Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

“หนอนแอนตาร์กติก” สิ่งมีชีวิตเงางามที่คุณอาจสะพรึงในทะเลลึก

ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศยามเช้าค่อนข้างหนาวทำให้เราที่ตื่นมาเขียนบทความพลันนึกถึงสัตว์ทะเลอยู่บ่อย ๆ เอาจริงเราก็รู้ล่ะว่าตัวเองดูจะเขียนถึงสัตว์ทะเลเยอะแล้ว แต่ก็อย่างว่าเนอะ…แม้จะเขียนเยอะแค่ไหนแต่สัตว์ทะเลก็ยังคงอยู่ในหัวข้อที่มีคนจับตามองและรออ่านกันด้วยความสนใจอยู่เสมอ เพราะใต้มหาสมุทรอันลึกล้ำยากแท้หยั่งถึงมีสิ่งมีชีวิตอีกมากมายที่ซ่อนตัวอยู่และรอให้เราไปค้นหาพวกมันเพื่อบอกให้รู้ว่าโลกมนุษย์ไม่ได้มีแต่สิ่งมีชีวิตที่ดูธรรมดาอย่างปลาต่าง ๆ แบบที่เราเห็นเสมอ แต่สัตว์ทะเลหลายตัวที่ถูกค้นพบมาใหม่ต่างก็มีความแปลกแหวกแนวที่สามารถสู้กับความแปลกประหลาดของสัตว์นอกโลกที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ไซไฟได้ดีเช่นกัน วันนี้เองเราก็เลยถือโอกาสนำเรื่องราวของหนึ่งในสัตว์แปลกใต้ทะเลลึกอย่าง “หนอนแอนตาร์กติก” ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ถึงการมีตัวตนของเจ้าสัตว์ที่สวยงามเป็นเงาพริ้งแต่แฝงด้วยความสะพรึงในรูปลักษณ์เล็กน้อยนี้

ทำความรู้จักกับ “หนอนแอนตาร์กติก”

“หนอนแอนตาร์กติก” หรือชื่อวิทยาศาสตร์คือ “Eulagisca Gigantea” เป็นหนอนทะเลขนาดเล็กลำตัวที่เต็มไปด้วยเกล็ดทับซ้อนยาวขนาด 8 นิ้วที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแอนตาร์กติกที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นยะเยือกภายใต้ระดับความลึกประมาณ 40 ถึง 700 เมตร มีลักษณะโดดเด่นของลำตัวกับหน้าท้องที่แบนราบคล้ายวงรีและมีขากับขนสีทองเหลืองอร่ามประกายแสงในที่มืดเงางามคล้ายขนแปรงมากถึง 40 คู่ ไม่มีตา แต่มีส่วนศีรษะซึ่งรับประสาทสัมผัสทุกด้านกับปากที่มีฟันแหลมคมทั้งส่วนบนและส่วนล่างซึ่งเชื่อมกับขากรรไกรใหญ่ที่แข็งแรงดูสะพรึง หากดูนาน ๆ อาจจะรู้สึกว่าเจ้าหนอนแอนตาร์กติกมีลักษณะในอีกมุมที่คล้ายกับตะขาบบนบกเลย

การดำรงชีวิตของ “หนอนแอนตาร์กติก”

“หนอนแอนตาร์กติก” มีพฤติกรรมชอบซ่อนตัวอยู่ใต้ตะกอนในรูที่ขุดและใช้ชีวิตโดดเดี่ยวไม่เป็นกลุ่มเป็นฝูงคล้ายกับสัตว์ทะเลทั่วไป โดยเมื่อหิวมันก็จะพุ่งจู่โจมเหยื่อที่เป็นสัตว์ทะเลตัวเล็กกว่าหรือขนาดเท่ากันโดยไม่มีกำหนดเวลาระยะกลางวันหรือกลางคืน ซึ่งวิธีการกินจะใช้ปากที่มีลักษณะเป็นท่อดูดส่วนหนึ่งของเหยื่อให้ติดกับก่อนจะใช้ฟันบริเวณงวงฉีกกัดเหยื่อทันที มันจะอยู่ของมันเองอย่างสงบในเวลาปกติ แต่เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ก็จะมีนิสัยที่ก้าวร้าวและเอาแต่ใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งเกิดความกระตือรือร้นในการผสมพันธุ์กับเพศตรงข้ามจนดำเนินการได้รวดเร็วก่อนที่พอหมดฤดูก็จะแยกย้ายไปอยู่ที่ของตัวเองดังเดิมและปล่อยไข่ให้ลอยตามน้ำแล้วค่อย ๆ เติบโตเป็นตัวอ่อนเองจนโตได้อย่างอิสระ

อาหารสุดโปรดของ “หนอนแอนตาร์กติก”

“หนอนแอนตาร์กติก” มีอาหารสุดโปรดที่มันชื่นชอบมาก ได้แก่ แมงมุมทะเล, หนอนทะเลด้วยกันเองแต่เป็นพันธุ์อื่น, กุ้ง – กั้ง และสัตว์ทะเลอื่น ๆ ที่ตัวเล็ก แต่จะไม่ชอบกินปลานักหากเลือกได้ ซึ่งมันเป็นสัตว์ที่ถูกให้ฉายาว่าหนอนขากรรไกรแกร่งมากที่สุดอีกชนิดหนึ่งของมหาสมุทรเลย

เครดิตภาพ : bbs.boingboing.net

#สัตว์แปลก #สัตว์ใต้น้ำ #หนอนแอนตาร์กติก

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

“หอยเต้าปูน” นักล่าเหยื่อในความเงียบสุดอันตราย

ใครว่าหอยไม่มีชีวิตเหมือนสัตว์ทะเลสุดแปลกอื่น ๆ คุณเข้าใจผิดแล้ว ลึก ๆ เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้ว่าหอยทุกชนิดคือสัตว์ทะเลแต่แค่ตัวของมันไม่ค่อยขยับไปไหน และหอยที่เราเจอก็เป็นแค่เปลือกของมัน แต่ตัวมันนั้นได้เสียชีวิตหรือไม่อยู่เหมือนเดิมแล้วก็เท่านั้น อ้ะเดี๋ยวจะไม่เชื่ออีก เพราะเวลาดูสารคดีใด ๆ เราก็มักจะไม่ค่อยเห็นตัวหอยที่อยู่ภายในเปลือกหอยกันมากนัก ฉะนั้นวันนี้เราจึงนำ “หอยเต้าปูน” สัตว์น้ำอีกชนิดที่มีความโดดเด่นในลักษณะตัวที่เห็นชัดเจนยิ่งกว่าหอยชนิดอื่นจนคุณอาจรู้สึกสนใจและยิ่งได้รู้ว่าเจ้าหอยเต้าปูนนี่มีความเด็ดแบบเงียบ ๆ จนสิ่งมีชีวิตในทะเลแทบจะไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่งด้วยแล้วล่ะก็บางทีอาจจะทำให้ “หอยในความคิดของคุณก่อนหน้า” เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลยก็ได้ อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรต้องมาอ่านกันให้ได้เลย เพราะมีเรื่องราวน่าสนใจเยอะมากเกี่ยวกับเจ้าหอยชนิดนี้

