญมาเป็นไอเดียในการเลี้ยงสัตว์มาฝากกัน

1. งูข้าวโพด (Corn Snake)

งูข้าวโพด (Corn Snake) คือ สัตว์เลี้ยงที่เหมาะสำหรับหอพักที่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ เพราะงูเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ส่งเสียงรบกวน ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงน้อยและใช้เวลาในการดูแลน้อย ทำให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองแถมเจ้างูข้าวโพด (Corn Snake) ยังมีนิสัยเชื่อง ขี้อาย ชอบซ่อนตัว ไม่ดุร้าย ไม่มีพิษ ตัวลื่น เกล็ดแข็งเรียบ ลวดลายสวยงาม มีสีส้ม หรือเหลืองน้ำตาล และเลี้ยงง่ายเมื่อเทียบกับงูชนิดอื่น ๆด้วย

2. กุ้งแคระสวยงาม

สำหรับใครที่เบื่อการเลี้ยงปลา การเลี้ยง ‘กุ้งแคระ’ ก็เป็นอีกไอเดียที่น่าสนใจเพราะเป็นสัตว์เลี้ยง ที่มีขนาดแค่ปลายนิ้วแต่มีสีสันสวยงาม มีหลากหลายสายพันธุ์ตั้งแต่สีพื้นสีเดียว เช่น แดง ส้ม ไปจนถึงลวดลายขาวสลับแดง เหมือนปลาคราฟ ก็มีให้เลือกซื้อกัน จึงนับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครที่อยากมีตู้ปลาอยู่ในห้อง

3 .เต่าบก

เต่าบก คือ สัตว์เลี้ยง สำหรับคนรักความสงบ โดยเจ้าเต่าบก เหมาะสำหรับคนที่อยากหาเพื่อนอายุยืนเพียงพอจะอยู่เดินต้วมเตี้ยมด้วยกัน ไปจนแก่เฒ่า เพราะถ้าหากเลี้ยงอย่างถูกวิธีเต่าบกจะเป็นสัตว์เลี้ยงจะอยู่เป็นเพื่อนเรานานหลายสิบปีเลยทีเดียว

สัตว์เลี้ยงที่น่ารักคือสัตว์เลี้ยงที่เรารู้สึกรักแม้ว่าภายนอกจะมีหน้าตาที่น่ากลัว

4. ชินชิล่า

ชินชิล่าคือสัตว์เลี้ยงขนนุ๊มนุ่มที่เหมาะสำหรับคนที่อยากเลี้ยงสัตว์น่ารัก ๆแต่เบื่อเลี้ยงหนูเลี้ยงกระต่าย เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับหนูผสมกระต่าย วิธีการเลี้ยงไม่ยากแถมยังเชื่องอีกต่างหาก แต่มีข้อพึงระวังนิดหน่อยคือ ด้วยความเป็นสัตว์ขนหนาจึงควรเลี้ยงในห้องแอร์หรือห้องที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนอบอ้าวเพื่อให้น้องไม่เกิดอาการฮีท หรือไม่สบายตัวนั่นเอง

5. กิ้งก่าคาเมเลี่ยน

กิ้งก่าคาเมเลี่ยนหรือที่เรารู้จักกันในชื่อกิ้งก่าเปลี่ยนสีเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจ ด้วยเสน่ห์ในเรื่องของสีผิวที่สามารถปรับเปลี่ยนตามอารมณ์และสภาพแวดล้อม  พร้อมกับดวงตาที่กรอกได้โดยรอบ ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของที่ทำให้กิ้งก่าคาเมล่อนเป็นอีกสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจเช่นกัน

เครดิตรูปภาพ petcitiz และ thaich8

#สัตว์เลี้ยงเด็กหอ #แนะนำสัตว์เลี้ยง #เลี้ยงสัตว์ในคอนโด

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

รวมเรื่องน่ารู้ของนกอินทรีย์ จ้าวเวหานักล่าผู้สง่างาม

นกอินทรีย์สัตว์ปีกชนิดล่าเหยื่อเป็นอาหารที่มีขนาดใหญ่ จัดอยู่ในวงศ์ Accipitridae อันดับ Falconiformes เช่นเดียวกับเหยี่ยว มีชื่ออังกฤษ Eagle ในภาษาละติน Aquila เป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก เพราะอายุเฉลี่ยอยู่ประมาณ 70 ปี พอ ๆ กับคนเราเลยทีเดียว ลักษณะโดยทั่วไปมีโครงสร้างที่แข็งแรง ประกอบไปด้วยกระดูก กล้ามเนื้อ ขน และมีกรงเล็บแหลมคม มีความสวยงาม สายตาเฉียบคมและมีสายตาดีที่สุดเพราะมองเห็นเป้าหมายได้ในระยะไกล บินได้เร็ว มีเพดานบินวัดจากพื้นราบจึงความสูงที่ 2,100 เมตร โจมตีได้อย่างแม่นยำ ส่วนใหญ่จะมีสีเข้ม และมักสร้างรังบนหน้าผาที่สูงชัน

