Categories
Uncategorized

“จามรี” สัตว์ท้องถิ่นคู่เคียงหิมาลัย

ทุกทวีปย่อมจะมีสัตว์เฉพาะที่กำเนิดและดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีภูมิอากาศและภูมิประเทศที่เหมาะสมกับระบบนิเวศของตัวเอง เช่นเดียวกับที่เมื่อแยกย่อยลงไปตามประเทศต่าง ๆ ทุกประเทศเองก็จะมีสัตว์ประจำชาติที่อีกประเทศหนึ่งไม่มีจนกลายเป็นความสนใจที่คนต่างชาติไม่เคยพบไม่เคยเห็นจนเกิดความสนใจอยากจะศึกษาหาความรู้ในเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ประจำชาตินั้น ๆ ว่าสัตว์แต่ละชนิดมีความพิเศษทั้งภายนอกและภายในอย่างไรบ้าง ขนาดช้างที่ไทยเรามองว่าเป็นสัตว์ธรรมดา ในบางประเทศก็กลับไม่มีด้วยเชื่อหรือเปล่า! เอาล่ะไหน ๆ วันนี้เราก็มาพูดถึงสัตว์ประจำประเทศกันแล้วทั้งทีก็อยากพาคุณมารู้จักกับ “จามรี” หนึ่งในสัตว์แปลกที่สุดซึ่งอยู่ประจำประเทศที่ติดกับเทือกเขาหิมาลัยซึ่งเรื่องราวของมันช่างน่าค้นหามาก บางคนที่เคยไปทิเบตก็อาจจะได้พบเห็น ได้ถ่ายรูปจามรีคู่กับทิวทัศน์สวย ๆ ของภูเขาหิมะมาแล้ว และบางคนก็ถึงขั้นไปรับประทานเนื้อหรือนมของจามรีที่ชนพื้นเมืองนำมันมาเป็นอาหารแล้วด้วยซ้ำ! แสดงให้เห็นว่า “จามรี” คือสัตว์สำคัญที่โลกไม่ควรมองข้ามเลย

ทำความรู้จักกับ “จามรี”

“จามรี” เป็นสัตว์แปลกในเขตเทือกเขาหิมาลัยทางตอนใต้ของเอเชียกลาง, ในที่ราบสูงทิเบต และเหนือไปจนถึงมองโกเลียและรัสเซียที่มีอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะทางแถบที่ราบสูงทิเบตนั้นจะพบได้ง่ายมากจนเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประจำประเทศเลยก็ยังได้ โดยลักษณะของจามรีจะมีความคล้ายวัวผสมกับควายของบ้านเรา แต่มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากสัตว์ตระกูลวัว – ควายพันธุ์อื่นตรงที่ขนของจามรีนั้นมีความยาวระย้ามากและค่อนข้างบางเบานุ่มอ่อนเป็นสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำลงมาจนเกือบถึงข้อเท้า เขายาวและโค้งกว้างแบบกระทิง หางยาวเป็นพู่สวยงามซึ่งบางตัวก็จะมีขนสีขาวด้วย โดยผู้คนมักจะนำจามรีมาเป็นสัตว์เลี้ยงทางปศุสัตว์เพื่อใช้ประโยชน์ในการเป็นพาหนะเดินทางไม่ไกลมากในปัจจุบันและเป็นอาหารด้วย หากเป็นจามรีที่เลี้ยงไว้เป็นพาหนะก็จะมีการตกแต่งบริเวณหลังของมันที่เป็นหนอกสันโด่งให้คลุมด้วยผ้าสีสดใสและมีการติดระฆังเล็ก ๆ ให้เสียงสดใสเป็นสัญลักษณ์ป้องกันการหายตัวไปด้วย

การดำรงชีวิตของ “จามรี”

“จามรี” หากเป็นพวกที่อยู่กับป่าและภูเขามักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง เวลากลางวันจะออกมาเดินตามทุ่งหญ้าและแหล่งน้ำเพื่อหาอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตเป็นหลักแบบเรียบง่าย ซึ่งเมื่อเห็นคนก็จะค่อนข้างตื่นกลัวง่าย โดยหากเจอการคุกคามที่สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยจุดประสงค์ไม่ดีก็จะหันบั้นท้ายมาชนกันตีวงล้อมให้ลูกอ่อนหรือจามรีวัยอ่อนให้อยู่ตรงกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกตัวเองเป็นอะไรและเป็นการขู่ให้อีกฝ่ายเห็นถึงความเอาจริงเอาจังทั้งที่มันเป็นสัตว์ไม่ดุร้ายใด ๆ เลย แต่หากเป็นจามรีที่เลี้ยงไว้ก็จะมีความเชื่องไม่ต่างกับม้าและมีความอดทนสูงในการบรรทุกสิ่งของและเดินทางไกลได้มาก

