Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ความภักดีของสุนัขที่คุณเลี้ยง

เมื่อคุณเลี้ยงสุนัขมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ความผูกพันระหว่างความเป็นเจ้าของกับสัตว์ที่เติบโตมาท่ามกลางความรักก็ย่อมจะกลายเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นเกินกว่าที่คนอื่นจะคาดคิดว่าสุนัขตัวหนึ่งจะรักเจ้านายได้ขนาดนี้ ต้องขอบอกก่อนว่าสุนัขนั้นตามธรรมชาติแล้วเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างมีความเด็ดเดี่ยวสูง กล้าหาญ เข้าใจอารมณ์ของมนุษย์ที่อยู่ใกล้ชิดเขาได้ง่าย ๆ ใครที่เขาอยู่ด้วยใกล้ชิดแล้วคอยเล่น คอยห่วงใย สัมผัสและพูดกับเขาด้วยความรัก เขาย่อมจะตอบกลับความรักของคุณที่เป็นเจ้านายด้วยความเป็นเพื่อน ความเป็นคนในครอบครัว และความภักดีที่มีให้เสมอ จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นเรื่องราวสุดประทับใจมากมายซึ่งทำให้สุนัขที่รักเจ้านายได้รับการยกย่อง สมฉายา “สัตว์เลี้ยงผู้มีความภักดีเหนือผู้ใด” วันนี้เราจึงถือโอกาสมาบอกเล่าความภักดีที่สุนัขมีต่อเจ้านายที่เลี้ยงดูให้คุณได้รู้กัน

สุนัขจะดูแลบ้านด้วยความตั้งใจสูงเมื่อเจ้านายไม่อยู่

ความภักดีของสุนัขที่คุณเลี้ยงอย่างแรกที่คุณจะได้เห็นก็คือ เขาจะคอยดูแลเฝ้าบ้านให้คุณเวลาที่ไม่อยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลบริเวณภายนอกของบ้านหรือการตรวจสอบความผิดปกติรอบนอกของรั้วบ้าน หากพบสิ่งผิดปกติเขาก็จะรีบวิ่งไปดู หากมีขโมยหรือสัตว์อันตรายเข้ามาในบ้านในขณะที่เจ้านายไม่อยู่ เขาก็จะยอมเข้าไปจัดการกับศัตรูที่สัมผัสได้ว่าเข้ามาในบ้านด้วยจุดประสงค์ไม่ดีแบบรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว หากตัวเองสู้ไม่ไหวก็จะพยายามขู่ด้วยวิธีต่าง ๆ ให้อีกฝ่ายกลัวจนยอมออกจากอาณาเขตบ้านไป เพราะความปลอดภัยของผู้เลี้ยงสำคัญที่สุด

สุนัขสามารถเห่าขอความช่วยเหลือเมื่อคุณป่วยได้

หากจู่ ๆ วันใดวันหนึ่งคุณเกิดป่วยขึ้นมากะทันหันจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้วล่ะก็สุนัขผู้ภักดีสามารถช่วยเหลือคุณได้แม้เขาจะไม่ใช่คน แต่ก็จะสัมผัสได้ว่าอาการคุณในช่วงเวลานั้นผิดปกติและจะรีบวิ่งไปหน้าบ้านเพื่อร้องด้วยน้ำเสียงดังก้องที่พยายามแสดงให้ผู้อื่นในละแวกใกล้เคียงรู้ว่า “เจ้านายเรากำลังป่วย ใครก็ได้ช่วยด้วย!” แม้ว่าน้อยมากที่คนจะรู้แต่อย่างน้อยพวกเขาบางคนก็ต้องสงสัยบ้างว่าเหตุใดจู่ ๆ จึงเห่าและทำท่าร้อนรน แนะนำว่าอย่างน้อยให้คุณพยายามพาตัวเองออกมานอกบ้านให้ได้เพื่อที่สุนัขกับคนที่ผ่านไปผ่านมาจะได้เห็นง่าย ๆ ว่าคุณไม่สบาย และเข้ามาช่วยเหลือทัน 

สุนัขจะรอเจ้าของอยู่ที่เดิมเสมอ ไม่ยอมไปไหน

ไม่ว่าสุนัขของคุณจะมีนิสัยอย่างไรแต่เมื่อเลี้ยงดูกันมาแน่นอนว่าเขาย่อมมีความภักดีที่เหมือนกันในอีกรูปแบบของความคุ้นชินอยู่กับที่เดิม ๆ เพื่อรอให้เจ้านายของเขากลับมาหา แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม หากไม่มีคำสั่งจากเจ้านายให้ออกไป เขาก็จะไม่ยอมออกจากบ้านไปไหนเด็ดขาด ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ตาม เขาจะรอจนกว่าร่างกายจะรอไม่ไหวเหมือนกับเรื่องราวของสุนัขหลายตัวที่เฝ้ารอเจ้าของซึ่งออกจากบ้านไปไม่กลับมาอีกโดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของเสียชีวิตไปแล้วกลายเป็นตำนานมากมายที่แสนซาบซึ้งใจและเศร้าในคราเดียวกัน นี่คือความภักดีที่คุณจะได้รับจากสัตว์ตัวหนึ่งที่ได้ชื่อว่า “สุนัข”

เครดิตภาพ : Pixabay.com

#สัตว์เลี้ยงแสนรู้ #สุนัข #การเลี้ยงสัตว์

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

5 ข้อที่ต้องรู้ก่อนคิดจะเลี้ยงสัตว์ในหอพักหรือคอนโด

อีกความต้องการของสำหรับคนรักสัตว์ที่ต้องการเลี้ยงน้องหมา หรือน้องแมวในที่พักอาศัย โดยเฉพาะในหอพักหรือคอนโดมิเนียมที่ต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านมากมายหลายห้องทั้งที่รักสัตว์และไม่ได้รัก ยิ่งห้องในที่พักแบบนี้จะเป็นห้องติด ๆกัน ใกล้ชิดกัน ยิ่งกว่าบ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮ้าส์ จึงทำให้การเลี้ยงสัตว์อาจรบกวนผู้ร่วมอาศัยใกล้เคียงได้ง่ายกว่าและบางที่ก็มีกฎข้อห้ามไม่ให้เลี้ยง อีกทั้งลักษณะของที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมก็ยังถือเป็นพื้นที่ปิด ทุกห้องอยู่ร่วมกันภายในอาคารเดียวกัน ดังนั้นกลิ่นหรือเสียงที่เกิดจากการเลี้ยงสัตว์จึงอาจส่งผลกระทบไปยังห้องข้าง ๆ ได้ และอาจทำให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง ดังนั้นการที่เราจะเลี้ยงสัตว์ไว้ในคอนโดจึงต้องคำนึงถึง 5 ข้อดังนี้ก่อน 