เรื่องน่ารู้ของจ้าวเวหา นามว่าอินทรีย์

                  1. พละกำลังอันมหาศาล ด้วยกรงเล็บมีแรงจิกมากกว่า 750 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว มีความหนักหน่วงมากกว่าแรงกัดของเจ้าป่าอย่างสิงโต ทำให้ลากแพะที่มีขนาดโตเต็มวัยลงมาจากหน้าผาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก โดยเฉพาะฮาสท์มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อาศัยอยู่ทางใต้ของเกาะในนิวซีแลนด์ มีความยาวปีกทั้งหมดจากซ้ายไปขวากว่า 3 เมตร มีน้ำหนักได้ถึง 15-20 กิโลกรัม อาหารคือนกโมอายักษ์ที่มีน้ำหนักสูงถึง 250 กิโลกรัม ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าสิบเท่าของฮาสท์ เป็นที่น่าเสียดายเพราะพวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้วในราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 เนื่องจากนกโมอายักษ์ได้สูญพันธุ์ไปก่อนหน้านั้น

                  2. ถูกเลี้ยงเพื่อช่วยล่า นกอินทรีย์ทองถูกฝึกฝนโดยใช้เทคนิคกว่า 7 แบบ ช่วยคนเราล่าสัตว์เพื่อหาอาหารมานานหลายร้อยปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของเหยื่อแต่ละประเภทด้วย นอกจากนี้ยังเป็นสัตว์สงวนไว้สำหรับกษัตริย์ของยุโรปในช่วงยุคกลาง และในปัจจุบันพวกมันบางชนิดถูกฝึกให้กำจัดโดรนที่กระทำผิดกฎหมาย เช่น การส่งสารเสพติด การนำสิ่งต้องห้ามเข้าเรือนจำ เป็นต้น

                  3. ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ ในปี ค.ศ. 1972 สหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้ Eagle หัวขาวได้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ เพราะมันมีถิ่นกำเนิดที่นี่ ยังมีตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งเกิดสงครามประกาศอิสระภาพการสู้รบทำให้พวกมันส่งเสียงดังคล้ายกับว่าเป็นเสียงของการประกาศอิสระภาพได้เกิดขึ้นนั่นเอง

                  4. จะงอยปากและเล็บงอกยาวได้ตลอดชีวิต ด้วยพฤติกรรมที่จิกแทะเหยื่อยิ่งเป็นการฝนเล็บไปในตัว ทำให้จะงอยปากและเล็บไม่งอกยาวออกมามากจนใช้ชีวิตไม่ได้

                  5. การผสมพันธุ์ที่พิเศษ พวกมันสามารถผสมพันธุ์ได้ในขณะที่บินอยู่ หรือระหว่างที่ทิ้งตัวลงจากความสูงได้ เป็นความพิเศษที่นกชนิดอื่น ๆ ไม่สามารถทำได้

บททดสอบความเป็นอินทรีย์

              นกอินทรีย์เมื่ออายุเข้าสู่ 40 ปี ปากจะงองุ้ม กินอะไรได้ยาก เล็บยาวและโค้งงอ จนไม่สามารถจับสัตว์เป็นอาหารได้เหมือนเดิม ปีและขนปกคลุมจนหนาและหนักทำให้บินได้ยากขึ้น ซึ่งความทรมาณนี้เกิดขึ้นนานถึง 150 วัน ในช่วงเวลานี้มีให้เลือก 2 ทางคือ ฆ่าตัวตาย กับอดทนรอคอย ทางเลือกที่หนึ่งทำได้ง่าย ๆ เพียงใช้กรงเล็บปาดคอตัวเองลาโลกไป ทางเลือกที่สองคือการใช้ปากและเล็บที่งองุ้มเคาะกับหินแข็งนับพันครั้ง เพื่อให้จะงอยปากและเล็บหลุดออกมา และต้องจิกขนทีละชั้นออกให้หมด ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ เจ็บปวดทรมาณอย่างแสนสาหัส แต่ผลที่ได้คือ จะงอยปากและเล็บใหม่ที่มีความสวยงามเช่นเดิม และมีชีวิตยืนยาวไปอีก 30 ปี กลับมาบินบนท้องฟ้าได้อย่างสง่างามและมีพลังมากกว่าเดิมอีกด้วย

              นกอินทรีย์เป็นนักล่าที่สามารถพบได้ทั่วไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ยกเว้นในเขตที่มีอากาศหนาวเย็นอย่างเช่นแอนตาร์กติก ซึ่งเราต้องรีบอนุรักษ์พวกมันเอาไว้ก่อนที่จะสูญพันธุ์จนไม่มีให้เห็นอีกต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพ : bdtxry.com / youtube.com / Wikipedia.org   

Youtube :

สารคดี สำรวจโลก ตอน ตามติดชีวิตอินทรี

ลุยกองข่าว : ราชาแห่งเวหา “อินทรีย์มงกุฎ” ตัวแรกในเอเชีย!