อาหารสุดโปรดของ “จามรี”

“จามรี” มีอาหารสุดโปรดปรานที่พวกมันชื่นชอบกันมาก คือ หากเป็นในฤดูหนาว พวกมันจะลงมากินหญ้าและสมุนไพรเพื่อสุขภาพตามทุ่งหญ้าในเขตที่ราบต่ำ แต่เมื่ออากาศเริ่มอุ่นลงก็จะขึ้นไปกินมอสและไลเคนบนที่ราบสูงแทน ด้วยพวกมันเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่กับการกินอาหารในอุณหภูมิที่หนาวเย็นเป็นหลัก 

เครดิตภาพ : naewna.com, pixabay

#จามรี #ความรู้ #สัตว์เลี้ยง

Categories
Uncategorized

“หมีน้ำ” สัตว์จิ๋วแปดขาผู้มีชีวิตยืนยาวนับร้อยปี!

เชื่อหรือไม่ว่านอกจากแมงกะพรุนอมตะที่มีวงจรชีวิตย้อนกลับสุดน่าพิศวงแล้ว ในทะเลอันกว้างใหญ่ยังมีสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่น่าประหลาดใจอีกชนิดหนึ่งที่เราไม่คิดว่าจะสามารถพบมันได้อยู่ในยุคนี้อย่าง “หมีน้ำ” ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่หมีที่น่ารักมีขนฟู ๆ อย่างที่คุณคิด หากแต่เป็นสัตว์น้ำชนิดหนึ่งที่มีลักษณะอ้วนคล้ายหมีก็เท่านั้น ซึ่งชีวิตของมันทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักทรัพยากรหลายต่อหลายคนทึ่งมาแล้วกับความแข็งแกร่งที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้นานนับร้อยปีซึ่งมนุษย์เราน้อยคนนักที่จะอยู่ถึงได้ ทว่าถึงอย่างนั้นหมีน้ำก็ยังจัดอยู่ในสัตว์น้ำลึกลับที่ได้แต่มีเรื่องบอกเล่าจากคำของนักสำรวจที่เคยค้นพบ แต่ยังไม่มีภาพตัวจริงของมันเพราะมันไม่ค่อยปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าควรนำเจ้าหมีน้ำมาให้ทุกคนได้รู้โลกของมันคงจะดีเลย

ทำความรู้จักกับ “หมีน้ำ”

“หมีน้ำ” หรือ “Tardigrada” เป็นสัตว์น้ำดึกดำบรรพ์ไร้กระดูกสันหลังยุคแคมเบรียนขนาดเล็กมากถึง 1 มิลลิเมตรที่พันธุ์ของมันยังคงกระจายในแหล่งน้ำทั่วโลก 1,000 ชนิดตั้งแต่แหล่งน้ำที่ลึกมากที่สุดจนถึงระดับที่สูงที่สุดของโลกอย่างเทือกเขาหิมาลัยมันก็ยังแข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถอยู่ได้ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าอากาศจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนมันก็สามารถอยู่ได้อย่างสุขสบายแม้จะไม่มีน้ำสักหยดหรือแม้แต่อากาศ! จนข้อสันนิษฐานที่เกิดจากการสำรวจน้อยยังคงมีหลากหลายข้อที่ไม่ลงตัวแน่ชัดว่าร่างกายมันมีปัจจัยใดที่ทำให้เกิดความพิเศษนี้ แต่ในด้านของลักษณะมีความเชื่อว่ามันอยู่ในสายเดียวกับหนอนตัวกลม เพราะมียีนประเภท HOX ในตัวมันที่อ้วนกลมเป็นมัด ๆ มีขา 4 ขา และมีปากเป็นรูโบ๋ซึ่งสามารถดูดกลืนอาหารลงไปได้รวดเร็ว

การดำรงชีวิตของ “หมีน้ำ”