1. เลือกคอนโดที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์จริง ๆ

การเลือกสถานที่ในการเลี้ยงสัตว์ที่ดี คือ เลี้ยงในที่ที่ ๆไม่ต้องแอบเลี้ยงหรือหลบ ๆซ่อน ๆเพราะถ้าหากทางคอนโดมิเนียมไม่อนุญาต เพราะตัวคนเลี้ยงเองก็ใช้ชีวิตไม่มีความสุข ต้องคอยหวาดระแวงเปล่า ๆ ว่าจะถูกจับได้ อีกทั้งยังอาจต้องกักบริเวณสัตว์เลี้ยง ทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเครียดได้ด้วย เรียกว่าไม่มีความสุขทั้งผู้เลี้ยงและสัตว์เลี้ยง

เพื่อไว้ฉีดพ่นบริเวณที่ขับถ่ายของสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์ของสุนัขหรือกระดาษทรายของแมว เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นเล็ดลอดไปยังห้องข้าง ๆ

3. ไม่ควรเลี้ยงน้องหมาขนาดใหญ่เนื่องจากคอนโดมิเนียมหรือหอพักส่วนใหญ่จะมีพื้นที่ที่ค่อนข้างแคบ และบางแห่งมีการกำหนดขนาดของสัตว์เลี้ยงที่สามารถเลี้ยงในคอนโดมิเนียมได้ อีกทั้งเวลาน้องเห่าก็อาจสร้างความรำคาญให้เพื่อนร่วมที่พักได้ ดังนั้นหากต้องการเลี้ยงสัตว์จริง ๆก็ควรเลือกพันธุ์เล็กหรือสัตว์เลี้ยงที่ไม่ส่งเสียงรบกวนจะดีที่สุด

การเลี้ยงสัตว์ที่ดี คือ เข้าใจสภาพแวดล้อมที่สัตว์เลี้ยงต้องการและไม่กระทบต่อเพื่อนร่วมหอ 

4. เก็บสิ่งขับถ่ายของสัตว์เลี้ยงทุกวัน

หน้าที่สำคัญของผู้เลี้ยงก็คือการเก็บสิ่งขับถ่ายให้เรียบร้อย ซึ่งมีหลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นทิ้งลงชักโครก หรือถ้าจะทิ้งถังขยะก็ควรห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ให้มิดชิดก่อนใส่ถุงให้เรียบร้อย และควรเก็บทุกวัน เพราะสิ่งขับถ่ายของสัตว์เลี้ยงเมื่อหมักหมมเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดเชื้อโรคและกลิ่นเหม็นได้  ดังนั้นการเลี้ยงสัตว์ในคอนโดที่ดีก็คือผู้เลี้ยงจะต้องมีความรับปิดชอบต่อส่วนรวมให้มากที่สุด

5. ติดตะแกรงไว้ที่ระเบียงอย่างมิดชิด

การเลี้ยงสัตว์เพื่อให้อยุ่กับเรานาน ๆคือควรจะติดตะแกรงไว้ที่ระเบียงอย่างมิดชิด เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงแสนรักไม่ว่าจะเป็นน้องหมา หรือน้องแมว ที่อยู่ในวัยกำลังซน และชอบปีนป่าย จะได้ไม่ตกลงไปข้างล่าง ซึ่งนอกจากจะเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้อื่นด้วย

เครดิตภาพ : sanook.com

#การเลี้ยงสัตว์ #ข้อควรรู้เลี้ยงสัตว์ในคอนโด #สัตว์เลี้ยงน่ารัก

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ทำไมสุนัขกับแมวจึงไม่ถูกกัน?

หลายคนอาจรู้กันอยู่แล้วว่า “สุนัข” กับ “แมว” มักจะไม่ค่อยถูกกันหากเปรียบเทียบก็เหมือนลิ้นกับฟันที่พบกันเมื่อไหร่ก็รู้เรื่อง ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดท่าให้กันอยู่ตลอดเวลา ไม่พลาดทางกายก็พลาดทางใจจนเกิดเรื่องราวปั่นป่วนในบ้านของผู้เลี้ยงบ่อยครั้งไม่เว้นแต่ละวันเลยทีเดียว แม้จะเลี้ยงพวกเขามาคู่กันตั้งแต่เด็กก็ยังมีเรื่องให้ทะเลาะและฟัดเหวี่ยงกันบ่อย ๆ หากเขาเป็นสุนัขกับแมว ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นการไม่ถูกกันแบบแกล้งแหย่ ๆ แบบสะใจหรือไม่ถูกแบบเกลียดจนไม่อยากให้มีอีกฝ่ายอยู่ในบ้านกันเลยก็เท่านั้น เพราะอะไรกันนะที่ทำให้สัตว์ที่มี 4 ขาและจนที่นุ่มน่ารักมองดูลักษณะโดยรวมแล้วไม่ค่อยต่างกันนักกลับไม่ถูกกันขนาดนี้ เรารู้ว่าหลายคนสงสัย…ฉะนั้นไปหาคำตอบในบทความพร้อม ๆ กันเถอะ

สุนัขกับแมวมีนิสัยต่างกัน

สุนัขกับแมวเป็นสัตว์ที่มีลักษณะนิสัยไม่แตกต่างกันแม้ว่าจะเป็นสัตว์ที่ชอบเที่ยวเหมือนกัน แต่สำหรับตัวของสุนัขนั้นจะชอบเที่ยวออกจากบ้านแค่เฉพาะในเวลากลางวันและไปเพียงไม่นาน ส่วนใหญ่ก็จะรีบกลับเข้าบ้านมาอยู่กับเจ้าของเพื่อนั่งพักผ่อนคอยตรวจดูความผิดปกติภายในบ้านเหมือนยามหากได้กลิ่นหรือได้ยินเสียงผิดปกติก็จะเห่าเรียกเจ้าของทันที แม้แต่เวลาที่มีแขกมาบ้าน รักสันโดษ ส่วนแมวมักจะเป็นสัตว์ที่ชอบเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ตลอดเวลาหากเราไม่ได้เลี้ยงภายในบ้าน รักอิสระสูง แต่พอบทจะได้กลับมาหาเจ้าของนี่ก็คลอเคลียให้เขาชอบเป็นที่หนึ่งเลย เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ขี้อ้อนเก่ง ล่าสัตว์เล็กดี แต่ก็ขี้กลัวง่ายกว่าสุนัขมาก และเจ้าเล่ห์สุด ๆ จึงทำให้สัตว์ที่มีความซื่อตรงกับสัตว์เจ้าเล่ห์อย่างสุนัขกับแมวมักจะไม่ถูกกัน

