Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ปลาทองสายพันธุ์ยอดนิยม

สัตว์เลี้ยงที่คนนิยมนอกจากหมาแมว หรือ นก แล้วนั้น ก็น่าจะเป็นเหล่าปลาสวยงามสีสันต่าง และปลาที่คนนิยมเลี้ยงลำดับต้น ๆ คือ ปลาทอง ปลาทองเป็นปลาสวยงาม ที่มีความน่ารัก มีเสน่ห์ เลี้ยงง่าย และเชื่อว่าเป็นมงคลด้วย แต่ปลาทองก็มีหลายชนิดให้เลือกซื้อมาเลี้ยง เพราะมีหลายชนิด จนบางครั้งเมื่อจะไปซื้อที่ร้าน และต้องการจะบอกชื่อ เราเองก็เรียกไม่ถูกว่าชื่ออะไร วันนี้จะแนะนำปลาทองที่มีคนนิยมเลี้ยง มาฝากค่ะ

ปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น  นิยมที่จะเลี้ยงกันมาก เป็นปลาทองสายพันธุ์ที่คนเล่นปลานิยมเลี้ยงไว้เพื่อเข้าแข่งขัน ความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น ที่มีตัวป้อมสั้น หลังโค้ง มีวุ้นที่หัวเล็ก ๆ มีครีบหางสั้น ทีสันหลัง ครีบหางหลังใหญ่เป็นสีส้มเข้ม

 ปลาทองหัวสิงห์สยาม หรือหัวสิงห์ตามิดดำ ปลาทองลูกผสมที่คล้ายกับปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น เป็นปลาทองสายพันธุ์ไทย ตัวและมีครีบสั้นเป็นสีดำ ตลอดตัว ที่หัวมีวุ้นสีดำเยอะจนเกือบปิดตา

ปลาทองออรันดาหัววุ้น เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ผู้คนนิยมเลี้ยง ที่หัวมีวุ้นเล็ก ๆ รวมกันเหมือนฟองน้ำอยู่รวมกันเป็นก้อนจนเหมือนว่าปลาทองกำลังสวมหมวกอยู่ ที่หลังและหางมีครีบเป็นสีแดงขาวพลิ้วสวย

ปลาทองเล่ห์ปลาทองพันธุ์เล่ห์ จะปลาทองที่ตาเหลือกโปนจนเหมือนเป็นตุ่ม เพราะจะโปนออกมามาก กว่าปลาทองด้วยกัน นี้จะมีสีพิงโกล์ หรือดำสนิท ทั้งตัวจะเป็นสีเดียวกันจนถึงครีบ

ปลาทองเกล็ดแก้ว ตัวป้อมสั้นลำตัวกับหัวต่างกันมาก หัวจะเล็กและแหลม มีเกล็ดที่ปกคลุมตัวที่หนา นูน แข็ง โดยมากจะมีเกร็ดสีขาว สีทอง และส้ม ไม่ใช่แค่นี้ยังมีแบ่งย่อยอีก เช่น เกล็ดแก้วหัววุ้น เกร็ดแก้วหน้าหนู

ปลาทองหัวสิงห์จีน  มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนมีหัวโตกว่าตัวมาก ตัวยาว ส่วนหลังโค้ง ไม่มีครีบ มีหางที่ใหญ่และหนา เป็นแนวเดียวกับหลัง หางจะนิ่มพลิ้ว ปลาทองหัวสิงห์มีความโดดเด่นที่หัวเยอะหนา สีประจำตัวจะเป็นสีแดงออกแกมส้มทอง เป็นปลาที่มีขนาดตัวใหญ่มากและอายุยืน

ปลาทองตาลูกโป่ง   มีถิ่นฐานจากจีน เป็นปลาทองที่ไม่มีวุ้นที่หัว หางยาวพลิ้วสไว แต่ไม่มีครีบที่หลัง ที่ตัวมีสีประจำตัวเป็นสีแดง และสีขาวแดง ที่ใต้เบ้าตามีถุงน้ำขนาดใหญ่โปรงแสง มองดูแล้วเหมือนกำลังอมอะไรไว้ในปาก เวลาว่ายน้ำถุงน้ำนี้จะแก่วง

            ทีนี้ก็รู้แล้วนะคะว่าปลาทองตัวต่อไปที่คุณจะซื้อมาเลี้ยงมีชื่ออะไรบ้าง เวลาไปสั่งซื้อหรือไปคุยกับเพื่อนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะบอกชื่อผิดแล้วนะคะ …

วิดีโอเพิ่มเติมที่น่าสนใจ :

#ปลาทองยอดนิยม #ปลาทองน่าเลี้ยง #เลี้ยงปลาทอง

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

สัตว์น้อยน่ารัก ไร้เสียงรบกวน

สำหรับหลายๆ คนที่อยากจะเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อนยามเหงา แต่กลัวในเรื่องของเสียง ว่าสัตว์เลี้ยงของเราจะเสียงดังรบกวนห้องข้างๆ ไหม ยิ่งถ้าพักอยู่ในย่านที่มีคนอยู่เยอะๆ อย่างคอนโด หรือหอพักแล้วละก็ การนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เราจะเลี้ยงเพื่อนตัวน้อยของเราไว้ได้นั้น จำเป็นที่จะต้องดูแลให้ดีและที่สำคัญต้องดูแลและควบคุมในเรื่องของเสียงให้ได้ด้วย ถ้าเป็นประเภทสุนัขตัวน้อยหรือแมวละก็ ลืมไปได้เลย เราไม่มีทางที่จะไปควบคุมการส่งเสียงร้องของเจ้าพวกนี้ได้แน่ วันนี้จึงมีสัตว์เลี้ยงน่ารักไร้เสียงรบกวนมาแนะนำ

เครดิตภาพปกจาก : https://animalknow.com/beautiful-snake-species-030963/

สัตว์จอมเงียบ

เครดิตภาพจาก : https://sites.google.com/site/onturtles/thekhnikh-kar-leiyng-tea-bk

1. เต่าบก

เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไร้เสียงรบกวนอย่างแน่นอน เต่าเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เหมาะสมเป็นอย่างมากสำหรับคนที่รักความสงบ เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างมีอายุยืน แทบจะเรียกได้ว่ามันเติบโตไปพร้อมๆ กับเราเลยก็ว่าได้ โดยเราสามารถเลี้ยงเจ้าตัวน้อยไว้ในกล่องได้ โดยต้องไม่ลืมที่จะพาไปอาบแดดบ่อยๆ เนื่องจากมันต้องออกมารับวิตามินในช่วงเช้า