#นกอินทรีย์ #จ้าวเวหา #นกนักล่า

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff) เจ้าหมายักษ์ จอมซื่อสัตย์

  ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff) เป็นสุนัขที่ถือว่าตัวใหญ่มาก โดยน้ำหนักที่เคยถูกบันทึกไว้นั้น มีน้ำหนักมากกว่า 110 กิโลกรัม และมีความสูงมากกว่า 80 เซนติเมตรเลย มีขนสองชั้นและยาว ทิเบตันจึงเป็นสายพันธุ์ ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับของสายพันธุ์สุนัขที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีความดุร้ายที่สุดในโลกอีกด้วย แต่เจ้าทิเบตันตัวนี้ ไม่ได้ดุร้ายกับทุกคน เพราะมันจะรัก และซื้อสัตย์กับเจ้าของอย่างมาก จึงทำให้ทิเบตันตัวนี้ เป็นที่รักของใครหลายๆคน 

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff) เป็นสุนัขที่มีความสง่างามมากๆ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่สุดๆ อีกทั้งยังมาพร้อมกับขนที่สวยเงางาม มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

จึงทำให้เป็นที่นิยมสูง ซึ่งทำให้ราคาของสายพันธุ์นี้ เคยถูกขายในราคาหลักล้านเลย แต่ในปัจจุบันี้นั้น จะอยู่ที่ประมาณหลักหมื่นปลายถึงหลักแสน แต่ความนิยมนั้น ก็ไม่ได้ลดลงไปเลย

ต้นกำเนิดของเจ้ายักษ์ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff)

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetm Mastiff) มีต้นกำเนิดจากประเทศทิเบต เอกสารที่เป็นบันทึกเรื่องราว ที่เกี่ยวกับเจ้ายักษ์ทิเบต้นนั้น มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

และจะของช่วงก่อนศตวรรษที่ 19 แต่มีความเชื่อกันว่าทิเบตันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยผลการตรวจ DNA นั้น ทำให้รู้ว่าสายพันธุ์ทิเบตัน ได้ถือกำเนิดมาประมาณ 5000 กว่าปีมาแล้ว ทิเบตันถูกพัฒนาสายพันธุ์ จากสุนัข 2 สายพันธุ์ คือ โทชี (Do-khyi) ที่ถูกเลี้ยงไว้ใช้ดูแลฝูงแกะ และอีกสายพันธุ์หนึ่งนั้น เป็นตัวที่ใหญ่กว่าตัวแรก คือสายพันธุ์ซังชี (Tsang-khyi) ซึ่งถูกมอบให้กับวัดในทิเบต เพื่อไว้ป้องกันพระสงฆ์ หรือลามะ ที่อาศัยอยู่ในวัด และต่อมาในปี 1873 England’s Kennel Club ได้จัดตั้งชื่อขึ้นอย่างเป็นทางการในนามว่า “ทิเบตัน มาสทิฟฟ์” เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นมีชื่อว่า “สุนัขตัวโตจากทิเบต”

วิธีการเลี้ยงและดูแลเจ้า ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetm Mastiff)

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์(Tibetm Mastiff) มีขนที่ยาว อีกทั้งยังมีความหนา จึงต้องแปลงขนอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้เส้นขนตาย แต่ไม่ต้องอาบน้ำบ่อยหลุดออก แล้วควรพาออกกำลังกาย 20-30 นาทีต่อวัน ส่วนในเรื่องของอาหารที่เหมาะสมนั้น ต้องให้เป็นอาหารแห้งเท่านั่น ซึ่งอาจจะต้องมีเพิ่มอาหารกระป๋องด้วย แต่จะเป็นตอนที่เขามีน้ำหนักน้อยเกินเท่านั้น และควรให้อาหารที่ 4-6 ถ้วย โดยแบ่งเป็น 2 เวลาต่อวัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูขนาด และน้ำหนักตัวของเจ้าทิเบตันรวมด้วย 

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetm Mastiff) เป็นสุนัขที่ตัวใหญ่มากๆ ดังนั้นผู้ที่จะเลี้ยง ก็จะต้องมีบริเวณบ้านที่ใหญ่พอ ให้เขาวิ่งเล่นด้วย เพราะถึงจะเป็นสุนัข ที่ตัวโตดูมีความแข็งแรง เขาก็สามารถป่วยได้เช่นกัน และการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ทิเบตันนั้น อาจจะไม่เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กนัก เพราะขนาดตัวของเขา อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หรือถ้าหากว่าจำเป็นจริงๆ เราก็ต้องดูแล และระมัดระวังให้ดี 