ทำความรู้จักกับ “หอยเต้าปูน”

“หอยเต้าปูน” เป็นสัตว์ทะเลที่มีขนาดเปลือกใหญ่มากตั้งแต่ 2 – 20 เซนติเมตรซึ่งลักษณะของหอยเต้าปูนจะมีลำตัวออกสีดำสลับเหลืองบ้างก็มีสีอื่น งวงแหลม แบกหอยทรงกรวยหัวป้านปลายแหลมลวดลายเป็นเส้นสีน้ำตาลแดงส้มทับซ้อนกันเป็นวงเรียงรายคล้ายกับเกล็ดปลา ด้านหน้าลำตัวมีท่อน้ำยื่นยาวออกมาอยู่ที่ส่วนบนสุดทางด้านหน้าสำหรับเป็นทางน้ำออกเพื่อช่วยขับให้ตัวหอยเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแบบสปริงตัวได้ โดยหอยเต้าปูนจะอาศัยอยู่ตามก้นทะเลเขตร้อน โดยเฉพาะในทะเลไทยที่ระดับความลึกมากถึง 100 ฟุตเลยทีเดียว แต่เห็นสวยงามแบบนี้แท้จริงแล้วหอยเต้าปูนนั้นแฝงอันตรายภายในจากพิษที่มาจากเข็มในงวงของมันซึ่งผ่านกระบวนการส่งพิษจากอวัยวะภายในตั้งแต่ถุงน้ำพิษ (Venom Bulb) ท่อน้ำพิษ (Venom Duct) แผงฟัน (Radula Teeth) และคอหอยมาทำให้ทั้งสัตว์ทะเลและมนุษย์เจ็บปวด ผิวเป็นสีน้ำเงินคล้ำ ร้อน เจ็บหน้าอก หายใจติดขัดถึงแก่ความตายได้เลย จึงไม่ควรแตะต้องตัวมันและหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำอยู่ด้านหน้ามันให้มากที่สุด

การดำรงชีวิตของ “หอยเต้าปูน”

“หอยเต้าปูน” มักจะออกหากินในเวลากลางคืน โดยการตามกลิ่นของเหยื่อที่อาศัยตามแนวปะการังและตามก้นทะเลไปเรื่อย ๆ คล้ายกับสุนัขจนเมื่อเจอก็จะคอยซุ่มดูช่วงที่เหยื่อเผลอตัวหรือช่วงที่เหยื่อกำลังนอนหลับบนทรายจึงยื่นงวงยาวจากความมืดหรือที่ซ่อนออกไปสัมผัสก่อนที่จะยิงเข็มพิษใส่จนเหยื่อหมดกำลังแล้วจึงพาตัวออกมากิน

อาหารสุดโปรดของ “หอยเต้าปูน”

“หอยเต้าปูน” แต่ละสายพันธุ์จะมีอาหารการกินที่แตกต่างกัน แต่ที่คล้าย ๆ กันส่วนใหญ่ก็จะกินหนอน ไส้เดือนทะเล ปลาชนิดเล็ก ๆ ที่อยู่ตามก้นทะเล แม่เพรียง ดาวทะเล และปลิงทะเลด้วยซึ่งถือว่าเป็นหอยที่ไม่กลัวสัตว์มีพิษด้วยกันเอง อีกทั้งยังเป็นคู่ปรับสำคัญอีกต่างหาก

เครดิตภาพ : phuketaquarium.org/

#สัตว์ใต้น้ำ #หอยเต้าปูน #สัตว์แปลก

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

มาทำความรู้จัก ต้นมั่งมีไม้มงคล ปลูกง่าย โตเร็ว เสริมดวงโชคลาภ

เรียกได้ว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก ต้นมั่งมีไม้มงคล หรือเฉียงพร้านางแอ โดยเฉพาะกลุ่มนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ เพราะมีความเชื่อต่อกันมาว่า ช่วยเสริมโชคลาภ บารมี ช่วยให้เงินไหลนองทองไหลมา แถมยังให้ร่มเงา ร่มรื่นภายในบ้านได้ ทั้งยังใบร่วงน้อย ทำให้ไม่ต้องเก็บกวาดบ่อย ๆ และมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน รวมถึงมีรูปทรงที่สวยจึงกลายเป็นที่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประธานในการจัดส่วนอีกด้วย สำหรับใครที่อยากจะหามาไว้ที่บ้านสักต้นแต่ยังไม่รู้วิธีปลูกและดูแล มาตามอ่านได้จากบทความนี้กันได้เลย

ลักษณะของต้นมั่งมี

ต้นมั่งมีไม้มงคล ภาษาอังกฤษเรียกว่า Freshwater Mangrove Tree มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Carallia Brachiata (Lout.) Merr. จัดอยู่ในวงศ์ของ Rhizophoraceae มีถิ่นกำเนิดอยู่หลายแห่งทั่วโลก เช่น มาดากัสการ์ ศรีลังกา อินเดีย หมู่เกาะแปซิฟิก และแทบจะพบได้ในทุกภาคของประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเติบโตได้ดีในป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น ดิบแล้ง และป่าพรุ มีชื่อเรียกตามพื้นถิ่นแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น แก๊ก เขียงพร้า ตะแบง วงคด บางชื่ออาจจะไม่คุ้นหูหรือได้ยินได้บ่อย ๆ