สุนัขกับแมวมีขนาดตัวคนละแบบกัน

แม้ว่าภาพรวมของสุนัขกับแมวจะดูคล้ายกัน แต่ความจริงแล้วสัตว์ทั้งสองชนิดนี้มีลักษณะร่างกายที่ต่างกันมาก โดยสุนัขจะมีลำตัวที่อวบกว่าแมวและดูมีเนื้อมีหนังที่แข็งแรงกว่า ตัวก็สูงสง่า มีสายตาที่ว่องไว แตกต่างกับแมวที่ตัวเตี้ย มีขนาดเล็ก กล้ามเนื้อลำตัวก็ดูผอมบาง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สามารถใช้ความที่ขาเล็กและตัวเล็กกว่าวิ่งได้ว่องไวราวกับเสือจนหลายครั้งสุนัขที่ต้องการไล่จับสัตว์ตัวเล็กกว่าก็ตามจับไม่ทัน ด้วยตามธรรมชาติของสัตว์ใหญ่นั้นมักจะมองสัตว์เล็กเป็นเหมือนเหยื่ออยู่แล้วจึงทำให้สุนัขกับแมวไม่ถูกกันเท่าไหร่

สุนัขกับแมวมักมีความอิจฉาในรักที่เจ้าของมีให้เสมอ ในกรณีที่บ้านหลังหนึ่งเลี้ยงสุนัขกับแมวไว้คู่กันอาจจะทำให้เกิดการอิจฉากลัวว่าเจ้าของจะแย่งความรักที่มีให้ต่อตัวเองได้ และยิ่งเป็นสัตว์คนละชนิดอยู่แล้วจึงทำให้สุนัขกับแมวไม่ถูกกัน มักจะไล่ล่ากันบ่อย ๆ ส่วนแมวก็มักจะเป็นฝ่ายร้องยั่วสุนัขให้โมโหบ่อย ๆ ตรงนี้เจอบ่อยมากจากประสบการณ์ตรง เรียกได้ว่าหากไม่เกลียดแบบแค้นก็เป็นการเกลียดหน้ากันเฉย ๆ ล่ะ

เครดิตภาพ : pixabay

#สุนัขกับแมว #สัตว์เลี้ยงแสนรู้ #สัตว์เลี้ยงน่ารัก

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

5 ประโยชน์ดีๆ จากการมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน

หลายคนคงจะคิดว่าการที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านก็เพียงเพื่อจะช่วยในการเฝ้าบ้านเพียงเท่านั้น หรือเป็นเพื่อนของเราในยามที่เรารู้สึกเหงาเวลาที่อยู่บ้านเท่านั้น แต่จริงๆแล้วแล้วสัตว์เลี้ยงของเรานั้นมีประโยชน์ต่อเรามากกว่าที่พวกเราคิดอย่างมาก วันนี้เราจึงมี5 ประโยชน์ดีๆ จากการมีสัตว์เลี้ยงในบ้านมาฝากเพื่อนๆทุกคน เพื่อที่จะได้รู้ว่าสัตว์เลี้ยงของเรานั้นมีประโยชน์ต่อเรามากแค่ไหน

โดย5 ประโยชน์ดีๆ จากการมีสัตว์เลี้ยงในบ้านนั้น โดยได้มีการสำรวจและพบว่า คนที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ที่บ้านนั้นพบว่ามีความสุขมากกว่าคนทั่วไปถึง 90 % เลยทีเดียว

  1. สัตว์เลี้ยงนั้นช่วยให้เรามีอารมณ์ที่แจ่มใส

มีผลวิจัยที่ชี้ชัดแล้วว่าการที่เรามีสัตว์เลี้ยงอยู่ที่บ้านนั้น ทุกๆครั้งที่คุณได้ใช้เวลาร่วมกันกับเหล่าสัตว์เลี้ยงของคุณนั้น คุณจะรู้สึกมีความสุขเพิ่มมากขึ้น รู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกปลอดภัยอีกด้วย เนื่องจากเหล่าสัตว์เลี้ยงของคุณนั้นจะมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า สารออกซิโทซิน ซึ่งเป็นสารแห่งคววามสุข ที่จะหลั่งออกมาแล้วทำให้เรารู้สึกดีตามไปด้วย

  1. ช่วยให้คุณได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น

เพราะเหล่าสัตว์เลี้ยงตัวป่วนของคุณนั้นไม่ยอมอยู่เฉยๆเอาซ่ะเลย พวกมันต้องการที่จะวิ่งเล่นอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะสุนัข นั่งจึงทำให้คุณต้องพาพวกมันออกไปเดินเล่นอยู่บ่อยๆ ทำให้คุณเองก็ได้ออกกำลังกายไปด้วย ส่งผลให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย

3. ช่วยให้คุณนั้นสามารถทำงานได้ดีขึ้น

โดยมีผลการวิจัยที่บ่งชี้ว่า การที่คุณมีเหล่าสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านนั้น มันจะช่วยให้คุณมีความเครียดลดลง มีความสุขเพิ่มมากขึ้น มีจิตใจที่อ่อนโยนและแจ่มใส ส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างสร้างสรรค์ และมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

4. ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักนั้นดีขึ้น

มีผลวิจัยบ่งชี้ว่าคู่รักที่มีสัตว์เลี้ยงร่วมกันนั้นพบว่าจะมีความดันที่ต่ำกว่าคู่ที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง และพบว่ายังมีความสุขมากกว่าและความเครียดน้อยกว่าอีกด้วย

5. ช่วยให้เราสมหวังในเรื่องความรักได้อีกด้วย

นั่นก็เพราะว่าคนที่มีความชอบในอะไรคล้ายๆกัน มักจะถูกดึงดูดเข้าหากันได้ง่าย หรือบางคนใช้เหล่าสัตว์เลี้ยงนี่แหละเป็นเหมือนกามเทพน้อย และคอยช่วยให้ทอดสะพานไปถึงคนที่พวกเขาแอบปิ๊ง โดยหาประเด็นพูดคุยผ่านเจ้าเหล่าสัตว์เลี้ยงพวกนั้น จนนำไปสู่การสานต่อความสัมพันธ์ในที่สุด