เครดิตภาพ

http://splovedog.blogspot.com/2013/08/blog-post.html ภาพที่ 1,2

https://www.marketdogs.com/dogguide/%28tibetan-mastiff%29/ ภาพ 3

#ทิเบตันมาสทิฟฟ์ #หมายักษ์มาสทิฟฟ์ #สัตว์เลี้ยงน่ารู้

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

สัตว์เลี้ยง

ถ้าพูดถึงความเหงาหลาย ๆ คนคงรู้สึกว่าไม่อยากจะพบเจอ เลยจะมาแนะนำเพื่อนแก้เหงากันค่ะ เพื่อนแก้เหงาในที่นี้คือสัตว์เลี้ยงสุดแสนจะน่ารัก แต่ว่าสัตว์เลี้ยงมีหลายประเภทแล้วสัตว์เลี้ยงแบบไหนกันล่ะที่น่าสนใจและเป็นเพื่อนแก้เหงาให้เราได้จริง ๆ อีกทั้งยังสามารถช่วยเติมเต็มชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัวให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น วันนี้ขอแนะนำสัตว์เลี้ยงที่ทั้งน่ารัก ขี้อ้อน ดูแลง่ายเป็นมิตรกับทุกเพศทุกวัยและยังเป็นที่นิยมมากอีกด้วย นั่นก็คือน้องแมวนี่เองค่ะ

แมว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีช่วงลำตัวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ 40 เซนติเมตร แมวที่เลี้ยงตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเล็ก ขนาดลำตัวยาว ช่วงขาสั้น แมวเป็นสัตว์ที่มีความคล่องตัวสูงและจัดอยู่ในกลุ่มของประเภทสัตว์กินเนื้อ มีเขี้ยวและเล็บแหลมคมสามารถหดซ่อนเล็บได้ โดยทั่วไปจะมีการแบ่งพันธุ์แมวออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ แมวขนยาว (longhaired cat) และ แมวขนสั้น (shorthaired cats) แมวในโลกนี้มีมากมายหลายพันธุ์ ส่วนแมวที่น่ารักและเป็นที่นิยมเลี้ยง คือ แมวเปอร์เซีย (Persian Cat) แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American Short Hair) สก็อตติช โฟลด์ (Scottish Fold) แมวเอ็กโซติก (Exotic) และแมวหิมาลายัน (Himalayan)

นิสัยของแมว

แมวเป็นสัตว์หากินกลางคืนเป็นส่วนใหญ่ แมวอาจดูเหมือนกับเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างขี้เกียจนอนตลอดทั้งวัน แต่ความเป็นจริงแล้วแมวจะหลับๆตื่นๆ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ สลับกัน แมวตื่นขึ้นมาเพื่อจะสำรวจเสียงหรือสิ่งแปลกปลอมรอบตัว หากไม่มีอะไรน่าสนใจแมวก็จะหลับต่อ แมวมีจมูกที่ไวต่อกลิ่นและหูที่ไวต่อเสียง และจะพลิกหันไปหันมาอยู่เสมอเพื่อดักฟังเสียงแปลกๆไปด้วย โดยทั่วไปแมวเป็นสัตว์ที่รักอิสระมาก ๆ  ชอบทำอะไรตามใจตนเอง และคิดเสมอว่าตัวเองอยู่เหนือกว่ามนุษย์ เป็นนายเรา
เป็นเจ้าของเรามากกว่าที่เราจะเป็นเจ้าของมัน แมวจะรักตอบแค่คนที่รักตัวมันเท่านั้น แมวเป็นสัตว์ที่มีนิสัยค่อนข้างหยิ่ง มักไม่นั่งค่อยชอบนั่งเฝ้าคนหรือติดเจ้าของเหมือนกับสุนัข ชอบเที่ยวผจญภัย (บางบ้านกลางคืนแมวอาจจะแบบหนีเที่ยวเลยด้วยซ้ำ) แถมยังดื้อไม่ค่อยเชื่อฟังอีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากให้แมวรักก็ต้องเอาอกเอาใจแมวสักหน่อย(เพื่อเพิ่มแต้มความรัก)  เพราะถ้าแมวรักคุณแล้ว แมวจะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่สุดแสนจะน่ารักและขี้อ้อน น่าเอ็นดูสุดๆเลยทีเดียว เป็นยังไงบ้างคะ อยากจะเลี้ยงแมวขึ้นมาเลยใช่มั้ยล่ะ แต่อย่าลืมนะคะแมวแต่ละตัวอาจจะมีนิสัยต่างกันไป ยังไงก่อนจะเลี้ยงเจ้าตัวป่วนก็อย่าลืมที่จะศึกษานิสัยโดยธรรมชาติของแมวหรือสัญชาตญาณของมัน และวิธีการเลี้ยงเพิ่มเติมกันด้วยนะคะ

#รู้จักแมวก่อนเลี้ยง #นิสัยของแมว #แนะนำสัตว์เลี้ยง

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

มาทำความรู้จักกับ ลักษณะนิสัยของสุนัขแต่ละสายพันธุ์กัน

ขนาดมนุษย์อย่างเรานั้นยังมีความหลากหลาย และแตกต่างกันเป็นอย่างมากในด้านของอุปนิสัยส่วนตัว สุนัขของพวกเราก็เหมือนกัน โดยสุนัขนั้นต่างก็มีหลากหลายสายพันธุ์และนิสัยที่แตกต่างกันออกไปเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสุนัขสายพันธุ์เล็กหรือสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ก็ตาม ดังนั้นเพื่อให้เราสามารถเข้าอกเข้าใจในสุนัขของเราได้เป็นอย่างดีนั้น วันนี้เราจึงจะพามาทำความรู้จักกับ ลักษณะนิสัยของสุนัขแต่ละสายพันธุ์กัน