ลักษณะโดยทั่วไปเป็นไม่ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 15-30 เมตร แต่บางต้นอาจจะสูงได้ถึง 50 เมตรเลยทีเดียว ส่วนของลำต้นตรง เปลือกสีน้ำตาลอมเทาหรือแดง ผิวเรียก แตกกิ่งเป็นรูปกรวยยอดทรงพุ่มทึบ ให้ใบดก ออกเป็นใบเดี่ยวรูปรี โคนใบสอบ ปลายมีติ่งเล็กแหลม แผ่นใบเกลี้ยงและมีความหนา ด้านขอบใบเรียบ บนใบจะเป็นสีเขียวเข้ม บริเวณท้องใบจะเป็นสีเขียวอ่อนกว่าเล็กน้อย ส่วนการออกดอกจะเป็นช่อ กระจุกสั้นอยู่ตามซอกใบ และปลายกิ่ง ในช่วงประมาณเดือนมกราคม-มีนาคม กลีบดอกเป็นสีครีม และมีผลเล็ก 0.5-1.8 เซนติเมตรเท่านั้น เมื่อแก่จะเปลี่ยนสีเป็นส้มอมแดงอ่อนไปจนถึงม่วงอมแดงเข้ม ภายในผลมีเมล็ดสีดำสามารถนำมาเพาะพันธุ์ได้

ประโยชน์ของต้นมั่งมี
เนื่องจากสามารถทนในสภาพอากาศร้อนได้ดี และไม่ผลัดใบ ทำให้ไม่ต้องเก็บกวาดบ่อย ๆ แถมแผ่กิ่งก้านสาขาในวงแคบ ให้ร่มเงากับตัวบ้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ทั้งยังเชื่อว่าต้นมั่งมีไม้มงคล จะเสริมโชคลาภ ส่งผลให้ผู้ปลูกมีบารมีและมั่งคั่งมีทรัพย์สมบัติเงินทองมากมาย 
ไม่เพียงเท่านี้ด้วยเนื้อไม้มีลวดลายที่สวยงามและแข็งแรง จึงสามารถนำมาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งได้ ในขณะเดียวกันยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยในการบรรเทาอาการป่วย เช่น ลดไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ และต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น

วิธีปลูกและการดูแลรักษา
การขยายพันธุ์ทำได้ด้วยการเพาะเมล็ด และปักชำ โดยเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด แต่ทั้งนี้ควรเป็นดินที่เก็บความชื้นและระบายน้ำได้ เช่น ดินร่วนปนทราย เป็นต้น จะส่งผลให้ลำต้นสวย และโตเร็ว ส่วนบริเวณที่ปลูกควรเป็นพื้นที่กว้าง ไกลจากบ้านประมาณ 4-5 เมตร และต้องมีไม้หลักช่วยยึดลำต้นด้วย ทั้งที่ควรเป็นพื้นที่ที่มีแสงแดดตลอดทั้งวัน และไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย ๆ เพียงสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรปล่อยให้พื้นดินแห้งจนเกินไป เพราะพันธุ์ไม้ชนิดนี้ชอบความชื้นสูง และควรบำรุงด้วยการใส่ปุ๋ยคอกรอบโคนต้นประมาณปีละ 1-2 ครั้งด้วย

นับว่าต้นมั่งมีไม้มงคล เป็นพันธุ์ของไทยที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงปลูก และเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตได้ดีแล้ว ยังให้ร่มเงา ให้ความสดชื่นเติมพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีความเชื่อต่อ ๆ กันมาว่า ปลูกแล้วจะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต อย่างกับชื่อของต้นไม้ชนิดนี้เลยทีเดียว

เครดิตภาพ : topgardensites.com / kapook.com

#การปลูกต้นไม้ #แต่งสวน #ต้นไม้มงคล

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

“ด็อบสันฟลายยักษ์” แมลงตัวโตเท่ามือคนผู้มีเขี้ยวแหลมยาว!

ในโลกอันกว้างใหญ่ของเราที่มีสิ่งมีชีวิตหลากสปีชีส์อาศัยอยู่ร่วมโลกกันเพียงแค่ต่างสถานะ มีทั้งแบบพึ่งพาอาศัยกัน แบบล่ากัน แบบได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว และแบบส่งผลเสียกันและกัน หากจะกล่าวถึงสัตว์สปีชีส์ที่เป็นหนึ่งในการดำรงชีวิตดังกล่าวซึ่งมีความน่ากลัวมากแม้จะตัวเล็ก ใคร ๆ ย่อมจะนึกถึงสัตว์โลกประเภทแมลงที่แม้เราจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ด้วยลักษณะของปีกและลำตัวภายนอกของแมลงหลากหลายชนิดกลับทำให้มีความโดดเด่นน่าค้นหาจนบางตัวก็มีลักษณะที่ชวนให้ขนลุกไม่แตกต่างต่างจากพวกสัตว์ทะเลสุดแปลกเลย ซึ่งวันนี้ไหน ๆ ก็มาพูดเรื่องราวของแมลงแล้ว เราเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าควรจะแนะนำคุณให้รู้จักกับแมลงชนิดหนึ่งที่มีความน่าอัศจรรย์ของลำตัวที่เขาว่าใหญ่เท่ามือคนด้วยนะเออ! แค่ฟังก็น่าขนลุกแล้ว เอาเป็นว่าเรามาเข้าสู่การอ่านค้นคว้าโลกของ “เจ้าด็อบสันฟลายยักษ์”กันเลยดีกว่า

ทำความรู้จักกับ “ด็อบสันฟลายยักษ์”

“ด็อบสันฟลายยักษ์” หรือ “Giant Dobsonfly” เป็นแมลงน้ำบินที่มีลำตัวสีดำ – สีน้ำตาลขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจนเรียกได้ว่าขนาดของมันใหญ่เท่ากับฝ่ามือของคนทีเดียวไม่ต่างกับปีกของมันสองข้างที่ระนาบกับลำตัวยาว 21 เซนติเมตร ปลายโค้งมนสวยงามมีลายเป็นแขนงเส้นสีดำเด่นชัดคล้ายผีเสื้อ อีกทั้งยังมีหนวดที่งอกออกมาเป็นงวงยาว เขี้ยวแหลมคล้ายกับด้วงกระจายพันธุ์อยู่ทั่วไปในประเทศจีน อเมริกา และแอฟริกาใต้ เห็นน่ากลัวจนผู้คนสะพรึงขนาดนี้ แต่แท้จริงด็อบสันฟลายยักษ์ไม่ใช่แมลงนักล่าแต่อย่างใดเลยและออกจะมีลักษณะนิสัยชอบอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและเริงร่าท่ามกลางแสงไฟตามอัธยาศัยแบบโลกสวยไม่ต่างจากแมงเม่าเลย แต่ด้วยลักษณะตัวทำให้ไม่มีแมลงตัวใดอยากเข้าใกล้มันมากนักเช่นกัน

การดำรงชีวิตของ “ด็อบสันฟลายยักษ์”