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ5 ประโยชน์ดีๆ จากการมีสัตว์เลี้ยงในบ้านที่เราได้นำมาฝากทุกคนในวันนี้ เห็นหรือยังคะว่าการที่เรามีสัตว์เลี้ยงอยู่ที่บ้านนั้น มีประโยชน์ต่อเรามากแค่ไหน ดังนั้นแล้วลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาดูแล และให้ความรักกับมันกันนะคะ

#ประโยชน์จากการเลี้ยงสัตว์ #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #สัตว์เลี้ยงแสนรู้

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

พฤติกรรมของสุนัขแบบนี้ หมายความว่ายังไงกันนะ

หลายคนคงเคยสังเกตอาหารของสุนัขคุณใช่มั้ยคะ บางครั้งพวกมันก็กระดิกหาง บางครั้งพวกมันก็ชูหาง บางครั้งพวกมันก็นอนหมอบ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้นที่พวกมันแสดงออกมานั่นเองค่ะ ที่เป็นตัวบ่งบอกว่าพวกมันนั้นมีอุปนิสัยอย่างไร หรือว่าพวกมันต้องการอะไร หรือกำลังรู้สึกอะไรอยู่บ้าง วันนี้เราจึงมีเหล่าพฤติกรรมของเหล่าสุนัขว่าพฤติกรรมของสุนัขแบบนี้ หมายความว่ายังไงกันนะ มาฝากเพื่อนๆกันค่ะ

โดยเราจะมาทำความเข้าใจบรรดาเจ้าตูบของพวกเรากันว่าพฤติกรรมของสุนัขแบบนี้ หมายความว่ายังไงกันนะ เพื่อที่เราจะได้มีความเข้าอกเข้าใจในเหล่าเจ้าตูบมากขึ้น ว่าซึ่งที่พวกเขาแสดงออกมานั้นพยายามจะบอกอะไรเรากันแน่

  1. นอนหงาย

หากเจ้าตูบของคุณนั้นแสดงอาการแบบว่า กะพริบตาและทำตาหยีนั้น นั่งกำลังแปลว่าเจ้าตูบนั้นกำลังมีความสุขอย่างมากมาย หรือบางครั้งอาจจะดูเหมือนมันกำลังยิ้มอยู่ด้วยนะ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเวลาที่เราลูบหัวลูบตัว หรือเกาคอเกาพุงให้นั่นเอง

2. นอนหงาย

การที่เจ้าตูบของเรานอนหงานอ้าซ่านั้น แสดงให้เรารู้ว่าเจ้าตูบของเรานั้นรู้สึกไว้ใจและรู้สึกปลอดภัยกับเรามากแค่ไหน เพราะท่าทางแบบนี้นั้นมีไว้เพื่อใช้ประจบเจ้านายที่มันรักและก็ไว้ใจเป็นอย่างมากนั่นเอง

3. แยกเขี้ยวขู่

หากพบว่าวันดีคืนดีเจ้าตูบของเรานั้นอยู่ดีๆก็มีอาการแยกเขี้ยวขู่ขึ้นมา มันแสดงถึงอาการที่ไม่ค่อยพอใจนักของเจ้าตูบเรานั่นเองค่ะ โดยมักจะแสดงออกมาเวลาที่เจ้าตูบของเรากำลังโกรธ หรือกำลังรู้สึกว่าตัวเองนั้นกำลังถูกคุกคามอยู่นั่นเองค่ะ

4. หูตั้ง ยกหางขึ้นตั้งตรง

หากเทียบกับคนแล้วคนจะเหมือนกับนักวิ่งที่เตรียมตัวออกวิ่งยังไงอย่างงั้นเลย เพราะการที่เจ้าตูบของคุณแสดงท่าทางแบบนี้ออกมานั้นแสดงให้เห็นว่าเจ้าตูบนั้นกำลังระวังตัวและพร้อมที่จะจู่โจมกับอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่มันคิดว่าเป็นศัตรูของมันนั่นเอง

5. อยู่ดีๆก็หางตก และซุกหว่างขาของเรา

หากพบว่าอยู่ดีเจ้าตูบของเรานั้นอยู่ดีๆก็หางตก และซุกหว่างขาของเรา อาจแปลได้ว่าเจ้าตูบของเรานั้นกำลังรู้สึกหวาดกลัว หรือไม่มั่นใจ และมีความอึดอัด หรือในบางครั้งอาจแปลได้ว่าเขากำลังมีอาการเจ็บป่วยอยู่ด้วยก็ได้

เป็นยังไงกันบ้างคะกับพฤติกรรมของสุนัขแบบนี้ หมายความว่ายังไงกันนะที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ เราคงจะมีความเข้าอกเข้าใจในสุนัขของเรามากขึ้นแล้วใช่มั้ยละคะ เพราะเหล่าสุนัขนั้นเขาก็มีจิตใจเหมือนกันกับเราที่อยากให้เราได้เข้าใจเขาเหมือนกัน

#พฤติกรรมสุนัข #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #สัตว์เลี้ยงแสนรู้

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ร้านอาหารพาสัตว์เลี้ยงเข้าได้

เชื่อว่าเจ้าของหลายคนคงต้องเคยเจอปัญหานี้กันอยู่บ่อยๆ เมื่อพาสัตว์เลี้ยงออกไปกินข้าวนอกบ้าน แล้วทางร้านไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในร้าน วันนี้เราเลยมารวบรวมร้านอาหารที่เอาใจคนรักสัตว์ที่สามารถให้สัตว์เลี้ยงของเราเข้าไปในร้านได้ ไปดูกันดีกว่าว่าจะมีร้านไหนบ้าง 

1.ครัวเขาใหญ่

ร้านดังประจำปากช่อง ครัวเขาใหญ่ ที่ใครๆก็ต้องแวะมาเช็คอิน เมนูส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอาหารไทย ร้านกว้างขวางรองรับลูกค้าได้เยอะมาก ที่สำคัญยังสามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาร่วมโต๊ะกับเจ้าของได้ด้วยนะคะ ตอบโจทย์คนที่มาเที่ยวเขาใหญ่แล้วพาสัตว์เลี้ยงมาด้วยมากๆ

ร้านเปิดให้บริการ : ทุกวัน 09.00 – 20.00 น.