“หมีน้ำ” มีการดำรงชีวิตที่สามารถมีอายุยืนยาวได้ถึงร้อยปีแม้ตัวจะเล็ก ชอบอาศัยอยู่กับที่ที่มองเห็นยากอย่างพวกมอส เห็ด รา ใต้น้ำ และใต้ผืนทราย แม้แต่ในทะเลที่แรงดันเยอะ หมีน้ำก็ยังสามารถทนได้ถึง 6 เท่าตัวเลย โดยการหาอาหารของมีน้ำจะใช้การเดินอย่างเชื่องช้าแต่มีความฉลาดในการมองสิ่งรอบตัวที่ไม่ทำให้เป็นอันตรายต่อตัวเอง และมักจะอยู่ในแบบจำศีลที่ใช้ระยะเวลานานกว่าสัตว์อื่นมากและใช้เวลามากกว่าการออกจากที่อยู่มาหาอาหารกินอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถผสมพันธุ์กับคู่ของมันได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศอีกด้วย

อาหารสุดโปรดของ “หมีน้ำ”

“หมีน้ำ” มีอาหารสุดโปรดที่พวกมันชื่นชอบมากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพืช สาหร่าย แบคทีเรีย โปรโตซัว โรติเฟอร์ หนอนตัวกลม และแม้แต่หมีน้ำชนิดอื่นด้วยกันเองมันก็ยังสามารถกินกันได้ เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยแคร์ใด ๆ จริง แต่กลับเก่งจนน่าอิจฉา

เครดิตภาพ : bbc.com

#หมีน้ำ #สัตว์แปลก#สัตว์น้ำ

Categories
Uncategorized

โลกสุดอันตรายของ “ปลาดุกไฟฟ้า” สัตว์ผู้เงียบขรึมแต่เก่งกาจ

“ปลาดุก” คือหนึ่งในปลาที่ผู้คนนิยมในการนำมารับประทานเป็นอาหารกันมากที่สุดและบ้างก็เลี้ยงไว้ทำฟาร์มเพื่อการค้าขายเพราะปลาดุกมีราคาขายสร้างอาชีพที่ดีมากเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศและยังเป็นปลาที่พบเจอได้ง่ายตามแหล่งน้ำอีกด้วย แต่สำหรับปลาดุกบางสายพันธุ์ก็มีข้อจำกัดในการเลี้ยงเหมือนกัน โดยเฉพาะ “ปลาดุกไฟฟ้า”ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่านอกจากปลาทะเลมากมายหลายชนิดที่มีไฟฟ้าในตัวแล้ว ในแหล่งน้ำจืดก็ยังมีปลาดุกไฟฟ้าที่เป็นคู่ปรับในอีกฟากฝั่งหนึ่งของประเภทผืนน้ำที่มีคุณสมบัติสูสีพอกันด้วย ใคร ๆ ก็ว่าปลาดุกช่างเป็นปลาที่น่าคบหา แต่ลองคุณได้จับปลาดุกขนาดยาวสีน้ำตาลนี้สิรับรองว่าความรู้สึกของคุณตอนนั้นจะเกิดความชาอย่างกะทันหันจนคิดอะไรไม่ออกแล้วเหมือนสติถูกทำให้สวิตช์ขาดไปกะทันหันเลย เพราะปลาดุกไฟฟ้าเห็นว่าดูเงียบขรึมและไม่มีพิษมีภัยแล้ว แท้จริงกลับน่ากลัวเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่ปลาน้ำจืดเลยก็ว่าได้ หากอยากรู้ว่าจะน่ากลัวและน่าค้นหาแค่ไหนก็มาอ่านกัน!

ทำความรู้จักกับ “ปลาดุกไฟฟ้า”

“ปลาดุกไฟฟ้า” เป็นปลาหนังน้ำจืดที่อยู่ในวงศ์ของ Malapteruridae มีกำเนิดมาตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ รูปร่างยาวเป็นทรงกระบอกสีน้ำตาลและสีเทามีหนังที่เรียบ มีครีบไขมันที่โดดเด่น ตามีขนาดเล็ก ริมปากหนา โดยครีบทุกครีบมีปลายครีบมนกลม ถุงลมแบ่งเป็นสองห้องยาว ลวดลายบนลำตัวที่พบเจอในปลาดุกไฟฟ้าส่วนมากจะเป็นลายแถบขาว แต่ในปลาดุกไฟฟ้าบางตัวก็จะมีลายสีขาวคล้ายรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกลางกลีบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่มีปลาใดเหมือนด้วย รวมถึงจุดเด่นที่คุณต้องรู้ คือ ปลาดุกไฟฟ้าสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อด้านข้างลำตัวได้มากถึง 350 โวลต์ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตมากโดยเราสามารถพบเจอกับปลาดุกไฟฟ้าได้ตามแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ซึ่งมีธรรมชาติกับระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์ ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ เช่น แม่น้ำไนล์, แม่น้ำคองโก, แม่น้ำแซมเบซี, แม่น้ำไนเจอร์ และแม่น้ำหลายสาย ในทวีปแอฟริกา รวมถึงทะเลสาบต่าง ๆ เช่น ทะเลสาบแทนกันยีกา หรือทะเลสาบชาด เป็นต้น