2. งูสวยงาม

แน่นอนว่าสัตว์เลี้ยงที่ไร้เสียงที่คนนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ เลย นั่นก็คืองู แต่เป็นงูที่มีลวดลายสวยงามนะ ไม่ใช่ประเภทงูมีพิษหรือทำร้านคนได้ โดยงูนั่นไร้เสียงรบกวน และใช้พื้นที่ในการดูแลค่อนข้างน้อย ตอบโจทยืสำหรับผู้ที่อยู่ในคอนโดหรือหอพักมาก โดยควรจะดูแลมันให้ดี อย่าให้หลุดไปยังห้องข้างๆ เดี๋ยวจะจกใจกันไปหมด

3. กิ้งก่าคาเมเลี่ยน

เป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสี เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากสามารถเปลี่ยนสีไปตามอารมณ์และสภาพแวดล้อมได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยมาพร้อมกับดวงตาที่กรอกได้โดยรอบ ควรเลี้ยงพวกมันไว้ในตู้ทรงสูง ที่ตกแต่งภายในด้วยกิ่งไม้ ใบไม้ ต้นไม้

4. กุ้งแคระ

วิธีการดูแลนั้นค่อนข้างคล้ายกับปลา โดยกุ้งนั้นมีขนาดเพียงแค่ปลายนิ้ว แต่มีสีสันสดใส คล้ายปลาคาร์ฟ เช่น สีแดง แดงส้ม แดงสลับขาว โดยเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเลี้ยงสัตว์ตัวเล็กและไร้เสียงรบกวน

เครดิตภาพจาก : https://www.aquamaniath.com/article/1/%E0%B8%81%E0%

สัตว์น้อยน่ารักทั้งหลายเหล่านี้ไร้เสียงรบกวน จึงสามารถที่เลี้ยงในห้องเดียวได้ แต่แน่นอนว่าบางชนิดอาจมีรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างน่ากลัว อาจทำให้เพื่อนบ้านตกใจได้ ดังนั้นควรนำสัตว์เลี้ยงน่ารักเหล่านี้เข้ามาเลี้ยงอย่างถูกวิธี และปลอดภัยต่อคนรอบข้าง

#สัตว์เลี้ยงเสียงเงียบ #เลี้ยงสัตว์ในคอนโด #แนะนำสัตว์น่าเลี้ยง

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ปลาทองสวยงาม 9 สายพันธุ์ ที่เลี้ยงไว้ดูแก้เหงาก็ได้ หรือจะส่งไปประกวดก็ดี

        ปลาทองและปลาสวยงามต่าง ๆคืออีกตัวเลือกสำหรับคนที่อยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองเพราะนอกจากหมาและแมวแล้ว ปลาทองก็เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของคนไทยอีกหนึ่งชนิด ยิ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีทั้งสวยงาม และเอกลักษณ์เป็นของตัวเองด้วยแล้วยิ่งน่าเลี้ยงมากขึ้นไปอีก แถมปลาทองยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก เลี้ยงง่าย และมีชีวิตชีวา แถมชื่อยังเป็นมงคลอีกด้วยซึ่งใครที่กำลังคิดจะหาปลาทองมาเลี้ยงที่บ้านก็ต้องหาข้อมูลกันดูก่อนว่าชอบสายพันธุ์ไหน โดยวันนี้เรามีปลาทอง 9 สายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในไทยมาฝากให้เป็นไอเดียเพื่อใช้เป็นตัวเลือกในการหาปลาทองมาเลี้ยงได้แบบถูกใจเราที่สุด

1. ปลาทองโคเมท

          ปลาทองพันธุ์โคเมท (Comet) คือต้นตระกูลของปลาทองที่คนไทยนิยมนำมาเลี้ยงมากที่สุดเพราะลักษณะเหมือนปลาคาร์พแต่หางยาวกว่า ลำตัวแบนยาว ปลายคอดแหลม สีสันสวยงาม คือ อาจมีสัทั้งตัว สีแดงสลับขาว สีทอง หรือ 5 สีในตัวเดียวกันวึ่งค่อนข้างมีเอกลักณ์ที่สวยงามในตัว

2. ปลาทองริวคิน

           ปลาทองพันธุ์ริวคิน (Ryukin) เป็นปลาทองที่ได้รับความนิยมมากทั้งในไทยและญี่ปุ่น เนื่องจากมีลักษณะสวยงาม สีสันสดใส ลำตัวและท้องอ้วนกลมสั้น หัวไม่มีวุ้น โหนกหลังสูง หางยาวเป็นพวง บานออกเวลาว่ายน้ำ สามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีกตามสี คือ ริวคินสีแดงหรือสีขาว-แดง และริวคิน 5 สี (สีแดง สีส้ม สีดำ สีขาว และสีฟ้า)

3. ปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น

          ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์ญี่ปุ่น (Ranchu) เป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมาก ๆสำหรับคนเลี้ยงปลาทอง เพราะสามารถนำมาประกวดเพื่อแข่งขันเอาเงินรางวัลได้เพราะพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่มีสีส้มเข้มเหลือบทอง

4. ปลาทองหัวสิงห์สยาม

          ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์สยาม หรือหัวสิงห์ตามิดดำ (Siamese Lionhead) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย เป็นปลาทองลูกผสมที่มีลักษณะคล้ายปลาทองพันธุ์หัวสยามสิงห์ญี่ปุ่น แต่ลำตัวไม่หนามาก และวุ้นเยอะจนเกือบปิดตา และมีลักษณะเด่นคือ มีสีเทาหรือสีดำสนิททุกส่วนทั่วทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็น ครีบ เหงือก วุ้น และเมือก

5. ปลาทองออรันดาหัววุ้น

          ปลาทองพันธุ์ออรันดาหัววุ้น (Dutch Lionhead) เพาะพันธุ์ขึ้นมาในประเทศญี่ปุ่น เป็นสายพันธุ์ยอดฮิตและยอดนิยมอีกสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในไทย เป็นปลาทองในตระกูลออรันดา ลักษณะเด่น คือ มีวุ้นเล็กละเอียดบนหัวเยอะจนเป็นก้อนกลม ๆ คล้ายสวมหมวก ครีบทั้งบนหลังและหางแผ่กว้าง ส่วนใหญ่มีสีแดงหรือสีขาวปนแดง

6. ปลาทองเล่ห์

          ปลาทองพันธุ์เล่ห์ (Black Telescope Eyes Goldfish) อยู่ในกลุ่มปลาทองตาโปน ที่จุดเด่นที่น่าเลี้ยง คือ มีสีนากหรือสีดำสนิททั้งตัวและครีบ สามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีกตามลักษณะลำตัวและหาง เช่น เลห์กระโปรง เล่ห์ตุ๊กตา เล่ห์ควาย และเล่ห์หลังอูฐ เป็นตัน