พิกัด : ถนนธนะรัชต์ ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

2.สวนอาหารให้…ความรัก 

ร้านอาหารสไตล์บ้านหลังเล็กๆสีสันน่ารักสดใส อาหารที่นี่มีทั้งอาหารไทยและอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงมากมายหลากหลายเมนูให้เลือก บรรยากาศร้านร่มรื่นล้อมรอบไปด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์ ใครอยากพาสัตว์เลี้ยงมากินข้าวหรือมาวิ่งเล่นก็แวะมาที่นี่ได้เลยค่ะ 

ร้านเปิดให้บริการ : ทุกวัน 11.00 – 23.00 น.

พิกัด : ถนนอุทยาน แขวงทวีพัฒนา เขตทวีวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร

3.IfItIs (อิฟอิทอีส)

ร้านนี้บอกเลยว่าคนรักสัตว์เลี้ยงไม่ควรพลาด ทางร้านเปิดประตูต้อนรับให้สุนัขเข้ามาวิ่งเล่นได้อย่างอิสระ และหากพาสุนัขมาด้วยจะได้รับเครื่องดื่มฟรีจากทางร้าน 1 แก้ว อาหารมีทั้งอาหารไทยและอาหารฟิวชั่น แถมยังมีโปรโมชั่นพิเศษ “Doggy Happy Hour” เวลา 16.00 – 19.00 น.อีกด้วย เหมาะแก่การพาสัตว์เลี้ยงมาพักผ่อนสุดๆแนะนำเลยค่ะ 

ร้านเปิดให้บริการ : ทุกวัน 11.00 – 00.00 น.พิกัด : ซอยทองหล่อ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร

4.Mother May I

ใครชอบร้านอาหารที่มีครบทั้งอาหารคาวและอาหารหวานไม่ควรพลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอาหารไทยที่หาทานได้ยาก ร้านตกแต่งด้วยสีขาวสไตล์โมเดิร์น สบายตาสุดๆ น่าถ่ายรูปทุกมุม และยังสามารถพาสุนัขมาวิ่งเล่นในสวนที่จัดพื้นที่ไว้สำหรับสุนัขในโซนด้านนอกด้วยนะคะ

ร้านเปิดให้บริการ : ทุกวัน 11.00 – 23.00 น.

พิกัด : ซอยเอกมัย แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร

5.Suzette ปากช่อง

ร้านอาหารฝีมือเชฟกระทะเหล็กอย่างเชฟไก่ ธนัญญา ที่ออกแบบอาหารรสชาติอร่อยไม่ซ้ำใคร มีทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่าอิตาเลียน สปาเก็ตตี้ผัดปลาร้าสับกับซารามี่รสเด็ดส้มตำยอดอ่อนทานตะวัน และเมนูอื่นๆอีกมากมาย ร้านบรรยากาศร่มรื่น และมีโซน outdoor ที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงมานั่งกินอาหารร่วมโต๊ะกับเจ้าของได้ด้วย

ร้านเปิดให้บริการ : ทุกวัน 10.00 – 20.00 น. 

พิกัด : หมู่ 9 ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

เครดิตภาพ : รีวิว & ฮาวทู / EDTguide / Paapaii / Daybeds Magazine / Wongnai

#ร้านอาหารพาสัตว์เลี้ยงเข้าได้ #ร้านอาหาร #สัตว์เลี้ยงน่ารัก

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

สังเกตพบ 5 อาการเหล่านี้ อาจแสดงว่าแมวของคุณกำลังป่วย

เพราะสัตว์เลี้ยงของเรานั้นไม่สามารถพูดกับเราได้ว่าเขารู้สึกไม่สบายตัว ปวดหัว เป็นไข้เหมือนอย่างเราๆที่สามารถพูดจาสื่อสารกันได้ หรือบางครั้งนั้นการแสดงอาการออกมาอาจจะไม่ชัดเจนเหมือนกับสุนัข แต่เราก็ยังพอจะมีวิธีสังเกตอาการเจ็บป่วยของเจ้าเหล่าแมวน้อยพวกนั้นอยู่ แม้จะเป็นอาการเพียงเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้ อาจแสดงว่าแมวของคุณกำลังป่วย

โดยบทความนี้เราจะบอกถึงวิธีสังเกตอาการเหล่านี้ อาจแสดงว่าแมวของคุณกำลังป่วย เพื่อเอาไว้ให้คุณได้สังเกตเหล่าสัตว์เลี้ยงของคุณ โดยรับรองว่าบทความนี้นั้น ต้องมีประโยชน์ต่อทาสแมวอย่างแน่นอนเลยค่ะ

1. แมวของคุณนั้นขับถ่ายผิดปกติ

หากพบว่าน้องแมวของเรานั้นขับถ่ายผิดปกติ เช่น มีอาการท้องเสีย ปัสสาวะเยอะ หรือขับถ่ายมากแต่ไม่ปัสสาวะเลยนั้น ให้เรารอดูอาการภายใน 24 ชั่วโมงก่อน เพราะบางครั้งอาจเกิดจากการที่น้องแมวของเรานั้นกินอะไรที่ผิดสำแดงเข้าไป ส่งผลให้ขับถ่ายผิดปกติโดยปกติ แต่หากว่าอาการยังไม่ดีขึ้น แล้วยังพบว่าอุจจาระเป็นสีดำหรือสีแดงนั้น ควรรีบนำไปหาสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด

2. แมวของคุณมีกลิ่นปากคล้ายปัสสาวะ

หากพบว่าแมวของคุณมีกลิ่นปากคล้ายปัสสาวะนั้น อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า น้องแมวของคุณนั้นอาจมีปัญหาเกี่ยวกับโรคฟันหรือเหงือกอักเสบ เพราะเกิดจากการสะสมของหินปูน หรือเชื้อแบคทีเรียตามช่องปากนั่นเอง

3. แมวของคุณมีน้ำมูกและขี้ตา

หากพบว่าแมวของคุณมีน้ำมูกและขี้ตานั้นอาจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า น้องแมวของคุณนั้นอาจแพ้อะไรบางอย่างหรือท่อน้ำตาอักเสบ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการอักเสบรอบๆดวงตาของน้องแมว หรือหากพบว่ามีน้ำมูกไหลร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคหวัดแมวด้วย