“ด็อบสันฟลายยักษ์” มีการดำรงชีวิตตามวัฏจักรที่ไม่ต่างจากแมลงน้ำทั่วไปที่ออกหากินในเวลากลางคืนและซ่อนตัวใต้ใบไม้ใหญ่ในเวลากลางวัน ตั้งแต่คลอดออกมาเป็นตัวอ่อนจนถึงโตเต็มวัยมันจะไม่ค่อยไปไหนที่ไกลจากแหล่งน้ำมากนัก แม้แต่ช่วงผสมพันธุ์และวางไข่ก็ยังวางไว้บริเวณแหล่งน้ำ โดยก่อนผสมพันธุ์จะมีการเกี้ยวกันโดยใช้ขากรรไกรและชูเขี้ยวยาวที่สวยงามหากใครชูได้สวยงามกว่ากันก็จะถูกตัวเมียเลือกเป็นคู่ อีกทั้งด็อบสันฟลายยักษ์ยังเป็นผู้ที่มีสัญชาตญาณไวต่อความเปลี่ยนแปลงการเป็นธรรมชาติของน้ำด้วย หากแหล่งน้ำใดไม่บริสุทธิ์มันก็จะขนไข่และพาคู่ของมันหนีกันไปแหล่งน้ำอื่น มันจึงถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพน้ำชั้นดีของนักวิทยาศาสตร์และนักทรัพยากรสิ่งแวดล้อม สามารถตรวจสอบสารพิษและสิ่งเจือปนในน้ำได้

อาหารสุดโปรดของ “ด็อบสันฟลายยักษ์”

“ด็อบสันฟลายยักษ์” มีอาหารสุดโปรดปรานที่พวกมันชื่นชอบเพียงหนึ่งเดียว คือ “ยางไม้” ซึ่งพวกมันสามารถกินยางไม้ที่ไหลออกมาจากต้นไม้ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ได้โดยการใช้เขี้ยวเจาะต้นไม้บริเวณที่ตรวจสอบดูรู้ว่าส่วนไหนที่จะได้น้ำยางมากที่สุด

เครดิตภาพ : worldnewsroom.info

#ความรู้เรื่องสัตว์ #แมลง #สัตว์แปลก

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

5 ปลาสวยงาม ที่นิยมเลี้ยง มาดูกันมีปลาชนิดไหนบ้าง

หลายคนชื่นชอบการเลี้ยงปลาเนื่องจากปลาเป็นสัตว์ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือก ทั้งยังมีความสวยงามแบบไม่ซ้ำกันอีกด้วย วันนี้เราเลยจะมาเอาใจคนชอบเลี้ยงปลา จะมีปลาชนิดไหนบ้างนั้นเราไปติดตามดูกันเลยดีกว่า

5 ปลาสวยงาม ที่นิยมเลี้ยง

1.ปลาหมอแคระ

หากคุณเคยเลี้ยงปลาชนิดนี้มาก่อนจะพบว่านิสัยของปลาหมอแคระนั้นค่อนข้างที่จะมีนิสัยก้าวร้าว ดุร้าย ชอบทำลายต้นไม้ต่าง ๆ ในน้ำ ที่สำคัญมักมีนิสัยไล่กัดกันเองอีกด้วย ไม่เพียงแค่นี้เขายังเป็นปลาที่มีความหวงที่อยู่อาศัยมาก ๆ แต่ลักษณะของเขาต้องยอมรับเลยว่ามีความสวยงามมาก ๆ 

2.ปลากัด

ปลาชนิดนี้หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน เพราะเป็นปลาตู้ของไทย ที่ชอบอาศัยอยู่ในน้ำนิ่งที่มีพันธุ์ไม้ประปราย ปลาชนิดนี้จะชอบการว่ายน้ำช้า ๆ ที่บริเวณผิวน้ำ มีลักษณะรูปร่างที่สวยงามด้วยสีที่หลากหลาย นอกจากนี้ก็ยังนำมากัดเพื่อต่อสู้ หลายคนก็นิยมเลี้ยงไว้เพาะพันธุ์เพื่อขายในกลุ่มคนรักปลา ซึ่งนอกจากสวยงามยังสามารถสร้างรายได้ด้วย

4.ปลาหางนกยูง

เป็นปลาสวยงามที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ปลาหางนกยูงเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งที่ติดตลาด สามารถสร้างรายได้จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่จะนิยมเลี้ยงกันในตู้กระจก ภาชนะหรือบ่อเลี้ยงปลา มักจะเลี้ยงร่วมกับพรรณไม้น้ำต่าง ๆ เช่น อ่างสาหร่าย เพราะเขาจะชอบซุกอยู่ในพุ่มสาหร่ายนั่นเอง

5.ปลาหมอสี

เป็นปลาที่ได้รับความนิยมสูงไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเป็นปลาที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความสวยงามก่อนที่จะหลายเป็นที่นิยมในไทยนั้น ปลาหมอสีได้รับความนิยมในแถบอเมริกา ยุโรป มาก่อน เป็นปลาที่สามารถเลี้ยงดูแลได้ง่ายเนื่องจากปลาหมอสีนั้นค่อนข้างที่จะเป็นปลาที่มีความอดทนสูงมาก กินอาหารได้ง่าย จำพวก ลูกกุ้ง ไรทะเล อาหารสด ไส่เดือน หนอนแดง เป็นต้น รวมทั้งอาหารสำเร็จรูปด้วย สำหรับการเลี้ยวก็จะเลี้ยงในตู้ปลากระจก หมั่นทำความสะอาดเปลี่ยนน้ำทุก ๆ 1 สัปดาห์

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ปลาสวยงาม ที่เรานำมาฝาก หากใครชื่นชอบปลาชนิดไหนเป็นพิเศษก็ลองหามาเลี้ยงกันดู แต่อย่างไรก็ตามปลาแต่ละชนิดนั้นจะมีความแตกต่างกันออกไป แนะนำให้คุณศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับปลาเหล่านั้นก่อน เพื่อการเลี้ยงที่ถูกต้องและเหมาะสม และเพื่อให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติมากที่สุดอีกด้วย และที่สำคัญคือในการเลี้ยงปลาต่าง ๆ จะต้องให้ความสนใจอยู่ตลอดเวลาด้วย