สายพันธุ์ปลาทองที่ขยายพันธุ์ในไทยสามารถนำไปประกวดเพื่อเงินรางวัลหรือเลี้ยงเพื่อความสวยงามในบ้านที่ช่วยให้ผู้เลี้ยงรู้สึกสงบ และได้ใช้เวลาในการดูแลสัตว์เลี้ยงซักตัว

7. ปลาทองตาลูกโป่ง

          ปลาทองพันธุ์ตาลูกโป่ง (Bubble Eye Goldfish) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน พันธุ์นี้ส่วนใหญ่มีสีแดงหรือสีขาวปนแดง ลักษณะลำตัวคล้ายกับพันธุ์สิงห์จีน คือ ไม่มีวุ้นที่หัว ไม่มีครีบหลัง และครีบหางยาว แต่ที่เบ้าตาจะมีถุงน้ำขนาดใหญ่ที่โปร่งแสงและขนาดเท่ากันติดอยู่ใต้ตา เหมือนกับลูกโป่งเล็ก ๆจนเป็นที่มาของชื่อสายพันธุ์

8. ปลาทองเกล็ดแก้ว

          ปลาทองพันธุ์เกล็ดแก้ว (Pearl Scale Goldfish) จะเป็นพันธุ์ที่มีความแตกต่างและมีเอกลักษณ์มากที่สุดเพราะมีลักษณะลำตัวอ้วนกลมหรือป้อมสั้น แต่หัวเล็กแหลม แถมยังมาพร้อมกับเกล็ดที่หนา แข็ง และนูน  ส่วนใหญ่มีสีขาว สีส้ม และสีทอง สามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีกหลายสายพันธุ์ตามแต่ความสวยงาม

9. ปลาทองหัวสิงห์จีน

          ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์จีน (Chinese Lionhead) ถือเป็นต้นตระกูลของปลาทองพันธุ์หัวสิงห์ที่นิยมเลี้ยงในไทยกันอยู่ตอนนี้ โดยพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ลักษณะลำตัวค่อนข้างยาว แต่หัวใหญ่กว่าตัวมาก จุดเด่นของ ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์จีน คือมีวุ้นที่หัวเยอะและหนากว่าหัวสิงห์สายพันธุ์อื่น มักมีสีแดงหรือสีส้มแกมทอง โตตามขนาดบ่อ เฉลี่ยประมาณ 15 เซนติเมตร อายุประมาณ 5-7 ปี

วิดีโอเพิ่มเติม :

TOP5 Goldfish 5 สายพันธุ์ปลาทองที่นิยมเลี้ยงมากที่สุด

เครดิตรูปภาพ kapook.com

#ปลาทองน่าเลี้ยง #ปลาทองยอดนิยม #สายพันธ์ุปลาทอง

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

สัตว์เลี้ยงยอดนิยมของคนญี่ปุ่น

มนุษย์นั้นนิยมเลี้ยงสัตว์ เพื่อไว้เป็นเพื่อนยามเหงาหรือเป็นผู้รับฟังปัญหาต่างๆ ของมนุษย์ ถึงแม้ว่าสัตว์เลี้ยงนั้นจะไม่สามารถพูดหรือสื่อสารได้เหมือนมนุษย์ แต่พวกมันก็มีการแสดงออกถึงความห่วงใยต่าง ๆ ผ่านท่าทางของพวกมันได้ ซึ่งท่าทางนั้นมีความแตกต่างกันไปในสัตว์แต่ละชนิด

เครดิตภาพปกจาก : https://www.evergreensportsplex.com/pet-policy

คนญี่ปุ่นนั้นถือเป็นชาติที่คนส่วนใหญ่เลี้ยงสัตว์มากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา บราซิล จีนและรัสเซีย โดยคนญี่ปุ่นนั้นนิยมเลี้ยงสุนัขมากเป็นอันดับ 1 และแมวเป็นอันดับ 2 แต่นอกจากสุนัขและแมวแล้ว ยังมีสัตว์เลี้ยงอีกมากมายหลายชนิดที่คนส่วนมากแทบไม่รู้ว่าคนญี่ปุ่นเขานิยมเลี้ยงสัตว์ประเภทนี้ด้วย

สัตว์เลี้ยงยอดนิยมในญี่ปุ่นที่ประเทศอื่นไม่เคยรู้

เครดิตภาพจาก : http://pbm10476.blogspot.com/2016/08/blog-post.html

1. เฟอเรท

เฟอเรทเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตระกูลวีเซล ลักษณะเด่นคือลำตัวยาว หน้าตาจิ้มลิ้ม มีขนฟู เป็นสัตว์ที่ไม่กลัวคน เฟอเรทนั้นเหมาะแก่การเป็นสัตว์เลี้ยงมาก หน้าตาคล้ายตัวนาก แต่มีความน่ารักและเป็นมิตรกว่า

2. กระต่ายหูห้อย

เป็นกระต่ายพันธุ์ที่มีใบหูยาวและห้อย โดยความยาวของหูจะแตกต่างกับไปแล้วแต่สายพันธุ์ โดยสัญชาติญาณของมันคือการแทะ ดังนั้นควรดูแลมันให้ดีให้อยู่ในกรงหรือให้อยู่ในที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการแทะสายไฟหรือโต๊ะ

3. เดกู หนูฟันแทะ

เป็นหนูที่มีลักษณะเล็ก และมีบุคลิกที่อ่อนโยนและเชื่องมาก ดังนั้นจึงเป็นหนูที่ค่อนข้างเข้ากับมนุษย์ได้ง่าย โดยสามารถฝึกฝนให้ทำท่าทางต่าง ๆ ตามมนุษย์ได้ แต่มีผิวหนังที่บอบบางควรจับหรือเล่นกับมันเบาๆ

4. แฟนซีแรต

เป็นหนูที่ได้รับการดัดแปลงสายพันธุ์ใหม่เพื่อเป็นหนูเลี้ยงโดยเฉพาะ โดยผู้เลี้ยงมักจะวางลงที่ฝ่ามือหรือเกาะไหล่ เมื่อพามันไปในที่ต่าง ๆ

5. กระรอกบิน ชูการ์ไรเดอร์

เป็นสัตว์ที่มีสายพันธุ์เดียวกับกระรอก โดยมีขนาดตัวเท่ากับกระรอกที่เติบโตในกระเป๋า ไม่ต่างจากจิงโจ้และหมีโคอาล่า และเพราะขนาดตัวที่เล็กและนิสัยขี้อาย การเคลื่อนไหวตัวเร็วจึงทำให้คนตกใจได้ง่าย จึงควรระวังมันบินหนีไป