4. แมวของคุณมีอาการซึมเศร้า

หากอยู่ดีๆวันหนึ่งน้องแมวของเรานั้นมีการการที่เปลี่ยนไปจากเดิมละก็ ให้ลองสังเกตอาการให้ดีหากพบว่าน้องแมวของเรานั้น ซึมเศร้าผิดปกติ ไปหลบซ่อนอยู่ตามมุม ทำตัวเหงาไปจากเดิม และยังชอบเดินลากขาหลัง นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าน้องแมวของคุณนั้นกำลังป่วยอยู่อย่างแน่นอน

5. แมวของคุณนั้นอาเจียนออกมา

โดยหากพบว่าแมวของคุณนั้นอาเจียนออกมาบ่อยๆหรืออาเจียนไม่หยุดเลยนั้น นี่เป็นสัญญาณเตือนเพื่อบอกให้รู้ว่าน้องแมวของคุณกำลังไม่สบายอยู่ ซึ่งสาเหตุมักมาจากการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร หรือ ลำไส้อักเสบนั่นเอง

 เป็นยังไงกันบ้างคะกับวิธีสังเกตอาการเหล่านี้ อาจแสดงว่าแมวของคุณกำลังป่วยที่ได้นำมาฝากเพื่อนๆในวันนี้ ไม่ยากเกินไปเลยใช่มั้ยละคะ ขอแค่เพียงเรามีความเข้าใจในพฤติกรรมที่น้องแมวของเรานั้นแสดงออกมา เราก็จะสามารถรับรู้ได้แล้วว่าน้องแมวของเรานั้นกำลังเป็นอะไรอยู่

#แมวกำลังป่วย #อาการแมวป่วย #อาการแมวซึมเศร้า

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

สุนัขบีเกิ้ล

         บีเกิ้ล (Beagle) เป็นสุนัขล่ากระต่ายขนาดเล็กที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับสุนัขจิ้งจอกแต่มีขนาดเล็กกว่ามาก บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่มีจมูกซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อการล่ากระต่ายโดยเฉพาะ 

บีเกิ้ลเป็นสุนัขพันธุ์หลักที่ใช้เป็นสุนัขตรวจจับการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรและอาหารที่ต้องห้ามในเขตกักกันทั่วโลก บีเกิ้ลมีความฉลาด เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมเนื่องจากขนาดของมัน เป็นสุนัขอารมณ์ดีและไม่ค่อยมีปัญหาด้านสุขภาพ

         บีเกิ้ลสายพันธุ์ใหม่ได้รับการพัฒนาในสหราชอาณาจักรในช่วงทศวรรษที่ 1830 เริ่มจากสุนัขหลายสายพันธุ์เช่น Talbot Hound, North Country Beagle, Southern Hound และอาจรวมถึง Harrier

         บีเกิ้ลปรากฏอยู่เป็นภาพทางวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยเอลิซาเบธ ในวรรณคดีและภาพวาด  เมื่อไม่นานมานี้บีเกิ้ลปรากฏตัวในภาพยนตร์โทรทัศน์และหนังสือการ์ตูน

         จุดเริ่มต้นของสุนัขสายพันธ์บีเกิ้ลไม่มีใครทราบ ในศตวรรษที่ 11 กษัตริย์วิลเลียมผู้พิชิตได้นำสุนัขพันธุ์เซนต์ฮิวเบิร์ต (Saint Hubert) และสุนัขทัลบอต (Talbot) ไปยังอังกฤษ

ทั้งสองสายพันธุ์นี้ถูกผสมกับเกรย์ฮาวด์ (Greyhound) เพื่อเพิ่มความเร็วและความแข็งแกร่งในการล่ากวาง บีเกิ้ลมีลักษณะคล้ายกับ Harrier และ Southern Hound ที่สูญพันธุ์ไปแล้วแม้ว่าจะมีขนาดเล็กและช้ากว่าก็ตาม

         ตั้งแต่ยุคกลางบีเกิ้ลถูกระบุว่าเป็นสุนัขล่าเนื้อขนาดเล็ก แม้ว่าสุนัขเหล่านี้จะแตกต่างจากบีเกิ้ลสายพันธุ์สมัยใหม่มากก็ตาม

สุนัขพันธุ์บีเกิ้ลขนาดเล็กเป็นที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 และเฮนรี่ที่ 7 ในการล่าสัตว์สุนัขล่าเนื้อขนาดใหญ่จะวิ่งไล่เหยื่อลงสู่พื้นจากนั้นนักล่าจะปล่อยสุนัขตัวเล็กๆ เหล่านี้ เพื่อไล่ล่าผ่านพุ่มไม้ต่อไป

เมื่อถึงศตวรรษที่ 18 สุนัข 2 สายพันธุ์ได้รับการพัฒนาให้ทำหน้าที่ล่ากระต่ายได้แก่ Southern Hound และ North Country Beagle

สายพันธ์ Southern Hound เป็นสุนัขที่มีรูปร่างสูงและมีน้ำหนักมากที่มีหัวเหลี่ยมและหูยาวนุ่มมีอยู่ทั่วไปจากทางใต้ของแม่น้ำเทรนต์และอาจมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ Talbot Hound

ที่แม้ว่าจะช้าแต่ก็มีความแข็งแกร่งและความสามารถในการดมกลิ่นที่ยอดเยี่ยม ส่วน North Country Beagle ซึ่งอาจเป็นลูกผสมระหว่าง Talbot และ Greyhound ได้รับการฝึกในยอร์คเชียเป็นส่วนใหญ่

และพบได้ทั่วไปในทางตอนเหนือ มันมีขนาดเล็กกว่า Southern Hound ซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่าและมีปากที่แหลมกว่า มันมีความเร็วกว่า แต่ความสามารถในการดมกลิ่นของมันยังพัฒนาได้น้อยกว่า

การพัฒนาบีเกิ้ลสายพันธุ์สมัยใหม่

         นายฟิลลิป ฮันนี่วูด ก่อตั้งกลุ่มบีเกิ้ลในเอสเซ็กซ์ในช่วงทศวรรษที่ 1830 และเชื่อกันว่ากลุ่มนี้จะเป็นพื้นฐานสำหรับบีเกิ้ลสายพันธุ์สมัยใหม่