โดยลักษณะนิสัยของสุนัขแต่ละสายพันธุ์นั้น ก็จะช่วยให้เรารู้ว่าเราควรจะปฏิบัติหรือเลี้ยงดูเขาอย่างไรดี จึงจะเหมาะสม เช่น สุนัขบางสายพันธุ์ต้องการอยู่แบบสันโดษ บางสายพันธุ์เป็นสุนัขขี้เล่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของสุนัขควรศึกษาและทำความเข้าใจ

พันธุ์ชิวาวา

สุนัขพันธุ์ชิวาวานั้นเป็นสุนัขพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก และมีถิ่นกำเนิดในประเทศเม็กซิโก ราวศตวรรษที่ 19 แต่เดิมนั้นสุนัขพันธุ์นี้ก็เป็นสุนัขพันธุ์ที่มีขนาดเล็กมากอยู่แล้ว แต่ไม่เล็กเท่าขนาดในปัจจุบันนี้ ซึ่งนิสัยโดยพื้นฐานของสุนัขพันธุ์ชิวาววานั้น เป็นสุนัขที่ฉลาดและรักเจ้าของมาก ไม่ค่อยจะเห่าหรือส่งเสียงดังรบกวนเท่าไหร่นัก และเป็นสุนัขที่มีความกล้าหาญมาก เมื่อเทียบกับขนาดตัวแล้ว

พันธุ์ชิสุ

สุนัขพันธุ์ชิสุนั้นมีถิ่นกำเนิดมาจากทิเบต โดยคำว่าชิสุนั้น เป็นภาษาจีนที่แปลว่า สุนัขสิงโต ซึ่งชิสุนั้นเป็นสุนัขในสามสายพันธุ์ชั้นสูง พวกเดียวกับปักกิ่งและปั๊ก โยลักษณะนิสัยพื้นฐานของสุนัขพันธุ์ชิสุนั้น ถึงแม้จะเป็นสุนัขที่มีขนาดตัวเล็กแต่เป็นสุนัขที่ดุ และเห่าเก่งมาก ในขณะเดียวกันก็ขี้ประจบ และเป็นมิตรอีกด้วย

พันธุ์ปอมเมอเรเนียน

สุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนนั้นมีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองปอมเมอเรเนียน ในประเทศเยอรมนี และได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้เป็นสุนัขอารักขา และได้รับการพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง โดยนิสัยส่วนตัวของปอมเมอเรเนียนนั้น เป็นสุนัขที่มีนิสัย เฉลียวฉลาด ร่าเริงอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ และรักเจ้าของเป็นอย่างยิ่ง

พันธุ์บีเกิล

หรือสุนัขพันธุ์ที่เป็นต้นแบบของการ์ตูนชื่อดัง สนูปปี้นั่นเอง โดยพันธุ์บีเกิลนั้นมีต้นกำเนิดมาจากสหราชอาณาจักร โดยนิสัยพื้นฐานของบีเกิลนั้น เป็นสุนัขที่มีนิสัยสุภาพ เป็นมิตร ขี้เล่น ไม่ดุร้าย และเชื่องมาก

พันธุ์ปั๊ก

สุนัขพันธุ์ปั๊กนั้น มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน ซึ่งในสมัยโบราณนั้นนิยมเลี้ยงไว้ในวัดจีน ซึ่งนิสัยพื้นฐานของพันธุ์ปั๊กนั้น เป็นสุนัขที่ซน ดื้อแต่ก็ฉลาดมากเช่นเดียวกัน

เป็นยังไงกันบ้างคะกับลักษณะนิสัยของสุนัขแต่ละสายพันธุ์ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ ตอนนี้เพื่อนๆคงจะทราบกันแล้วว่าเหล่าสุนัขของเรานั้นมีอุปนิสัยพื้นฐานเป็นอย่างไรบ้าง ต่อไปนี้จะได้สามารถอยู่กันด้วยความเข้าใจสักที

เพิ่มเติม :

#นิสัยสุนัขแต่ละสายพันธุ์ #นิสัยส่วนตัวสุนัข #แนะนำการเลี้ยงสุนัข

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

สุนัขพูดได้จริงหรือ

            เชื่อว่าหลายต่อหลายคนมีสัตว์เลี้ยงยอดฮิตเหมือนกัน คือสุนัข และเหตุผลที่สุดแมสว่าทำไมมนุษย์ถึงเลี้ยงสุนัขนั่นเป็นเพราะความน่ารักของพวกมัน ถึงกับตั้งชื่อให้สุนัขหรือซื้อเสื้อผ้าสุดน่ารักให้ใส่ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว นอกจากความน่ารักจากภายนอกของพวกมันแล้ว เราก็ควรใส่ใจจิตใจหรือสิ่งที่พวกมันต้องการสื่อสารผ่านเราด้วย เช่น ยามที่พวกมันดีใจ เสียใจ กังวล หรือป่วย ซึ่งการที่สุนัขพูดในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการสื่อสารโดยการพูดเป็นคำเหมือนมนุษย์ แต่เป็นการสื่อสารผ่านท่าทางของพวกมัน ผ่านภาษากาย