เครดิตภาพจาก : https://pet-az.com/th/breeds/dog/japanese-spitz.html

แม้ว่าการเลี้ยงสัตว์อาจเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับใครหลายคน แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีการดูแลเอาใจใส่เขาเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง สื่อสารเหมือนเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ดูแลกันเหมือนสัตว์เลี้ยงเป็นดั่งมิตรสหายคนหนึ่ง

#สัตว์เลี้ยงฮิตคนญี่ปุ่น #สัตว์ที่คนญี่ปุ่นนิยมเลี้ยง #สัตว์เลี้ยงยอดนิยม

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

สัตว์เลี้ยงติดเทรนคนไทย ไม่มีคือตกเทรนนะจ้ะ

สัตว์เลี้ยงกับคนไทยนั้น อยู่ร่วมกันมาช้านาน บ้างเลี้ยงไว้เพื่อเป็นเพื่อน บ้างเลี้ยงว้เพื่อเฝ้าบ้าน บ้างเลี้ยงไว้เพื่อความเอ็นดู แต่แน่นอนว่าในเมื่อยุคสมัยผ่านไปเรื่อย ๆ ปัจจุบันนี้ การเลี้ยงสัตว์นั้นได้กลายมาเป็นเทรน เปรียบเสมือนเป็น Must have item ที่คนติดตามเทรนจะต้องมี

เครดิตภาพจาก : https://pet.kapook.com/view131952.html

สัตว์เลี้ยงติดเทรน

เครดิตภาพจาก : https://pet.kapook.com/view3520.html

สุนัขพันธุ์เล็ก

เนื่องจากวัยรุ่นส่วนใหญ่นั้นใช้เวลาอยู่ที่บ้านค่อนข้างน้อย แต่มักจะอยู่ตามคอนโดหรือหอพักแทน ดังนั้นการเลี้ยงสุนัยพันธุ์เล็กไว้นั้นก็ทำให้ดูแลค่อนข้างง่าย และไม่ยุ่งยากจนเกินไป อีกทั้งยังสามารถพกพาไปยังที่ต่างๆ หรือทำความสะอาดได้สะดวกดีอีกด้วย

แมว

แน่นอนว่าทาสแมวนั้นมีเยอะแยะไปหมด อาจเป็นเพราะน่าที่น่ารักน่าเอ็นดูของมัน ทำให้แมวค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์มาก ทั้งขนฟูๆ ตัวเล็กๆ นุ่มนิ่ม ได้มากอดสักตัวก็คงหลงอย่างโงหัวไม่ขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นิสัยของแมวนั้นค่อนข้างหยิ่งและมีอาวุธลับคือเล็บ ดังนั้นควรระวังให้ดีไม่อย่างนั้นจะโดยกรงเลบของมันเข้าได้

กระต่าย

กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดที่ค่อนข้างน่ารัก และนุ่มนิ่ม ที่สำคัญคือไม่สามารถใช้กรงเล็บทำร้ายเราได้เหมือนแมว เป้นสัตว์ที่ดูแลง่าย แต่ก็ต้องอาบน้ำทำความสะอาดตัวให้มันบ่อยๆ โดยถ้ามีสวนหย่อมเล็กๆ สามารภปล่อยมันออกมาเลี้ยงได้

ชูก้าไรเดอร์

เป็นสัตว์ประเภทเดียวกับกระรอก โดยมีความสามารถพิเศษในการกระโดดจากอีกที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งได้อย่างอิสระ เมื่อมันกางอุ้งแขนออกจะทำให้มีลักษณะคล้ายปีก โดยดวงตาที่กลมโตของมันค่อนข้างมีเสน่ห์และเป็นที่สนใจสำหรับวัยรุ่นสมัยนี้มาก ในเรื่องของการดูแล และหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดูของมัน บางคนมีค่านิยมที่คิดว่ามันเท่ห์ แปลก และหาได้ยาก ทำให้สัตว์ชนิดนี้ค่อนข้างเป็นที่สนใจสำหรับหลายๆ คนที่ชอบสัตว์เลี้ยง

ลิงมาโมเสก

เป็นสัตว์เลี้ยงติดเทรนอีกอย่างหนึ่งของพวกคนที่ค่อนข้างมีฐานะในระดับหนึ่ง เนื่องจากมีราคาที่ค่อนข้างแพง โดยเจ้าลิงตัวน้อยนี้มีนิสัยค่อนข้างขี้เล่น และหน้าตาน่าเอ็นดู ทำให้ติดอันดับเป็นสัตว์เลี้ยงที่ติดเทรนมาก

เครดิตภาพจาก : http://www.palm-plaza.com/CCforum/DCForumID3/210391.html?11

                  ในการดูแลสัตว์เลี้ยงนั้น เราควรที่จะเลี้ยงเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ด้วยความรัก และเอาใจใส่ โดยไม่สักแต่ว่าเป็นสัตว์ที่ติดเทรนจึงนำมาเลี้ยงเท่านั้น เพราะสัตว์เหล่านี้ก็มีชีวิตไม่ต่างจากมนุษย์ ดังนั้นเมื่อนำเขามาแล้วก็ควรจะเลี้ยงและดูแลให้ดี

#สัตว์เลี้ยงยอดนิยม #เทรนสัตว์เลี้ยงคนไทย #สัตว์เลี้ยงติดเทรน

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

เมนคูน (Maine Coon) เจ้าเหมียวตัวยักษ์จอมขี้อ้อน

เมนคูน (Maine Coon) เป็นแมวที่มีขนาดตัวใหญ่มากที่สุด ในบรรดาสายพันธุ์แมวบ้าน อีกทั้งยังเป็นแมวที่ผู้เลี้ยงนิยมกันมากๆ ดังนั้นเมื่อพูดถึงเจ้าเมนคูน ทุกคนจ้องรู้จักกันอยู่แล้วอย่างแน่นอน

และเมนคูนนั้นก็ยังมีชื่อเสียงในด้านความใจเย็น เรียบร้อย และมีจิตใจที่ดี นิสัยน่ารัก เป็นกันเองแถมยังฉลาด แสนรู้ ใครเห็นก็พากันเอ็นดู และหลงรักในความขี้อ้อนของเขา อีกทั้งยังเป็นแมวที่สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี และยังมีความเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆและเด็ก ต่อมามีสายพันธุ์แมวเปอร์เซียเกิดขึ้น จึงทำให้เมนคูนได้รับความนิยมลดลงเป็นอันดับ 2 แต่อีกไม่กี่ปีก็กลับมานิยมกันอีกครั้ง

เมนคูน (Maine Coon) เป็นแมวสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดรัฐเมน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำเนิดมาจากชาวเรือที่ได้พาแมวไปด้วย แล้วได้ปล่อยไว้ช่วงตอนไปทอดสมอ แมวจึงได้ผสมพันธ์ุกับแมวท้องถิ่น