แม้ว่าจะไม่มีการบันทึกรายละเอียดของเชื้อสายของสุนัขกลุ่มนี้ แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ว่าคือ North Country Beagles และ Southern Hounds  นายวิลเลียม ยูแอตต์สงสัยว่าแฮริเออร์เป็นสายเลือดส่วนใหญ่ของบีเกิ้ล แต่ต้นกำเนิดของแฮร์ริเออร์นั้นคลุมเครือ

         แม้ว่าจะได้รับการยกย่องจากการพัฒนาสายพันธุ์ที่ทันสมัย ​​แต่นายฮันนี่วูดก็มุ่งเน้นไปที่การผลิตสุนัขสำหรับการล่าสัตว์และทิ้งให้โทมัส จอห์นสัน (Thomas Johnson)

ปรับแต่งสายพันธุ์เพื่อผลิตสุนัขที่มีทั้งความน่าสนใจและมีความสามารถในการเป็นนักล่า ในการพัฒนาสายพันธุ์สองสายพันธุ์คือ พันธุ์ที่ขนหยาบและขนเรียบ

บีเกิ้ลขนหยาบรอดชีวิตมาได้จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 และยังมีบันทึกว่ามีการปรากฏตัวในงานแสดงสุนัขเมื่อปลายปี 1969 แต่สายพันธ์เหล่านี้สูญพันธุ์ไปแล้วโดยอาจถูกดูดกลืนเข้าสู่สายเลือดบีเกิ้ลมาตรฐานในปัจจุบัน

         ในทศวรรษ 1840 บีเกิ้ลพันธ์มาตรฐานได้เริ่มพัฒนาขึ้นมา ความแตกต่างระหว่าง North Country Beagle และ Southern Hound ได้หายไป

แต่ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงขนาดลักษณะและความน่าเชื่อถือในกลุ่มที่เกิดขึ้นใหม่ ปี 1856 จอห์น เฮนรี่ วอลช์ เขียนไว้ในคู่มือกีฬาชนบทของอังกฤษ

โดยยังคงแบ่งบีเกิ้ลออกเป็นสี่สายพันธุ์คือ บีเกิ้ลขนาดกลาง บีเกิ้ลแคระหรือแลปด็อก สุนัขจิ้งจอกบีเกิ้ล (Foxhound) และบีเกิ้ลขนหยาบ

         ในปี 1887 เมื่อภัยคุกคามของการสูญพันธุ์กำลังลดลง มีบีเกิ้ล 18 ตัวในอังกฤษโดย Beagle Club ก่อตั้งขึ้นในปี 1890

และเป็นผู้สร้างมาตรฐานแรกของบีเกิ้ลในเวลาเดียวกัน ในปีต่อมาได้มีการก่อตั้ง Association of Masters of Harriers and Beagles

ทั้งสององค์กรมีเป้าหมายที่จะสร้างมาตรฐานสูงสุดของสายพันธุ์นี้ และทั้งสองหน่วยงานต่างกระตือรือร้นที่จะเพาะพันธ์บีเกิ้ลชนิดมาตรฐาน ในปี 1902 จำนวนบีเกิ้ลเพิ่มขึ้นเป็น 44 ตัว

เครดิตภาพ AKC, MF, Mythaipet

#บีเกิ้ล #บีเกิ้ลน่ารู้ #สุนัขน่าเลี้ยง

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier) สุนัขแสนซน ที่จะทำให้หัวใจคุณพองโต

ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier) สุนัขสายพันธุ์นี้มีขนาดเล็ก ที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะว่ายอร์กเชียร์ เป็นสุนันที่ขนยาวสวยดูน่ารัก อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้เลี้ยง ที่มีพื้นเลี้ยงจำกัด นอกจากนี้ยอร์กเชียร์ยังมีความฉลาด อีกทั้งยังซุกซน แต่ค่อนข้างที่จะดุกับเด็ก ถ้าได้รับการปฏิบัตไม่ดีจากเด็กๆ ที่อาจจะหยอกล้อแรงไป หรือเล่นไม่ถูกวิธี อีกทั้งเจ้ายอร์กเชียร์นั้น ก็ยังเป็นสุนัขที่ชอบเห่ามากๆ แต่ผู้เลี้ยงนั้นสามารถที่จะฝึกสอน ให้เขาเห่าลดน้อยลงมาได้ 

ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier) เป็นสุนัทที่มีความน่ารักมากๆ จึงทำให้ผู้รักสุนัขหลายๆคน ก็พากันตกหลุมรักกับความน่ารักนั้น ด้วยความที่มีขนากตัวเล็กดูเหมือนว่าจะเลี้ยงง่าย อีกทั้งยังสามารถเลี้ยงได้แทบทุกจะพื้นที่ แต่การที่จะเลี้ยงเจ้ายอร์กเชียร์นั้น ก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเสมอไป เพราะยังไงเข้าก็ยังเป็นสุนัข ที่ยังต้องการความรัก และการดูและที่ดีจากผู้เลี้ยงอยู่ดี ดังนั้นการที่เราจะรับน้องมาเลี้ยง เราจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เพื่อที่จะส่งผลดีต่อทั้งตัวเร  และตัวน้องด้วย

ลักษณะโดยทั่วไปของเจ้าตัวน้อย ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier)

ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier)  จะเป็นสุนัขตัวเล็ก ที่มีลักษณะหูเป็นรูปตัววีตั้งตรง ในส่วนของช่วงตัวนั้น จะหลังหลังที่ตรง และจะมีขนที่ยาวตรง และนุ่มลื่นทั้งตัว ส่วนสีขนบนตัวและหางนั้น จะเป็นสีน้ำเงินเงา

ส่วนที่อื่นจะเป็นสีน้ำตาล และเมื่อโตเต็มวัยจะมีความสูงที่ 20 –23 เซนติเมตร ส่วนน้ำหนักโดยประมาณจะอยู่ที่ 1-5 กิโลกรัม และจะมีอายุขัยเฉลี่ยที่ 12-15 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอายุ ที่จะอยู่กับผู้เลี้ยงค่อนข้างที่จะนาน ดังนั้นก่อนที่เราจะรับมาเลี้ยง จะต้องดูความพร้อมของเราให้ดีๆก่อน

ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier) กับวิธีการดูแลที่ต้องใส่ใจ

ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier) เป็นสุนัขมีขนาดตัวที่เล็ก ดังนั้นการให้อาหารสายพันธุ์นี้ ก็จะมีความแตกต่างจากสุนัขพันธุ์ที่มีขนาดตัวใหญ่ โดยยอร์กเทียร์นั้นจะกินทีละน้อย แต่จะต้องแบ่งเป็นหลายมื้อ