#สัตว์น้ำ #การเลี้ยงปลา #ทริคเลี้ยงสัตว์

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

ทำไมกระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อ

เชื่อว่านอกจากคนส่วนใหญ่ที่เป็นทาสแมวแล้วก็คงมีคนอีกไม่น้อยที่เป็น “ทาสกระต่าย”เช่นกัน ก็ดูหน้าตาน้องเขาสิ ขนฟูตาเล็กจมูกน้อย ดูรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน แถมยังไม่ต่างกับเด็กน้อยแสนไร้เดียงสาที่มีแต่ใจที่งามดุจผ้าขาวบริสุทธิ์เวลาเล่นกับเราด้วย ยิ่งเวลาที่เราไปตามร้านขายสัตว์เลี้ยง คาเฟ่กระต่าย หรือไปบ้านญาติที่เลี้ยงกระต่ายแล้วส่วนมากพวกเขาจะต้องสวมเสื้อเด็กให้กระต่ายใส่กันยิ่งทำให้มองดูเหมือนเด็กทารกที่หัดคลานไปอีก เวลากอดเนี่ยนะ พอได้สัมผัสกับเนื้อผ้านุ่ม ลายน่ารักที่คลุมทับขนฟูของกระต่ายน้อยแล้วบอกเลยว่ามันเขี้ยวมาก น่ารักยิ่งกว่าตอนไม่ใส่เสื้ออีก จนอาจเกิดเป็นข้อสงสัยกันมากในเรื่องนี้ คุณอยากรู้กันไหมล่ะว่าเหตุใดกระต่ายเลี้ยงถึงต้องสวมเสื้อ ทั้งที่เวลาอยู่ในป่ามันก็อยู่ได้โดยไม่ต้องมีเครื่องนุ่งห่มใดสวมทับร่างกายเลย หากอยากรู้ก็มาอ่านกันเถอะ!

กระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อป้องกันแดด

กระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อเพื่อป้องกันเวลาออกไปวิ่งเล่นแล้วเผชิญกับอากาศร้อนและแสงแดดที่สาดส่องลงมาเต็มพิกัด ด้วยสภาพแวดล้อมของกระต่ายที่อาศัยในเมืองใหญ่แตกต่างจากตอนอยู่กับป่าเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ปกคลุมแดดและหลบอากาศร้อนได้ดีมาก แต่สำหรับเมืองใหญ่ที่ไม่ค่อยมีต้นไม้เลย อากาศจะมีอุณหภูมิที่สูงกว่าแหล่งกำเนิดของกระต่ายมากจนกระต่ายที่ขนฟูแต่บางอาจจะทนไม่ไหว ต้องมีเสื้อป้องกันแดด

กระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อแสดงความเป็นเจ้าของ

กระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อเพื่อแสดงความเป็นว่าตัวเองเป็นกระต่ายที่มีเจ้าของ หาใช่กระต่ายที่หลุดออกมาจากป่าเขา ในสวน หรือเป็นกระต่ายที่ถูกทิ้งแต่อย่างใด ซึ่งเสื้อของกระต่ายที่สวมใส่จะสามารถระบุความเป็นเจ้าของของคุณได้มากกว่าการที่เขาจะต้องสวมปลอกคอกระต่ายซึ่งไม่ค่อยพบเจอตามร้าน อีกทั้งอาจหลุดและน่าอึดอัดสำหรับกระต่ายได้ง่าย จึงใช้เสื้อสวมทับร่างกายเท่านั้น

กระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อป้องกันขนหลุด

กระต่ายเลี้ยงมักจะไม่ต่างกับแมวตรงที่บางครั้งขนฟูเล็ก ๆ ของเขาจะชอบหลุดร่วงตามบ้านหรือในกรงให้ต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ ยิ่งปกติเราต้องเลี้ยงกระต่ายอยู่แต่ในบ้านหรือบางคนก็เลี้ยงในห้องนอนส่วนตัวด้วย ยิ่งต้องดูแลความสะอาดยกใหญ่เลย ฉะนั้นเสื้อคลุมจึงสามารถป้องกันขนของกระต่ายที่อาจหลุดร่วงลงมาได้ และเขาก็ยังชื่นชอบด้วย เพราะเสื้อมีน้ำหนักที่เบาสบายมาก ไม่ได้ร้อน ออกแนวอบอุ่นมากกว่า

เครดิตภาพ : sanook.com

#ทำไมกระต่ายห้ามใส่เสื้อ #กระต่าย #ทริคเลี้ยงสัตว์

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

“จิ้งจอกทิเบต” สัตว์ขนนุ่มฟูสุดตีมึนในเขตหนาวเย็น

มองทีแรกตอนง่วง ๆ แล้วนึกว่าเป็นซูเนโอะ! ก็ดูจมูกของเจ้าจิ้งจอกทิเบตกับตาของมันที่หนีดูขี้มึนดูสิ ใครเห็นก็ต้องนึกถึงตัวละครเด็กผู้ชายเพื่อนของโนบิตะในการ์ตูนเรื่อง “โดเรมอน”ทั้งนั้น แน่นอนว่าคุณน่าจะรู้จักกับจิ้งจอกหลากหลายสายพันธุ์มาแล้วและจากที่ดูก็พบว่าจิ้งจอกญี่ปุ่นเป็นจิ้งจอกที่มีขนสวยงามและดูน่าค้นหามากที่สุด แต่ใครจะไปรู้กันว่าในทิเบตเองก็มีสุนัขจิ้งจอกอยู่ท่ามกลางอากาศที่ปกคลุมด้วยหิมะหนาวเย็นด้วย แถมจิ้งจอกทิเบตยังเป็นที่อยู่ในความสนใจของนักสำรวจมากมายที่ต่างก็เดินทางมาหามันอีกต่างหาก ด้วยหน้าตาขี้มึนที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากสุนัขจิ้งจอกที่อื่นแบบนี้และความที่มีสีสันขนคล้ายกับหมาป่าอีกด้วย เรื่องราวของ “จิ้งจอกทิเบต” จึงเริ่มจะน่าติดตามมากยิ่งขึ้นจนแม้แต่คุณเองก็คงอยากรู้เหมือนกันใช่ไหมล่ะว่ามันมีความน่าสนใจในเบื้องลึกอย่างไรบ้าง นอกจากท่าทีตีมึนซึน ๆ ของมันแล้ว หากอยากรู้ก็มาอ่านกันเลย!