ทำให้เกิดเป็นสายพันธุ์เฉพาะขึ้นมา ด้วยลักษณะหางของเขาที่จะเป็นขนปุยๆ มีลายสีน้ำตาลคล้ายกับแรคคูนเท่านั้น “คูน” จึงเป็นที่มาของชื่อ ส่วนคำว่า “เมน” ก็จะมาจากถิ่นกำเนิดคือรัฐเมนนั่นเอง ก็เลยมีชื่อว่า “เมนคูน” ในสายพันธุ์แมวนี้

เมนคูน (Maine Coon) แมวเลี้ยงที่มีขนาดตัวใหญ่มากที่สุด

เมนคูน (Maine Coon) เป็นแมวที่มีขนาดตัวใหญ่ จึงทำให้มีหูและหัวที่ใหญ่เช่นกัน ส่วนช่วงอกนั้นจะกว้าง และขาจะหนา มีขนาดลำตัวค่อนข้างยาว ส่วนขนนั้นจะยาวหนาและนุ่ม

ทำให้เป็นแมวที่น่ารักน่ากอดมากๆ สีของขนก็จะมีหลายสี อาทิเช่น สีขาว สีดำ และน้ำตาล เป็นต้น และลักษณะของสีนั้นก็จะมีทั้งแบบสองสี สามสี สีเดียว หรืออาจจะไล่สีก็ได้ ส่วนน้ำหนักของแมวพันธุ์นี้นั้นจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 4-8 กิโลกรัม และจะมีความสูงอยู่ที่ 76-101 เซนติเมตร ส่วนในเรื่องของอายุขัยจะมีอายุเฉลี่ยที่ 9-13 ปี

เมนคูน (Maine Coon) กับอาหารการกิน

เมนคูน (Maine Coon) เป็นแมวที่ตัวโต จึงทำให้เขานั้นต้องการอาหารที่มีโปรตีนสูง ซึ่งสามารถให้ได้ทั้งแบบแห้ง แบบเปียก และแบบที่ปรุงสุกเลย แต่จะต้องมีสารอาหารที่ครบ ซึ่งสารอาหารที่จำเป็นต่อเจ้าเมนคูนนั้น ก็คือ ทอรีน เพื่อจะเป็นโครงสร้างของโปรตีน โดยจะมีเฉพาะในเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อปลา ส่วนเวลาของการให้อาหารนั้น จะแบ่งให้เป็น 4 มื้อ โดยจะมีมื้อเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ในเรื่องของปริมาณที่เหมาะสมนั้น จะต้องให้พอกับความต้องการของเขา ซึ่งจะต้องไม่มากไปหรือน้อยไป

การเลี้ยงดูเมนคูน (Maine Coon) เป็นแมวที่มีขนยาว ดังนั้น เราควรแปรงขนให้เขาอย่างน้องสัปดาห์ละสองครั้ง เพื่อที่จะเอาขนที่ตายออกไป และอีกอย่างที่ควรดูนั้น ก็คือขนตรงบริเวณหาง เพราะอาจมีอุจจาระ หรือสิ่งสกปรกติดอยู่ โดยถ้าหากว่ามีก็ให้เราทำความสะอาด ซึ่งจะต้องใช้ทิชชู่เปียกเช็ดตรงบริเวณนั้นเบาๆ ส่วนการอาบน้ำของเมนคูน ควรจะทำการอาบอย่างน้องสองอาทิตย์ต่อหนึ่งครั้ง

วิดีโอเพิ่มเติม :

5 เรื่องรู้หรือไม่ของแมวไซส์ยักษ์ “เมนคูน”

เครดิตภาพ

https://petmaya.com/  ภาพที่ 1,2

https://pixabay.com/th/photos/  ภาพที่ 3

#เมนคูน (Maine Coon) #แนะนำแมวน่าเลี้ยง #แนะนำสัตว์เลี้ยง

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff) เจ้าหมายักษ์ จอมซื่อสัตย์

 ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff) เป็นสุนัขที่ถือว่าตัวใหญ่มาก โดยน้ำหนักที่เคยถูกบันทึกไว้นั้น มีน้ำหนักมากกว่า 110 กิโลกรัม และมีความสูงมากกว่า 80 เซนติเมตรเลย มีขนสองชั้นและยาว ทิเบตันจึงเป็นสายพันธุ์ ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับของสายพันธุ์สุนัขที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีความดุร้ายที่สุดในโลกอีกด้วย แต่เจ้าทิเบตันตัวนี้ ไม่ได้ดุร้ายกับทุกคน เพราะมันจะรัก และซื้อสัตย์กับเจ้าของอย่างมาก จึงทำให้ทิเบตันตัวนี้ เป็นที่รักของใครหลายๆคน 

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff) เป็นสุนัขที่มีความสง่างามมากๆ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่สุดๆ อีกทั้งยังมาพร้อมกับขนที่สวยเงางาม มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร จึงทำให้เป็นที่นิยมสูง ซึ่งทำให้ราคาของสายพันธุ์นี้ เคยถูกขายในราคาหลักล้านเลย แต่ในปัจจุบันี้นั้น จะอยู่ที่ประมาณหลักหมื่นปลายถึงหลักแสน แต่ความนิยมนั้น ก็ไม่ได้ลดลงไปเลย

ต้นกำเนิดของเจ้ายักษ์ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetam Mastiff)

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetm Mastiff) มีต้นกำเนิดจากประเทศทิเบต เอกสารที่เป็นบันทึกเรื่องราว ที่เกี่ยวกับเจ้ายักษ์ทิเบต้นนั้น มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจะของช่วงก่อนศตวรรษที่ 19 แต่มีความเชื่อกันว่าทิเบตันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยผลการตรวจ DNA นั้น ทำให้รู้ว่าสายพันธุ์ทิเบตัน ได้ถือกำเนิดมาประมาณ 5000 กว่าปีมาแล้ว ทิเบตันถูกพัฒนาสายพันธุ์ จากสุนัข 2 สายพันธุ์ คือ โทชี (Do-khyi) ที่ถูกเลี้ยงไว้ใช้ดูแลฝูงแกะ และอีกสายพันธุ์หนึ่งนั้น เป็นตัวที่ใหญ่กว่าตัวแรก คือสายพันธุ์ซังชี (Tsang-khyi) ซึ่งถูกมอบให้กับวัดในทิเบต เพื่อไว้ป้องกันพระสงฆ์ หรือลามะ ที่อาศัยอยู่ในวัด และต่อมาในปี 1873 England’s Kennel Club ได้จัดตั้งชื่อขึ้นอย่างเป็นทางการในนามว่า “ทิเบตัน มาสทิฟฟ์” เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นมีชื่อว่า “สุนัขตัวโตจากทิเบต”