การดำรงชีวิตของ “ปลาดุกไฟฟ้า”

“ปลาดุกไฟฟ้า” มีนิสัยเงียบขรึมและโลกส่วนตัวสูง ขี้รำคาญจึงมักใช้ชีวิตสันโดษหลบซ่อนตัวอยู่ตามตอไม้หรือโพรงหินสำหรับหลบซ่อนตัว และด้วยความที่เคลื่อนไหวช้ามันจึงรู้ตัวเองดีว่ามีโอกาสจะเป็นเหยื่อของนักล่าหรือปลาอื่น ๆ ที่ใหญ่กว่าได้ จึงค่อนข้างระมัดระวังตัว หากพบเจอการจู่โจมหรือมีสิ่งมีชีวิตเข้ามาใกล้ก็ใช้ป้องกันตัวและช็อตอีกฝ่ายด้วยไฟฟ้าจนสลบ และยังเป็นปลาที่มีความระมัดระวังในการปกป้องลูกมากโดยหลังจากการผสมพันธุ์แล้ว ปลาดุกไฟฟ้าจะทำการขุดโพรงยาวถึง 3 เมตรริมตลิ่งซ่อนตัวให้ไม่มีนักล่าใดมาเห็นได้ เพราะช่วงตั้งท้องจะระวังตัวลำบากมากกว่าปกติหลายเท่า

อาหารสุดโปรดปรานของ “ปลาดุกไฟฟ้า” “ปลาดุกไฟฟ้า” มีอาหารสุดโปรดปรานที่พวกมันชื่นชอบมาก ได้แก่ เนื้อสัตว์น้ำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาขนาดเล็ก, กุ้ง, สัตว์เลื้อยคลานจิ๋วในทะเล และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยหลักการล่าก็ไม่ต่างกับการป้องกันตัว มันจะทำการพุ่งเข้าช็อตเหยื่อของมันให้สลับก่อนแล้วจัดการกินอย่างรวดเร็วทันที

เครดิตภาพ : th.wikipedia.org

#สัตว์น้ำ #สัตว์ทะเล #ปลาดุกไฟฟ้า

Categories
Uncategorized

“อิกัวน่าทะเล” ก็อตซิลล่าที่ซ่อนตัวสุดระทึกใต้มหาสมุทร!

เมื่อโลกของเรามาถึงจุดเปลี่ยนในหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านพ้นมา แน่นอนว่านอกจากมนุษย์จะมีการพัฒนาความรู้และสติปัญญาที่สร้างสิ่งใหม่ ๆ มาใช้อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันที่มากขึ้นจนไม่คาดคิดว่าจะสามารถประดิษฐ์สิ่งที่เหลือเชื่อต่าง ๆ ขึ้นมาได้จริง แม้แต่การติดต่อบุคคลทางไกลที่อยู่คนละซีกโลกก็ยังทำได้ทุกเวลาแบบเรียลไทม์ด้วย แล้วการวิวัฒนาการของสัตว์โลกเล่าทำไมจึงจะไม่เปลี่ยนแปลง คุณไม่รู้หรอกว่าเวลานี้สัตว์ที่เราเห็นในชีวิตประจำวัน ความจริงแล้วในอีกผืนหนึ่งของสภาพแวดล้อมในโลกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้หรือไม่ บางครั้งการที่เราเห็นปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีปลาที่เดินในน้ำได้ซึ่งมีการค้นพบมาแล้วสำหรับปลาตีน ซึ่งแบบนี้หากบอกว่าใต้มหาสมุทรแห่งหนึ่งมี “อิกัวนาทะเล” ที่อาศัยอยู่โดยการหายใจใต้น้ำและใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในจุดที่ลึกจนคนเข้าถึงยากล่ะคุณจะเชื่อหรือไม่ว่ามันมีจริง!