ทำความรู้จักกับ “จิ้งจอกทิเบต”

“จิ้งจอกทิเบต” หรือที่ชาวทิเบตเรียกกันเต็ม ๆ ว่า “จิ้งจอกทะเลทรายทิเบต” เป็นสุนัขจิ้งจอกภูเขาที่ลำตัวมีขนาดเล็ก ขนฟูสีเทาอมน้ำตาลสว่าง หูสั้น เขี้ยวยาวกว่าสุนัขจิ้งจอกพันธุ์อื่น หางเป็นพวงสวยงามเวลาย่างก้าวไปในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเรามักพบมันได้ตามที่ราบสูงทิเบต, ลาดัคห์ที่ราบสูง, เนปาล , พื้นที่ตะวันตกของจีน, สิกขิม และภูฏาน อีกทั้งยังพบได้ในบริเวณเขตหนาวเย็นใกล้เคียงบริเวณเทือกเขาหิมาลัยซึ่งอยู่ในจุดที่ระดับความสูงมากถึง 5,300 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งจิ้งจอกทิเบตสามารถอยู่ตามป่าหรือตามที่โล่งกว้างติดหิมะได้ทั้งนั้น ไม่ค่อยหลบซ่อนตัวจากมนุษย์เท่าไหร่ อีกทั้งด้วยใบหน้าของมันที่มีความเฉื่อยชา ดวงตาเรียวเล็ก และการเดินของมันที่เชื่องช้าด้วยทำให้นักสำรวจจัดให้มันเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ไร้ทุกข์มากที่สุดอีกชนิดหนึ่งของโลกเลย

การดำรงชีวิตของ “จิ้งจอกทิเบต”

“จิ้งจอกทิเบต” มักจะชอบออกมาวิ่งเล่นในยามเช้าตามจุดที่ติดกับภูเขาด้วยความเป็นอิสระโดยไม่หวาดระแวงกับสิ่งใด ๆ ด้วยมันเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่กับธรรมชาติที่กว้างขวาง ไม่ชอบการอยู่นิ่ง และหากมันเหนื่อยก็จะนอนพักตามซอกหินขนาดใหญ่หรือตามต้นไม้เป็นหลัก ยิ่งช่วงฤดูที่หิมะขาวโพลนมันก็จะยิ่งสนุกสนานกับการออกมาเล่นหิมะอย่างโดยช่วงเช้าจิ้งจอกทิเบตก็จะมีบทบาทเป็นนักล่าสัตว์ใหญ่ตัวยงที่เก่งกาจมากเลยทีเดียว ซึ่งหากจิ้งจอกทิเบตตัวใดผสมพันธุ์กันแล้วก็จะเปลี่ยนจากการออกล่าเหยื่อตามลำพังมาเป็นการออกล่าเหยื่อด้วยกัน ก่อนจะตั้งท้องใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้นก็จะคลอดลูกจำนวน 3 – 4 ตัวแล้วซึ่งถือว่าเร็วมาก และมันจะคอยดูแลลูกตัวเองอยู่ในถ้ำเป็นหลักทำให้บางช่วงเราจะเห็นจิ้งจอกทิเบตไม่ค่อยได้ออกมาให้เห็นกันเท่าไหร่

อาหารสุดโปรดของ “จิ้งจอกทิเบต”

“จิ้งจอกทิเบต” มีอาหารสุดโปรดปรานของพวกมัน คือ “ไพก้า” สัตว์ฟันแทะหน้าตาคล้ายหนูที่อาศัยอยู่ไม่ไกลกัน รวมถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่และสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กตัวอื่น ๆ ที่รวมถึงซากสัตว์ที่ตายแล้วซึ่งอย่างสุดท้ายจะกินก็ต่อเมื่อหาอาหารไม่ได้จริง ๆ โดยจิ้งจอกทิเบตก็มีวิธีการจู่โจมโดยใช้กะโหลกอันแข็งแกร่งของตัวเองพุ่งเข้าชนเหยื่อจนบาดเจ็บและกัดด้วยเขี้ยวแหลมรวดเร็วเหมือนกัน เห็นซึน ๆ แบบนี้แต่พี่ก็เจ๋งในแบบของพี่นะน้อง!

เครดิตภาพ : kapook

#สัตว์แปลก #ความรู้เรื่องสัตว์ #จิ้กจอกทิเบต

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เพื่อนสุนัขสี่ขา ที่มีมิตรกับผู้เลี้ยงมากที่สุด

เป็นสุนัขที่ขึ้นชื่อเรื่องกินจุ และเป็นมิตรอย่างมาก สุนัขสายพันธ์นี้มีหน้าตาที่ดูเป็นมิตมากๆร อีกทั้งยังเป็นสุนัข ที่มีความฉลาด และแสนรู้ อีกทั้งเจ้าลาบราดอร์นี้ ก็ยังมีความเป็นมิตรกับเด็กๆ และสามารถเข้ากันได้ดีกับสุนัขตัวอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นสุนัขที่ฝึกง่าย ซึ่งทำให้สามารถที่จะเป็นเพื่อนกับผู้เลี้ยง และครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม ลาบราดอร์จึงเป็นสัตว์เลี้ยง ที่ผู้คนมักจะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคู่ใจ

ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นสุนัขที่ชอบการออกกำลังกาย แต่ก็ไม่ได้ชอบออกมาก โดยจะอยู่ในระดับกลางๆเท่านั้น เพราะด้วยธรรมชาติ ที่มีความกระตือรือร้น และถ้าหากเขาออกกำลังกายไม่เพียงพอต่อความต้องการ ก็อาจจะทำให้มีนิสัยกัด แทะ ขุด หรืออาจจะเห่ามากไป ซึ่งอาจจะดูขัดกับนิสัยของเขา ที่มีความฉลาดและแสนรู้ แต่ยังไงเขานั้นก็เป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยง และต้องการความเอาใจใส่ ซึ่งเขานั้นพูดไม่ได้ จึงต้องแสดงออกด้วยท่าทีแทน ดังนั้น เมื่อเรารับน้องมาเลี้ยงแล้ว เราต้องมีความเอาใจใส่น้อง และพร้อมที่จะดูแลเขา

ลักษณะทั่วไปของเจ้าสุนัขแสนรู้ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์(Labrador Retriever)

ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ ที่มีลักษะณะหูพับลง แนบกับด้านข้างของหัว และจะมีขนาดหูที่พอดี ส่วนช่วงหัวนั้นจะมีขนาด ที่ใหญ่และกว้าง ส่วนลำตัวก็จะยาวเล็กน้อย ช่วงอกกว้างและหนา มีขนสองชั้นมันเงา โดยขนชั้นนอกจะมีลักษณะสั้นและหนา ส่วนขนชั้นในนั้นจะนุ่ม และจะมีสีของขนอยู่ด้วยกันหลายสี อย่างเช่น สีดำ สีช็อกโกแลต และสีเหลือง เป็นต้น มีหางที่กลมใหญ่และเรียว ส่วนในเรื่องของน้ำหนักนั้น ระหว่างตัวผู้กับตัวเมียจะมีความแตกต่างกัน แต่ก็จะไม่ได้ต่างกันมากขนาดนั้น โดยตัวผู้นั้นจะมีน้ำหนักอยู่ที่จำนวน 29-36 กิโลกรัม และจะมีความสูงอยู่ที่ 57-62 เซนติเมตร ส่วนตัวเมียจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 25-31 กิโลกรัม และมีความสูงที่ 55-59 เซนติเมตร ส่วนในเรื่องของช่วงอายุนั้น เจ้าลาบราดอร์จะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 10-12ปี