เครดิตภาพปกจาก : www.purina.co.th/dog/supercoat/dog-tips/article/why-dog-behavior

ความสัมพันธ์ของมนุษย์และสุนัข

เครดิตภาพจาก : www.pinterest.com/pin/690458186616596013/

            สุนัขเปรียบได้เหมือนเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของมนุษย์ ที่จะคอยอยู่เคียงข้างเรายามที่ท้อแท้ ผิดหวัง มีความสุข หรือแม้กระทั่งตอนเหงา แม้พวกมันจะไม่สามารถสื่อสารโดยการพูดได้ แต่ท่าทางของพวกมันก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่อยู่ข้างเราตลอดเวลาไม่ทิ้งไปไหน และไม่มีข้อกังขาใด ๆ ในความรู้สึกเหล่านี้ มีแต่ความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาล้วน ๆ เรียกได้ว่า ยามสุขเราสุขด้วย และยามเศร้าก็เศร้าด้วย โดยความสัมพันธ์ของสุนัขและมนุษย์นั้นจะค่อยๆ พัฒนา ไม่ต่างจากการที่คนแปลกหน้าสองคนมาเจอกัน หากถูกชะตาก็จะคบหาดูแลซึ่งกันและกันไปยาวๆ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสุนัขนั้นมีความลึกซึ้งที่คำพูดไม่สามารถบรรยายได้ ถึงความผูกพัน ความห่วงใย แม้กระทั่งตอนเหงา สุนัขก็รับรู้อาการเหล่านั้นของมนุษย์ได้ เปรียบได้เสมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่รักและห่วงใยเราเสมอมา

ท่าทางของสุนัขสื่อความหมาย

Alice and Sean the fawn Great Dane. This was the first shoot done by photographer Andy Seliverstoff that serendipitously evolved into the “Little Kids and Their Big Dogs” book.

เครดิตภาพจาก : mamacita785468893.wordpress.com

            สัตว์เลี้ยงแทบทุกจะชนิด ย่อมมีเอกลักษณ์ในการสื่อสารเหมือนๆ กัน โดยเปรียบได้เหมือนการที่สัตว์        สปีชีส์เดียวกันพูดภาษาเดียวกันผ่านท่าทาง การที่เจ้าของรับรู้ว่ามันต้องการอะไรผ่านท่าทางเป็นการเลี้ยงพวกมันได้ใกล้ชิดคำว่าเพื่อนมากที่สุด ซึ่งแสดงออกถึงการดูแลเอาใจใส่ และทำให้พวกมันรู้สึกมีความสุข สุนัขแต่ละตัวอาจสื่อความหมายผ่านท่าทางไม่เหมือนกัน 100 เปอร์เซน แต่ท่าทางขั้นพื้นฐานที่ส่วนมากจะมีความหมายคล้ายคลึงกันนั้น มีดังนี้

  1. สั่นหาง วิ่งไปมา
  2. นี่เป็นท่าทางที่พวกมันแสดงออกยามที่พวกมันตื่นเต้น ดีใจ ดังนั้นความดีใจของพวกมันจึงสื่อสารออกมาผ่านการวิ่งไปมา และสั่นหางด้วยความกระตือรือล้น
  3. หางตั้งตรง หูตั้ง ส่งเสียงคำรามต่ำๆ
  4. หากสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้ให้ระวังไว้ก่อนเลย เพราะพวกมันกำลังขู่ และพร้อมที่จะกัดทุกเมื่อ
  5. จมูกแห้ง หูตก ไม่ร่าเริง
  6. อาการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสุนัขของคุณมีอาการป่วย ไม่สบานเนื้อไม่สบายตัว จมูกที่แห้งนั้นบ่งบอกได้ถึงสุขภาพโดยรวมของสุนัขได้ดี โดยถ้าจมูกแห้งและสุนัขมีอาการซึมแล้วละก็ พาพวกมันไปหาหมอเพื่อช่วยดูอาการจะดีที่สุด
  7. กระดิกหางต่ำ
  8. การกระดิกหางต่ำนั้นบ่งบอกถึงความเสียใจ โดยถ้ากระดิกหางช้าๆ นั้นจะสื่อถึงความกังวล หรือกำลังสำรวจสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ด้วยความไม่มั่นใจนัก
  9. หมอบต่ำราบไปกับพื้น
  10. สื่อไปถึงการยอมแพ้ โดยพวกมันจะมองไปยังสิ่งที่พวกมันกลัว และหมอบต่ำราบไปกับพื้น เปรียบเสมือนการที่มนุษย์ยกธงขาวยอมแพ้นั่นแหละ

การเลี้ยงสุนัขก็เหมือนการประคองความสัมพันธ์ ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ดูแลกันให้ดี เพราะในยามที่เราทุกข์สุนัขของเรากพลอยไม่มีความสุขไปด้วย เรียกได้ว่าได้เพื่อนแท้เพิ่มมาอีกคนในร่างสุนัขกันเลยทีเดียว