ทำความรู้จักกับ “อิกัวนาทะเล”

“อิกัวนาทะเล” หรืออีกฉายาที่ผู้คนในพื้นที่ตั้งให้ คือ “อิกัวนาทะเลกาลาปาโกส” เป็นสัตว์เลื้อยคลานทะเลจำพวกกิ้งก่าชนิดหนึ่งอยู่ในวงศ์ของอิกัวนาซึ่งเหลือรอดแค่เพียงสายพันธุ์เดียวแล้วในปัจจุบันจึงกลายเป็นสัตว์อนุรักษ์ตามหมู่เกาะกาลาปากอสในเขตแดนประเทศเอกวาดอร์ ในทวีปอเมริกาใต้ที่พบเจอได้แค่บริเวณแถบนี้เท่านั้น อาจพูดได้ว่ามันคือสัตว์พื้นเมืองของที่นี่เลย โดยมีทั้งอิกัวนาทะเลขนาดเล็กและอิกัวนาทะเลขนาดใหญ่หลากหลายสีสันหลากหลายลวดลายสวยงามกันไป แต่หากเป็นอิกัวนาทะเลก็จะมีขนาดใหญ่มากจนมองใกล้ ๆ รู้สึกแลดูยักษ์คล้ายกับก็อตซิลล่าในภาพยนตร์ระดับตำนานเลย ซึ่งที่จริงก็อตซิลล่าก็ถูกอ้างอิงมาจากอิกัวนาทะเลของกาลาปากอสนี่เอง โดยลักษณะของอิกัวนาทะเลจะมีเกล็ดปกคลุมด้านหลังและด้านท้องของลำตัว หางยาวและบางชนิดก็สะบัดหางให้หลุดออกจากตัวเหมือนจิ้งจกได้อย่างน่าอัศจรรย์ด้วย อีกทั้งภายในร่างกายของมันยังเต็มไปด้วยเกลือจากการอยู่ในน้ำทะเลติดต่อกันเวลานาน แต่จะสามารถเอาเกลือออกได้ผ่านการพ่นออกทางรูจมูกและการจาม ฉะนั้นหากคุณเห็นว่าจู่ ๆ มันก็เหมือนจะคำรามเสียงดังก็ไม่ต้องกลัว อิกัวนาทะเลไม่ได้จะขู่คุณแต่มันกำลังเข้าสู่กระบวนการเอาเกลือออกต่างหาก

การดำรงชีวิตของ “อิกัวนาทะเล”

“อิกัวนาทะเล” มักจะชอบแหวกว่ายอยู่ในน้ำที่ลึก 9 เมตรและบางครั้งก็จะขึ้นมาหาอาหารบนบกบ้างซึ่งคุณสามารถพบเจอมันได้ตามป่าชายเลน ชายหาด หรือแอ่งน้ำขังตามริมทะเล เพราะอิกัวนาทะเลเป็นสัตว์ที่ไม่กลัวใครและกับมนุษย์ก็ไม่ได้ชอบเข้าหานัก แต่จะทำเพียงนอนอาบแดดนิ่ง ๆ เพื่อดูแลอุณหภูมิร่างกาย รักสงบ ไม่ดุร้าย ออกจากมีนิสัยน่ารักกว่าตัวเงินตัวทองของบ้านเราด้วยซ้ำ จนเมื่อถึงเวลาที่แดดร่มก็จะกลับลงไปในทะเลเหมือนเดิม

อาหารสุดโปรดของ “อิกัวนาทะเล” “อิกัวนาทะเล” มีอาหารสุดโปรดปราน ได้แก่ พืชบกและพืชน้ำมากมาย โดยเฉพาะสาหร่ายกับตะไคร่น้ำบริเวณโขดหินทะเลจะชอบเป็นพิเศษเลย เพราะระบบย่อยอาหารของอิกัวน่าทะเลจะย่อยพืชได้ดีที่สุด เห็นดูน่ากลัวแบบนี้แต่มันก็ไม่กินสิ่งมีชีวิตใด ๆ เลย คุณจึงไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะถูกมันทำร้ายใด ๆ บอกแล้วว่าอิกัวน่าทะเลใจดี แต่เวลานักสำรวจดำน้ำแล้วเจอมันว่ายหรือเกาะอยู่ตามลำต้นพืชน้ำก็อาจมีระทึกแบบไม่ทันตั้งตัวหน่อยพอให้ตกใจแบบหอมปอกหอมคอ