ซึ่งก็จะต่างจากสุนัขพันธุ์อื่นๆ ที่กินอาหารเป็นมือใหญ่ๆได้ การให้อาหารของสายพันธ์ยอร์กเชียร์นั้น จึงต้องมีการคำนวณปริมาณอาหาร ให้เหมาะกับน้ำหนักตัวที่มี ซึ่งจะต้องชั่งให้ตรงมากที่สุด เพื่อที่จะได้คำนวณออกมาได้อย่างถูกต้อง ส่วนในเรื่องของขนนั้น ด้วยความที่เข้ามีขนที่ยาว ดังนั้นขนก็เป็นอีกที่ ที่ผู้เลี้ยงนั้นจะต้องดูแลเป็นพิเศษ 

การเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier) จะไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เพราะเป็นสุนัขที่มีขนาดตัวเล็ก ซึ่งก็อาจจะทำให้เขานั้นถูกทำตกได้ง่าย หรือเด็กๆนั้นอาจจะเข้าไปกอดน้องแน่นเกินไป อีกทั้งยังสามารถโดนเหยียบได้ง่ายมากอีกด้วย ถ้าหากว่าเรานั้นไม่ระวังให้ดี และก็จะทำให้ยอร์กเชียร์ออกทชอาการดุใส่เด็กๆได้ ยอร์กเชียร์จึงเหมาะกับผู้เลี้ยง ที่มีความระมัดระวัง และไม่เล่นรุนแรงกับเขามากจนเกินไป

วิดีโอเพิ่มเติม :

เครดิตภาพ

https://pixabay.com/th/photos ภาพที่ 1

https://pixabay.com/th/photos/yorkshire-terrier  ภาพที่ 2

https://pixabay.com/th/photos/  ภาพที่ 3

#ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์ #สุนัขน่าเลี้ยง #สุนัขพันธ์ุเล็ก

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

สัตว์เลี้ยงน่ารักวันนี้ เตรียมตัวให้ดีก่อนเลี้ยงเม่นแคระ

สำหรับปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์นั้นถือว่าเป็นงานอดิเรกของใครหลายๆคนไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงานรวมไปถึงวัยทองหรือสูงอายุต่างคนต่างก็มีสไตล์สัตว์ที่ชอบไม่เหมือนกันและอีกอย่างราคาปัจจุบันถือว่าไม่แรงสามารถจับต้องได้และเป็นเจ้าของได้แบบง่ายๆ

มีตั้งแต่สัตว์เล็กจะไปถึงสัตว์ใหญ่สัตว์ปีกสัตว์บกสัตว์น้ำเป็นต้นในวันนี้จะมาแนะนำสัตว์เลื้อยคลานประเภทของหนูก็คือเม่นแคระโดยจะมาแนะนำวิธีเตรียมตัวให้ดีก่อนจะเลี้ยงต้องทำอย่างไรบ้างมาดูกัน

สถานที่

สิ่งแรกเลยคือสถานที่แนะนำให้ใช้สถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกไม่มีขนาดที่เล็กจนเกินไปและไม่มีขนาดที่ใหญ่จนเกินไปอาจจะเป็นห้องนอนหรือห้องพัดลมก็สามารถทำได้หรือว่าไม่ถึงบริเวณหน้าบ้านหรืออะไรก็ได้ที่มีรั้วกั้นมิดชิด

ภาชนะ

สำหรับเม่นแคระนั้นนิยมเลี้ยงกันในกะละมังหรือเลี้ยงปลาในอ่างแก้วหรือลังไม้ไม่แนะนำให้ใช้กรงเพราะเนื่องจากน้องเม่นแคระนั้นค่อนข้างจะขี้ซนและชอบปีนป่ายไปทั่วอาจจะทำให้ขาหักหรือแขนหักได้ซึ่งมีหลายๆเคสมาแล้วที่เป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นจึงนิยมเลี้ยงในกะละมังหรืออ่านง่ายๆแทน

อาหาร

สำหรับใครที่เอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณแนะนำให้ใช้อาหารเม่นโดยตรงมีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ราคาไม่แรงสามารถจับต้องได้ที่สำคัญถ้าหากใช้อาหารเล่นโดยเฉพาะจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและไม่เป็นโรคง่ายหรือถ้าหากเป็นผู้คนที่ไม่ค่อยมีงบประมาณแนะนำให้อาหารแมวเป็นต้นและควรใช้อาหารเสริมคือโครงสร้างของแมลงน่าจะเป็นหนอนน้อยหรือหนอนกรอบก็สามารถใช้ได้

น้ำ

สำหรับน้ำของเม่นแคระนั้นแนะนำให้ใช้น้ำผสมวิตามินหรือเป็นน้ำเปล่าก็ได้แนะนำอย่าใช้น้ำประปาหรือน้ำก๊อกแนะนำให้ใช้น้ำในขวดหรือถ้าหากคุณเป็นคนง่ายๆชิวๆก็สามารถใช้น้ำก๊อกได้เช่นกันในกรณีที่ใช้น้ำขวดหรือน้ำวิตามินเหมาะสำหรับผู้คนที่มีงบประมาณสูง

เงิน

แน่นอนว่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการซื้อสัตว์เลี้ยงหรือการเลี้ยงสัตว์ชนิดต่างๆเพราะคุณจำเป็นต้องรู้จักออมเงินไว้เพื่อในส่วนต่างๆไม่ว่าจะเป็นส่วนรักษาพยาบาลส่วนของอาหารเสริมของอุปกรณ์เสริมหรือส่วนของอุปกรณ์รองโกงขี้เลื่อยซังข้าวโพดเป็นต้น

คนดูแล

คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของของเม่นแคระนั่นเองเพราะเจ้าของจะเข้าใจดีว่าแม่นต้องการอะไรและจะเล่นกับมันได้แบบไม่ต้องกลัวที่สำคัญวิธีเรียนนั้นสามารถหาได้ตามอินเตอร์เน็ตทั่วไปหรือจะดูจาก youtube รวมไปถึงโซเชียลมีเดียก็สามารถทำได้

วิดีโอเพิ่มเติม :

เม่นแล่ว EP.18 | 15 ข้อ ควรรู้ก่อนเลี้ยงเม่นแคระ

#เลี้ยงเม่นแคระ #รู้ก่อนเลี้ยง #แนะนำสัตว์เลี้ยง