#สุนัขพูดได้ #ท่าทางสุนัขสื่ออารมณ์ #เรียนรู้สัตว์เลี้ยง

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

‘ทิเบตันมาสทิฟฟ์’ จากสุนัขเศรษฐีสู่สุนัขจรจัดข้างถนน

สัตว์เลี้ยงในปัจจุบันนั้นมีมากมายหลายสปีชีส์ บางตัวได้อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะดี กินดีอยู่ดี แต่บางตัวก็อาจกินอาหารแบบอดๆ อยาก โดยสุดท้ายแล้วเมื่อเจ้าของบางคนที่ไม่สามารถดูแลเรื่องความเป็นอยู่และอาหารการกินของสัตว์เลี้ยงได้ดี ผลลัพธ์ก็คือการนำไปปล่อย และส่งผลทำให้สัตว์เหล่านั้นไร้ผู้ดูแล กลายเป็นสัตว์กำพร้าที่ถูกทิ้ง

เครดิตภาพปกจาก : https://www.dogsclip.com/articles/1614/

ซึ่งก็มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ในประเทศทิเบต ที่ซึ่งสุนัขพันธุ์ฮิตสำหรับเศรษฐีในอดีตกาลอย่างสุนัขพันธุ์ ‘ทิเบตันมาสทิฟฟ์’ นั้นกลายเป็นสุนัขจรจัดในช่วงศตวรรษที่ 1900-2000

ประวัติของสุนัขทิเบตันมาสทิฟฟ์

เครดิตภาพจาก : https://www.akc.org/dog-breeds/tibetan-mastiff/

เป็นสุนัขพันธุ์ทิเบตแท้ โดยในดดีตกาลนั้น ถูกใช้เป็นสุนัขสำหรับเลี้ยงแกะ จึงค่อนข้างมีนิสัยที่ดุร้ายและไม่ค่อยเป็นมิตร โดยลักษณะเด่นของสุนัขสายพันธุ์นี้คือมีขนาดตัวที่ใหญ่ ขนหนานุ่ม และมีหน้าตาคล้ายสิงโต น้ำหนักตัวสำหรับตัวที่ใหญ่มากที่สุดอาจหนักได้ถึง 100 กิโลกรัมเลยทีเดียว

โดยในอดีตราวปี 1900-2000 สังคมของประเทศจีน มีความรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก และเจ้าสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์ ก็เหมือนเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นอยู่ที่ดีของเศรษฐีหน้าใหม่ ในยุคนั้นจึงถือว่าใครไม่มีสุนัขทิเบตตันมาสทิฟฟ์ในครอบครองถือว่ารวยไม่จริง ดังนั้นอัตราการเพิ่มขึ้นของสุนัขทิเบตตันในสมัยนั้นจึงมีมากมายทั่วบ้านทั่วเมืองไปหมด และเพราะเหตุนี้เมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่ สุนัขจึงเป็นสิ่งสิ้นเปลืงชิ้นแรกที่จะถูกตัด ส่งผลทำให้มีสุนัขจรจัดจำนวนมากถูกปล่อยทิ้งไว้บนท้องถนน

การดูแลสุนัขทิเบตันมาสทิฟฟ์

เครดิตภาพจาก : https://pet.kapook.com/view84686.html

เนื่องจากขนของมันมีความยาวและหนามาก วิธีการดูแลเลยต้องเคร่งครัดเป็นพิเศษ โดยปฏิบัติ ดังนี้

1. การดูแลความสะอาด

การแปรงขน ควรแปรงอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้เส้นขนที่หลุดได้ร่วงออก เป็นการเปิดโอกาสให้มันผลัดขนที่หนาหนุ่มและสวยงามได้ใหม่ 

2. สถานที่

ควรมีสนามหญ้าที่ใหญ่ เพื่อให้สุนัขได้วิ่งออกกำลังกาย เนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่ จะทำให้มันรู้สึกสบายและไม่อึดอัด

3. การออกกำลังกาย

ควรให้สุนัขได้วิ่งเล่นในพื้นที่บริเวณที่กว้าง ประมาณ 20-30 นาที และมันจะสนุกมากถ้าได้เล่นกับสุนัขที่มีขนาดตัวเท่ากัน

4. การรับประทานอาหาร

ควรให้รับประทานแต่อาหารแห้งจำพวกโปรตีน ไขมัน และผัก เช่น ไก่ ปลา ไข่ ผักจะเป็นแครอท ถั่ว คื่นช่าย ผักโขม เป็นต้น โดยอาหารกระป๋องจะสามารถผสมไปด้วยได้ในกรณีที่สัตวแพทย์สั่งให้เพิ่มน้ำหนักของตัวสุนัขเท่านั้น