วิธีการเลี้ยงและดูแลเจ้า ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetm Mastiff)

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์(Tibetm Mastiff) มีขนที่ยาว อีกทั้งยังมีความหนา จึงต้องแปลงขนอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้เส้นขนตาย แต่ไม่ต้องอาบน้ำบ่อยหลุดออก แล้วควรพาออกกำลังกาย 20-30 นาทีต่อวัน ส่วนในเรื่องของอาหารที่เหมาะสมนั้น ต้องให้เป็นอาหารแห้งเท่านั่น ซึ่งอาจจะต้องมีเพิ่มอาหารกระป๋องด้วย แต่จะเป็นตอนที่เขามีน้ำหนักน้อยเกินเท่านั้น และควรให้อาหารที่ 4-6 ถ้วย โดยแบ่งเป็น 2 เวลาต่อวัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูขนาด และน้ำหนักตัวของเจ้าทิเบตันรวมด้วย 

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetm Mastiff) เป็นสุนัขที่ตัวใหญ่มากๆ ดังนั้นผู้ที่จะเลี้ยง ก็จะต้องมีบริเวณบ้านที่ใหญ่พอ ให้เขาวิ่งเล่นด้วย เพราะถึงจะเป็นสุนัข ที่ตัวโตดูมีความแข็งแรง เขาก็สามารถป่วยได้เช่นกัน และการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ทิเบตันนั้น อาจจะไม่เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กนัก เพราะขนาดตัวของเขา อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หรือถ้าหากว่าจำเป็นจริงๆ เราก็ต้องดูแล และระมัดระวังให้ดี 

Youtube :

ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ สุนัขพันธุ์ใหญ่ สายพันธุ์โบราณ !!

เครดิตภาพ

http://splovedog.blogspot.com/2013/08/blog-post.html ภาพที่ 1,2

https://www.marketdogs.com/dogguide/%28tibetan-mastiff%29/ ภาพ 3

#ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ #รู้ก่อนเลี้ยง #แนะนำสุนัขน่าเลี้ยง

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

แบล็ครัสเซียนเทอร์เรีย (Black Russian Terrier) เจ้าหมายักษ์ใจดี

แบล็ครัสเชียนเทอร์เรีย (Black Russian Terrier) เป็นสุนัขที่รู้จักกันในนาม “ไข่มุกดำแห่งรัสเซีย” ด้วยรูปร่างและลักษณะ ที่มีสีดำไปทั้งตัว และจะมีนิสัยเรียบร้อยกับผู้ที่เป็นเจ้าของอย่างมาก

มีความสงบเสงี่ยม มั่นใจและกล้าหาญ แถมยังเป็นมิตรทั้งกับเด็ก อีกทั้งยังมีความอ่อนโยนมาก ในเวลาเล่นกับเด็กๆ แต่จะไม่เป็นมิตรกับสุนัขตัวอื่นๆ และคนแปลกหน้า

อีกทั้งแบล็ครัสเชียนนี้ยังสามารถทนต่อสิ่งแวดล้อมที่มีเสียงดัง และความวุ่นวายได้ค่อนข้างดี และจะเป็นสุนัข ที่ทนอากาศร้อนได้ ในระดับกลางๆ แต่ถ้าเป็นอากาศหนาว ก็จะทนได้ ในระดับที่ค่อนจะดีเลย ด้วยความที่มีขนเยอะนั่นเอง

แบล็ครัสเชียนเทอร์เรีย (Black Russian Terrier) ถึงแม้ว่าเจ้าแบล็ครัสเชียน จะดูเป็นสุนัขที่ง่ายๆ อะไรก็ได้หมด แต่ก็เป็นสุนัข ที่ต้องการความดูแล และเอาใจใส่อย่างมาก เพราะเป็นสุนัข ที่มีพลังงานเยอะ จึงชอบที่จะออกกำลังกาย และต้องการเล่นกับเจ้าของ ดังนั้น ถ้าหากใครจะเลี้ยงเจ้าตัวนี้ จะต้องมีเวลาให้กับเขามากพอ และต้องมีความเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากาศ หรือการอยู่อาศัยให้ดี ก่อนที่จะรับน้องมาอยู่ด้วย

ลักษณะตัวโดยทั่วไปของ แบล็ครัสเซียนเทอร์เรีย (Black Russian Terrier)

แบล็ครัสเซียนเทอร์เรีย (Black Russian Terrier) เป็นสุนัขสายพันธุ์ ที่มีขนาดใหญ่ และทรงพลังมากๆ โดยจะมีหัวและลำตัว เป็นสัดส่วนที่โค้งมน ใบหูเป็นรูปสามเหลี่ยม และหูตก มีขนเป็นสีดำ และค่อนข้างหนา ส่วนในเรื่องของน้ำหนัก ตัวผู้และตัวมีจะมีสัดส่วนที่ต่างกันไป โดยตัวผู้นั้นจะมีตัวที่โตกว่า ซึ่งน้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 45-68 กิโลกรัม และจะสูงประมาณ 66-72 เซนติเมตร ส่วนตัวเมียจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 36-59 กิโลกลัม มีส่วนสูงที่ประมาณ 64-70 เซนติเมตร และสุนัขสายพันธุ์นี้ จะมีช่วงชีวิตอายุขัยอยู่ที่ 10-11 ปี

เรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับ แบล็ครัสเซียนเทอร์เรีย (Black Russian Terrier)

จริงๆแล้ว แบล็ครัสเซียนเทอร์เรีย (Black Russian Terrier) เป็นสุนัขที่ได้ทำการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เพียงไม่กี่ปีนี่เอง คือได้รับการจดในปี 2014 เรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ ที่ค่อนข้างจะใหม่มากๆ

และการมีของสายพันธุ์นี้ ก็เพื่อการใช้งาน โดยถูกนำไปอยู่กองทัพ เพื่อเฝ้านักโทษ และารดูแลชายแดน ซึ่งในปัจจุบันนี้ น้องก็เริ่มถูกนำมาเลี้ยง เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน ด้วยความที่เป็นสุนัขรักเจ้าของ และมีความซื่อสัตย์

อีกทั้งยังค่อนข้าง ที่จะไม่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า น้องจึงเหมาะกับการเฝ้าบ้านมากๆ ส่วนการดูแลน้องนั้น ก็ต้องให้อาหารที่เป็นประโยชน์ และมีสัดส่วนที่เหมาะสม

และต้องพาไปวิ่งออกกำลังกายทุกวัน เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับน้อง และควรที่จะหวีขนให้อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง จะได้ช่วยเอาขนที่ตายออก และทำให้ขนน้องจะไม่พันกัน 