สิ่งที่ต้องทำเมื่อรับเจ้า ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) สุนัขแสนรู้ยอดนิยม

ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นสุนัขที่ค่อนข้างจะกินเก่งมากๆ แต่การให้อาหารนั้น จะต้องดูตามช่วงอายุของน้อง โดยจะให้อาหารวันละสองมื้อในปริมาณ 2.5-3 ถ้วยตวง และลาบราดอร์นั้น จะมีช่วงวัยของการเจริญเติบโต อยู่ที่อายุ 4-7 เดือน ซึ่งจะโตเร็วมากๆ และเป็นช่วงที่ทำให้อ่อนแอ การให้อาหารจึงควรเน้นที่คุณภาพ และแคลอรีต่ำ เพื่อจะได้ช่วยชะลอการเจริญเติบโตของสุนัข ไม่ให้เร็วเกินไป และยังช่วยป้องกันโรคที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ด้วย
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นสุนัขที่มีพลังงานสูง เราคนเลี้ยงจึงควรพาเขาออกไปทำกิจจกรรม เพื่อให้เขาได้ใช้พลังของเขา และปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ อย่างเช่น พาเขาไปเดินเล่น ให้ได้ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ถ้ายังเป็นสุนัขที่เด็กอยู่ เรานั้นก็ไม่ควรที่จะพาเขาออกไปนานเกิน เพราะอาจจะทำให้เหนื่อยง่าย

เครดิตภาพ : pixabay

#ลาบราดอร์ #ทริคเลี้ยงสัตว์ #สัตว์เลี้ยงน่ารัก

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

ข้อควรรู้ก่อนนำม้าป่ามาเลี้ยง

หากคุณคิดว่าตัวเองอ่านหัวข้อสัตว์ในบทความนี้ว่า “ม้าป่า” นั่นคือคุณอ่านถูกแล้ว ไม่ใช่ “หมาป่า”แน่นอน เพียงแค่สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครเรียกม้าด้วยคำคำนี้เท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ท้าที่เลี้ยงในสมัยนี้จะเกิดจากม้าที่ขายต่อจากฟาร์มของคนอื่นที่ส่งออกหรือเกิดจากการขยายพันธุ์ของม้าเลี้ยงในฟาร์มคุณเอง แต่จุดกำเนิดของพวกม้าเหล่านี้ตั้งแต่รุ่นแรกพวกมันก็มาจากการเป็น “ม้าป่า”กันทั้งนั้น ม้าป่าในที่นี้หมายถึงม้าที่เกิดตามภูเขา อาศัยตามทุ่งหญ้า หรือตามป่าแบบดำรงชีวิตด้วยตัวเองซึ่งหากเป็นม้าที่เป็นม้าป่าแต่กำเนิดไม่มีการผสมพันธุ์แบบม้าเลี้ยงปัจจุบันจะมีสันดั้งเดิมตามสายพันธุ์ของมันที่เข้มและสวยมาก แต่หากตัวใดมีสีอ่อนก็จะมีสีอ่อนที่สดใสเป็นธรรมชาติเข้ากับสภาพแวดล้อมที่มันอยู่อย่างกลมกลืน ทำให้เวลานี้ก็ยังมีบางคนที่ยังเสาะหาม้าป่ามาเลี้ยงอยู่ซึ่งหากคุณยังเป็นมือใหม่สำหรับการนำม้าป่ามาเลี้ยงล่ะก็เราจะมาบอกข้อควรรู้กันก่อนที่คุณจะไปหาเขามาเลี้ยงจริง ๆ ถ้าคุณยอมรับที่จะเลี้ยงมันอย่างอดทนได้ก็ขอนับถือเลยว่าคุณคือผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงม้าที่แท้จริง!

ม้าป่าพยศและควบคุมยากกว่าม้าเลี้ยง

ด้วยความที่ม้าป่าเกิดและเติบโตในป่ากับภูเขา มีชีวิตอยู่แต่กับฝูงม้ากันเองและสัตว์ป่ามากมายที่เป็นเพื่อนร่วมอาณาเขตเดียวกันจึงไม่คุ้นชินกับการมาเยือนของมนุษย์อย่างมาก ด้วยคิดว่ามนุษย์คือผู้ที่จะทำให้ธรรมชาติของพวกเขาลดน้อยลงและทำร้ายบ้านของพวกเขาที่อยู่มานานด้วยซ้ำจึงค่อนข้างมีอคติกับมนุษย์ ทุกอย่างค่อนข้างจะตรงข้ามกับม้าเลี้ยงมากจนเรียกได้ว่านิสัยคนละโลกเลย อย่าได้หวังว่าเอาเขามาเลี้ยงแค่สัปดาห์แรก คุณก็จะสามารถขี่เขาได้ เพราะเขาจะพยศคุณและพยายามทำให้คุณเจ็บจนไม่กล้าเข้าหาเขาให้ได้ นอกจากนี้ยังชอบเอาชนะมนุษย์ ไม่ยอมแพ้กับการโน้มน้าวใจให้เป็นพวกเดียวกัน เพราะกลัวจะถูกทำให้กลายเป็นม้าเลี้ยงที่ลืมรากเหง้าตัวเองจึงเลี้ยงยากมาก แต่หากคุณเปิดโลกอีกด้านให้ม้าป่าเห็นถึงแง่บวกและโลกกว้างได้เขาก็จะเริ่มเปิดใจให้คุณเอง

ม้าป่าระยะแรกต้องเลี้ยงแบบเว้นระยะห่าง

ในระยะแรกที่นำม้าป่ามาเลี้ยง เขาจะเลือกถอยห่างและอาจจะขู่คุณได้หากเข้ามาใกล้ เพราะเขาไม่ชอบอยู่ใกล้มนุษย์แม้แต่กับม้าเลี้ยงอื่นก็ถือว่าเป็นคนละเผ่าพันธุ์กับเขาด้วย ม้าป่าจะไม่ยอมเชื่อใจสิ่งใดทั้งนั้นยกเว้นสัตว์ป่าที่หัวอกเดียวกัน คุณจึงต้องเลี้ยงม้าป่าแบบเว้นระยะห่าง คอกก็ต้องมีคอกเดี่ยวให้เขา ให้อาหารริมคอก ไม่ควรยื่นให้แบบม้าอื่น จนกว่าเขาจะปรับตัวได้ว่าทุกอย่างที่คุณทำไม่ได้สร้างปัญหา ไม่มีการบังคับ และไม่อันตราย ตรงกันข้ามยังอบอุ่นด้วย การสร้างความไว้ใจสำคัญมาก หากยังมองภาพไม่ออกแนะนำให้ดูการ์ตูนเรื่อง “Spirit: Stallion of the Cimarron สปิริต ม้าแสนรู้มหัศจรรย์ผจญภัย”ควบคู่กันไปด้วยแล้วคุณจะเข้าใจม้าป่ามากขึ้น