                  สัตว์เลี้ยงทุกชนิดเป็นสัตว์ที่มีความคิด ฉลาดและมีความรู้สึก แม้ว่ามันจะพูดไม่ได้ แต่เราในฐานะผู้เลี้ยง เมื่อตัดสินใจเลี้ยงแล้ว ก็ควรจะดูแลเขาให้ดี ดังนั้นฝากเหตุการณ์ของเจ้าสุนัขพันธุ์ทิมเบอตันมาสทิฟฟ์เป็นกรณีศึกษาและอุทาหรณ์สำหรับการตัดสินใจก่อนรับเลี้ยงสัตว์เลี้ยง

#ทิมเบอตันมาสทิฟฟ์ #สุนัขถูกทิ้งในทิเบต #ปัญหาสุนัขจรจัด

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

กระต่าย สัตว์ที่เลี้ยงง่ายที่สุด

                  โลกใบนี้มีคนมากมายแทบจะร้อยเปอร์เซ็นที่เลี้ยงสัตว์ บ้างเลี้ยงเพื่อไว้เป็นเพื่อน บ้างเลี้ยงไว้เพื่อสร้างสีสันให้กับบ้าน บ้างเลี้ยงไว้สำหรับเฝ้าบ้าน โดยสัตว์ที่คนส่วนใหญ่เลี้ยงได้และแทบจะไม่มีอุปสรรคในการเลี้ยงเลยก็คือ กระต่าย

เครดิตภาพปกจาก : https://www.sanook.com/women/14460/

                  กระต่ายถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงง่ายและไม่ส่งเสียงดัง อีกทั้งในการเลี้ยงกระต่ายนั้น ก็ยังสามารถเลี้ยงได้ในพื้นที่จำกัด อาทิเช่น ในคอนโด หอพัก หรือบ้านเล็ก ๆ ได้อย่างสบายๆ โดยขนของมันทั้งหนานุ่มและมีหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู

กระต่ายพันธุ์ที่ยอดฮิต

เครดิตภาพจาก : http://bunnyiswolrd.blogspot.com/p/1.html

                  กระต่ายแคระเป็นสัตว์อีกชนิดที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในเหล่าคนรักกระต่าย เนื่องจากขนาดตัวที่เล็กและหน้าตาที่น่ารัก ทำให้มันเป็นที่นิยมมาก

1. Lion Head

ลักษณะพื้นฐานของสายพันธุ์นี้นั้นมีโครงสร้างพื้นฐานคล้ายกับกระต่ายพันธุ์ทั่วๆ ไป เป็นลักษณะที่มีขนาดหัวและตัวที่ใหญ่ แต่มีลักษณะเด่นคือขนที่คอที่มีความหนาและยาวคล้ายกับสิงโต แต่เพราะสายพันธุ์กระต่ายของมันทำให้ขนบริเวณคอมันน่ารักน่าเอ็นดูมากเสียกว่าการทำให้น่ากลัว และนิสัยของมันเป็นสัตว์ที่น่าอายทำให้น่ารักยิ่งเข้าไปอีก

2. Dwarf Hotot

เป็นกระต่ายพันธุ์นี้ยังไม่ได้ดังมากในประเทศไทย เนื่องจากทางฟาร์มไม่ได้ใส่ใจในการพัฒนาสายพันธุ์นี้มากนัก โดยความโดดเด่นของสายพันธุ์นี้คือดวงตาที่มีความกลมโต สีขอบตาที่ดำสนิทและมีความหนาที่เป็นเส้นกลมยาวต่อกันทั้งดวงตา เป็นลักษณะเด่นที่มาเหมือนใครเลยจริง ๆ

3. Mini Rex

เป็นกระต่ายที่มีลักษณะของขนที่หนา และแน่น และวิธีดูแลก็คือลูบขนของมันบ่อย ๆ เป็นวิธีผลัดขนที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว และเนื่องจากขนที่มีความหนามาก ทำให้เวลามันสกปรกจะทำความสะอาดได้ยากกว่าพันธุ์อื่นที่มีขนบางกว่า

4. Netherland Dwarf

เป็นกระต่ายสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดในบรรดากระต่ายสายพันธุ์กระต่าย โดยมีลักษณะเด่นที่หู โดยหูจะตั้งขึ้นตลอดเวลา โดยกระต่ายสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่มีความกระตือรือร้นและกระฉับกระเฉงมากที่สุด แต่ก็ต้องใช้เวลาเข้าหามันสักระยะหนึ่ง

5. Holland Lop

อวัยวะที่เด่นของสายพันธุ์นี้ก็คือ หูจะตกลงมา โดยแนบที่เด่นทั้งสองข้าง เป็นการเพิ่มความน่ารักให้กับมันได้ดีเลยทีเดียว มีนิสัยเป็นสัตว์ที่ว่านอนสอนง่าย

เครดิตภาพจาก : https://www.sanook.com/women/14460/

กระต่ายจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่าตาน่ารัก และเป็นมิตร ดังนั้นเราควรดูแลมันให้ดีเหมือนเป็นมิตรสหายคนหนึ่ง ที่น่ารักและคอยอยู่ข้างๆ เราเสมือนเพื่อน

#กระต่าย #สายพันธ์กระต่าย #กระต่ายพันธุ์ยอดฮิต