แบล็ครัสเซียนเทอร์เรีย (Black Russian Terrier) เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ ดังนั้นการจะเลี้ยงน้องได้ ต้องมีพื้นที่พอ รวมไปถึงนิสัยต่างๆ อย่างความต้องการออกกำลังกาย หรือการเล่นกับเจ้าของ ดังนั้นเราต้องมีเวลา ที่จะพาน้องทำกิจกรรม ที่น้องอย่างจะทำ และเราต้องเลี้ยงเมื่อพร้อม ไม่ใช่ตอนที่อยากเลี้ยงเด็ดขาด เพราะการเลี้ยงสัตว์นั้น เราจะต้องมีเวลาพร้อม รวมไปถึงความพร้อมด้านอื่นๆ เพื่อน้องจะได้อยู่กับเราไปนานๆ และมีสุขภาพที่ดี เราจะได้ไม่เอาน้องมาทรมาน 

เครดิตภาพ

http://th.happybowwow.org/chernyj-terer_default.htm  ภาพที่ 2

https://chimlang.com/dl-004/  ภาพที่ 1,3

#แบล็ครัสเซียนเทอร์เรีย #สุนัขตัวใหญ่ #สัตว์เลี้ยงแนะนำ

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) น้องหมาแสนซน ยอดนิยม

ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) เป็นสุนัขที่มีความสง่างาม ด้วยรูปร่างภายนอก ที่ดูเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เพราะว่าเจ้าฮัสกี้นั้น เป็นสุนัขที่มีความแข็งแรง คล่องแคล่ว และยังมีพลังที่เหลือล้นมาก

แถมยังมีลักษณะนิสัย ที่สามารถเป็นผู้นำได้ดีอีกด้วย ด้วยความฉลาด จึงทำให้เจ้าอัสกี้ สามารถที่จะตัดสินใจเหตุการณ์ ในเฉพาะหน้าได้ดี และเป็นสุนัขที่รักอิสระ เป็นตัวของตัวเองมาก

แถมบางครั้งนั้น ก็มีความเจ้าเล่ห์อยู่เหมือนกัน สุนัขสายพัธุ์นี้ จะมีความรักเจ้าของมาก และถ้าหากฝึกให้ดี ก็จะสามารถช่วยบำบัดคนได้อีกด้วย

ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) สุนัขพันธุ์นี้ เป็นสายพันธุ์ที่มีมานานกว่า 3,000 ปี ซึ่งถือว่าเป็นสายพันธุ์ ที่เก่าแก่มากเลยเดียว

ซึ่งถูกเลี้ยงดู และขยายพันธุ์ด้วยชาวชุกชี ชนเผ่าในไซบีเรีย ประเทศรัสเชีย เมื่อก่อนสุนัขพันธุ์นี้ จะถูกใช้งานในด้านลากเลื่อนบนน้ำแข็ง และยังเป็นเพื่อนนอนให้กับเด็กๆ ในชนเผ่าชาวชุกชีอีกด้วย เพราะขนที่หนาของเจ้าฮัสกี้ สามารถช่วยเพิ่มความอบอุ่นได้ และสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้นี้ ได้รับการจดทะเบียนในปี ค.ศ 1930 อีกทั้งยังเป็นสายพันธุ์ ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างที่จะมาก ในประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน

ลักษณะทั่วไปของ ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)

ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) เป็นสุนัขพันธ์ุขนาดกลาง มีลัษณะหูตั้งชัน เป็นรูปหูสามเหลี่ยม และจะมีขนสองชั้น ขนชั้นในจะหนาฟูและแน่น ส่วนชั้นนอกนั้น จะเป็นขนที่ยาว ซึ่งมักจะมีสีขน เป็นสีขาวผสมกับสีต่างๆ เช่นสีดำ เทา เป็นต้น ส่วนตานั้นก็จะมีสีฟ้า สีน้ำตาลเข็ม และสีเขียว เป็นต้น และจะมีหาง เป็นรูปลักษณะคล้ายเคียว ส่วนในเรื่องของน้ำหนักตัว ก็จะสามารถหนักได้ตั้งแต่ 15 จนถึง 30 กิโลกรัม และจะมีความสูงอยู่ที่ 20 จนถึง 30 นิ้ว ส่วนในเรื่องของอายุของเจ้าฮัสกี้นั้น จะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 12-16 ปี ซึ่งก็ถือว่าสามารถที่จะอยู่กับเจ้าของ ได้นานมากอยู่ทีเดียว

เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับการกินและการดูแลเจ้า ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) 

ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) เป็นสุนัขที่ตัวค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นการจะให้อาหาร ก็จะต้องให้อาหาร ที่มีพลังงานเพียงพอต่อร่างกาย อย่างเช่นพวกเนื้อไก่ ที่ไม่ติดมัน และไม่ติดหนัง รวมไปถึงผักต้ม เช่น แครอท บร็อคโคลี่ หรือจะเป็นพวกธัญพืชต่างๆ เช่น ถั่วลันเตา ข้าวโอ๊ต โดยจะต้องเอาพวกธัญพืชผสมกับนมให้กิน ส่วนการให้อาหารเม็ดนั้น ก็ควรเลือกอาหารเม็ด ที่มีสารอาหารครบ ต้องมีวิตามิน หรือผู้เลี้ยงอาจจะนำอาหารเม็ด ไปแช่กับน้ำซุปกระดูกไก่ แล้วให้กินก็ได้ แต่ก็ควรให้ตามความเหมาะสม ไม่ควรให้มากเกินไป ส่วนเรื่องการดูแล ก็ควรออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการใส่สายจูงเดินเล่น หรือจะขึ้นลู่วิ่งก็ได้เช่นกัน รวมไปถึงการพาไปว่ายน้ำ แล้วก็ควรดูแลเรื่องขน เพราะว่าเจ้าฮัสกี้นั้น มีขนที่ค่อนข้างหนา โดยจะต้องแปรงขนให้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง เพื่อช่วยเอาขนที่หลุดออกมา

การเลี้ยงสุนัขพันธุ์ ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) นั้น อาจจะยังไม่เหมาะกัยอากาศร้อนบ้านเรานัก เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเจ้าฮัสกี้นั้น มีขนที่ค่อนข้างหนาฟู แต่ก็จะมีผู้เลี้ยงคนไทยหลายๆคน ที่นำน้องมาเลี้ยง ซึ่งการจะเลี้ยงนั้น ก็ควรมีความพร้อมในการดูแล เพราะการจะเลี้ยงนั้น จะต้องมีห้องแอร์ หรือที่มีอากาศค่อนข้างเย็นไว้รองรับเขา และสายพันธุ์นี้ ก็มีโรคที่ควรระวัง คือ โรคตา เพราะฮัสกี้มักจะเป็นโรคเกี่ยวกับตา เช่นกระจกตาเลื่อน จอประสาทตาอักเสบ ต้อกระจกตา ซึ่งค่อนข้างเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเราคนเลี้ยงจึงต้องดูแลเป็นอย่างดี คอยสังเกตอาการบ่อยๆ และอย่างน้อยต้องพาไปตรวจสุขภาพประจำปี จำนวน 2 ครั้งต่อปี

Youtube :

13 เรื่องควรรู้ก่อนเลี้ยง ไซบีเรียน ฮัสกี้!!!