ม้าป่าต้องมีคอกเลี้ยงอยู่ใกล้แหล่งธรรมชาติ

ม้าป่าต้องมีคอกเลี้ยงอยู่ใกล้กับแหล่งธรรมชาติอย่างบ่อน้ำ ภูเขา หรือป่าไม้ที่ลมเย็น ๆ สามารถพัดผ่านได้ตลอดเวลา เป็นบริเวณที่คนเดินผ่านน้อย ไม่ค่อยมีบ้านอยู่ตรงข้ามคอกของเขา ยิ่งเป็นที่ร่ม ๆ มีต้นไม้ใหญ่ยิ่งดี เพราะม้าป่าจะชอบบรรยากาศที่เหมือนอยู่บ้านเกิดของตัวเอง และชอบความสงบมากกว่าเสียงอื้ออึงมาก ยิ่งได้ยินเสียงผู้คนหรือเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมา เขาก็จะยิ่งอารมณ์เสียง่าย

เครดิตภาพ : pixabay

#ม้าป่า #การเลี้ยงม้า #ความรู้เรื่องสัตว์

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

การจัดบ้านที่ถูกต้องให้สุนัข

สำหรับสังคมไทยแล้ว การเลี้ยงดูสุนัขบางบ้านก้มีการทำบ้านให้สุนัขอยู่แยกต่างหากภายในบริเวณรั้วบ้านของตัวเอง แต่บางบ้านก็ปล่อยให้สุนัขได้มีอิสระในการหาที่นอนตามใจที่พวกเขาต้องการ ไม่มีบ้านเป็นหลัง แค่เพียงให้เขาได้อยู่ในการดูแลปกป้องของคุณในฐานะสุนัขที่มีเจ้าของ อยู่กินในรั้วบ้านของคุณก็เพียงพอมากแล้ว ด้วยยึดความคิดที่ว่า สุนัขไทยชอบที่จะเปลี่ยนที่นอนและมีอิสระในการเลือกตามที่เขาต้องการ แต่สำหรับหลักการเลี้ยงสุนัขที่ถูกต้องจริง ๆ คุณควรจะมีการทำบ้านให้กับสุนัขจึงจะเหมาะกับการเปิดพื้นที่ส่วนตัวให้สุนัขมีกิจกรรมที่ชอบทำในบ้านของตัวเอง ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับพื้นที่บ้านของมนุษย์ที่จำกัดอาณาเขต อีกทั้งยังเป็นการช่วยสร้างวินัยให้แก่สุนัขได้ด้วย นี่ทำให้สุนัขของคุณได้รับบ้านของตัวเองที่อบอุ่นมากและสุขสบายอีกต่างหาก ในวันนี้เราจึงมีวิธีการจัดบ้านที่ถูกต้องของสุนัขให้คุณได้รู้

บ้านของสุนัขต้องสร้างให้มีหลังขนาดกลาง

บ้านของสุนัขจะไม่ได้เป็นหลังเล็กที่พอดีกับตัวสุนัขอย่างที่ใครหลาย ๆ คนคิด แต่จะต้องเป็นบ้านที่มีหลังขนาดกลาง สูง และมีพื้นที่มากพอให้สุนัขเข้าไปนอนและเดินทำกิจกรรมในพื้นที่มุมต่าง ๆ ของบ้านที่มีจำกัดด้วยได้ ซึ่งหากยังมองภาพไม่ออกก็ให้นึกถึงกรงของสุนัขดู เป็นลักษณะแบบนั้นเลย โดยวัสดุจะใช้เป็นพลาสติกหรือเป็นไม้ก็ได้ มีความแข็งแรงเท่ากันและทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ดี

บ้านของสุนัขต้องมีการจัดปูเสื่อรองพื้นบ้านด้วย

บ้านของสุนัข หากคุณไม่ได้มีการทำพื้นรองบ้านไว้แล้วล่ะก็เราแนะนำให้คุณหาเสื่อน้ำมันหรือเสื่อใดก็ได้ที่มีความหนา เหนียว และใช้งานได้นานมาปูรองพื้นก็จะดีมาก เพราะสุนัขก็ต้องการสุขอนามัยที่ดีเหมือนกัน ในยามที่ฝนตกหรือพื้นชื้น คุณคงจะไม่อยากเห็นสุนัขต้องทนอยู่กับกลิ่นอับที่เหม็นตัวเองซึ่งต้องนอนอยู่บนพื้นดินหรือพื้นกระเบื้องที่เย็นชืดอย่างแน่นอน ไหนจะมีสัตว์เล็กสัตว์น้อยมีพิษมาได้ด้วย จึงควรมีการรองพื้นให้สุนัขนอนและมีเสริมกระดาษหนังสือพิมพ์อีกทบสำหรับสุนัขเด็ก ๆ ที่ฝึกขับถ่ายอยู่

บ้านของสุนัขต้องจัดมุมให้มีความปลอดโปร่งในโครงสร้าง

บ้านของสุนัขต้องมีการจัดมุมบ้านให้มีโครงสร้างที่ปลอดโปร่ง ไม่ใช่มีแต่ความทึบที่แสงลอดผ่านเข้ามาได้ยากหรือลอดมาแค่ทางเดียวคือหน้าทางเข้าบ้าน ควรจะมีหน้าต่างที่สามารถเปิดปิดได้ทั้งสองด้านของบ้านสุนัขด้วยควบคู่กับการจัดของเล่นสีสันสวยงามอย่างลูกบอล ของห้อยระย้า และอื่น ๆ ที่เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้สุนัขเล่นได้อย่างสบายอารมณ์ทำให้รู้สึกสดชื่นยามมองสีสันของเล่นและธรรมชาติจากนอกบ้านตัวเองได้

เครดิตภาพ : homedit.com

#บ้านสุนัข #ความรู้บ้านน้องหมา #ทริคการเลี้ยงสัตว์