เครดิตภาพ

https://sites.google.com/site/siberianhusky1908/matrthan-say-phanthu/home/prawati-sibireiy-n-has-ki  ภาพที่ 1

https://palitaoum.wordpress.com  ภาพที่ 2

https://www.sentangsedtee.com/career-channel/article_41224     ภาพที่ 3

#ไซบีเรียน ฮัสกี้ #รู้ก่อนเลี้ยงไซบีเรียน ฮัสกี้ #สัตว์โลกน่าเลี้ยง

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ชิวาวา (Chihuahua) หมาน้อยจอมน่ารัก

ชิวาวา (Chihuahua) สุนัขสายพันธุ์นี้ มีขนาดตัวที่ค่อนข้างเล็ก หรือจะเรียกได้ว่าเป็นสุนัขที่เล็กที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นที่นิยมมาก ด้วยความที่มีขนาดตัวที่เล็ก เลยทำให้เจ้าชิวาวา เป็นสุนัขที่สามารถเลี้ยง ในพื่นที่ที่จำกัดได้ บวกกับความฉลาด ที่สามารถเรียนรู้ได้เร็ว อีกทั้งพาไปไหนก็สะดวกแบบสุดๆ ใครเห็นก็ต่างพากันหลงรักสุนัขพันธุ์นี้ ด้วยความเป็นมิตรขี้เล่น จึงเหมาะสำหรับคนที่คิดจะเริ่มเลี้ยงสัตว์

ชิวาวา (Chihuahua) มีต้นกำเนิดมาจากสุนัขสายพันธุ์ Chinese Crested ได้มีการตรวจดีเอ็นเอเจ้าชิวาวา พบว่ามีบรรพบุรุษที่เก่าแก่ ในสมัยโบราณ บางคนก็ว่าต้นกำเนิดของเจ้าชิวาวานี้ มาจากยุโรป บางคนก็ว่ามาจากเอเชียบ้าง แต่จริงๆแล้วน้องนั้น มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก เพราะได้มีการค้นพบรูปปั้นแกะสลัก ที่เป็นรูปสุนัขบนหิน ซึ่งมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับชิวาวาในปัจจุบันมาก เลยทำให้เชื่อว่าบรรพบุรุษของชิวาวานี้ มาจากในยุคชาวมายา ในประเทศเม็กซิโก ปัจจุบันเจ้าชิวาวาเป็นที่นิยมมาก ในประเทศอเมริกา รวมไปถึงประเทศไทยเราด้วย 

ลักษณะทั่วไปของเจ้าชิวาวา (Chihuahua)

ชิวาวา (Chihuahua) เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก โดยจะมีลักษณะหูที่ใหญ่ตรง และจะมีตาที่กลมโต มีหัวที่คล้ายลูกแอปเปิ้ล ส่วนขนนั้นจะมีทั้งขนสั้น และขนยาว มีหลายสี เช่น ขนสีดำ สีน้ำตาล สีขาว หรือมีสองสีผสมกัน

มีขนาดตัวที่เล็กน้ำหนักโดยรวมอยู่ที่ไม่เกิน 2.7 กรัม มีความยาวของตัวโดยประมาณ 6-8 นิ้ว ด้วยเหตุผลนี้เลยทำให้เจ้าชิวาวามีความน่ารักมาก ส่วนในเรื่องของอายุจะอยู่ได้ถึง 14-16 ปีเลย ส่วนลักษณะนิสัยนั้น จะค่อนข้างฉลาด มีความกระตือรือร้นมาก และค่อนข้างจะรักแต่พวกของตัวเอง ไม่สนใจเป็นมิตรกับสุนัขพันธุ์อื่น

เรื่องน่ารู้ที่เกี่ยวกับอาหารของเจ้า ชิวาวา (Chihuahua)

ชิวาวา (Chihuahua) เนื่องจากเป็นสุนัขที่ขนาดเล็ก จึงควรให้อาหารวันละเพียงแค่ 1 ถึง 2 ครั้ง และจะต้องให้ที่ปริมาณพอเหมาะ อย่าให้มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ระบบย่อยทำงานหนักไป หรือถ้าน้องอ้วนไป ก็จะส่งผลให้เกิดโรคอื่นๆตามมามากมาย ส่วนเรื่องอาหารเสริมนั้น ก็ให้เน้นเป็นพวกโปรตีน วิตามินบี เป็นต้น ส่วนอาหารที่ไม่ควรให้กินนั้น ก็จะเป็นพวกอาหาร ที่มีแคลอรีสูง อย่างพวกขนมของคน เพราะค่อนข้างจะไม่มีประโยชน์ และทำให้เกิดโรคภัยได้ ในส่วนของการดูแลนั้น ก็จะต้องอาบน้ำ ตัดเล็บ และเช็ดหู อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และจะต้องพาไปหาหมอ เพื่อเช็คสุขภาพช่องปากด้วย

ชิวาวา (Chihuahua) เป็นสุนัขที่มีขนาดตัวเล็ก พกพาสะดวก และค่อนข้างจะง่ายมากๆ แต่การดูแลนั้น อาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนการพกพา ดังนั้นก่อนจะทำการรับน้องมาดูแล เราควรจะศึกษาการเลี้ยงน้องอย่างละเอียด รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆด้วย เพื่อที่จะดูว่าเรานั้นพร้อมไหม ถ้าหากว่าเรานั้นพร้อม ก็สามารถรับน้องมาเป็นเพื่อนคู่ใจได้เลย

เครดิตภาพ

https://www.linese.com/   ภาพที่ 1

https://www.purina.co.th/dog/supercoat/dog-tips/article/tips-for-chihuahua   ภาพที่ 2

https://www.petsayhi.com   ภาพที่ 3

ลิงก์เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง :

10 เรื่องน่ารู้ของเจ้าชิวาวา ที่คนรักชิวาวาห้ามพลาด

#ชิวาวา (Chihuahua) #รู้ก่อนเลี้ยง ชิวาวา #สัตว์เลี้ยงน่ารู้