เครดิตภาพ : /hilight.kapook.com

#สัตว์น้ำ #ความรู้เรื่องสัตว์ #อิกัวน่าทะเล

Categories
Uncategorized

“Sea Pen” สัตว์ทะเลงดงามมีเสน่ห์ราวกับปากกาขนนก

ตามตำนานของกรีก – โรมันเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นเหล่าสัตว์ประหลาดที่มีการบันทึกในเรื่องราวของเหล่าทวยเทพมากมายที่ต้องมีการสู้รบปรบมือกันกับพวกมันหลายต่อหลายครั้งเพื่อความสงบสุขของสวรรค์และโลกมนุษย์ โดยเฉพาะในเรื่อง “เฮอร์คิวลิส” นี่ยิ่งมีการบันทึกเรื่องราวของสัตว์ประหลาดมากมายที่เขาต้องต่อสู้ไว้หลากลายรูปแบบมากด้วย ซึ่งถามว่าทำไมจู่ ๆ เราถึงมาชวนคุยเรื่องของสัตว์ประหลาดในตำนานหรือเรื่องเล่าขานกรีก – โรมันได้ก็เพราะว่าบังเอิญไปศึกษาข้อมูลสัตว์แปลกแล้วเจอเข้ากับสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งที่ถูกเรียกว่า “Sea Pen” ซึ่งมันมีลักษณะแนว ๆ เดียวกับสัตว์ในตำนานของกรีกที่มักจะมีกายแบบเป็นแขนงต่าง ๆ ทว่าเจ้า Sea Pen กลับมีความสวยงามที่ชวนให้น่ามองมากจนเราอยากจะนำมาให้ทุกคนได้รู้จักกันในวันนี้ แล้วคุณจะได้เห็นว่ายังมีวัตว์ทะเลอีกชนิดที่งดงามไม่แพ้สัตว์อื่น ๆ เลย แถมยังดูมีความวิเศษมากด้วย!

ทำความรู้จักกับ Sea Pen”

“Sea Pen” เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในไฟลัม Cnidaria ที่มีความใกล้เคียงกับปะการังอ่อน แต่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนในทะเลเองได้ โดยมีความโดดเด่นของลักษณะตัวที่เป็นท่อนยาวคล้ายฝักข้าวโพดเต็มไปด้วยประสาทสัมผัสและมีแขนงหนวดเยื่อโคโลนียาวมากมายตั้งแต่หัวจรดท้ายซึ่งแต่ละตัวจะมีสีสวยงามแตกต่างกันออกไป บางตัวเป็นสีขาว บางตัวเป็นสีฟ้า สีเหลืองอ่อน สีชมพู สีม่วงซึ่งทอประกายสวยงามในเวลากลางคืนหรือในที่มืดคล้ายกับปากกายุคสมัยโบราณที่มีขนนกพลิ้วไหว อาศัยอยู่ได้บนพื้นทะเลที่ไม่ลึกมาก โดยเฉพาะบริเวณที่มีกระแสน้ำไหลผ่านในทุกที่แม้แต่ประเทศไทยก็มี

การดำรงชีวิตของ Sea Pen”

“Sea Pen” ในเวลาปกติมักจะขุดหลุมฝังตัวอยู่ใต้พื้นดินของทะเลโดยใช้ด้านล่างที่มีลักษณะเป็นด้ามขุดรูและหดเยื่อโคโลนีลงไปให้ตัวลอดอำพรางหลบภัยจากสัตว์ทะเลนักล่าได้ และ Sea Pen ยังทำหน้าที่คล้ายกับปะการังหรือพืชทะเลโดยการให้ปลาเล็กปลาน้อยเข้ามาอาศัยปกคลุมให้ปลอดภัย หาอาหาร และช่วยเก็บกินเศษอินทรีย์ที่อยู่ตามผิวของ Sea Pen  แบบพึ่งพากันและกันได้ด้วย และบ่อยครั้งที่ Sea Pen มักจะติดมากับอวนของชาวประมงที่จับปลาแต่ก็ไม่สามารถนำมารับประทานเป็นอาหารได้

อาหารสุดโปรดของ Sea Pen”

“Sea Pen” จะใช้ชีวิตอยู่แบบเรื่อย ๆ มีอาหารมาใกล้ก็กินไปโดยส่วนใหญ่หากไม่หาอาหารเองเมื่อถึงเวลาจริง มันก็จะกินแพลงตอนที่ลอยมากับกระแสน้ำเพื่อประทังชีวิตให้อยู่ได้นาน และมีพืชอื่น ๆ ที่ Sea Pen สามารถกินได้ด้วยโดนการดักจับเอา

เครดิตภาพ : ourmarinespecies.com, flickr.com

#Sea Pen #ากกาขนนก #สัตว์ทะเลงดงาม

Categories
Uncategorized

สัตว์ป่าน่ารักบนเกาะมาดากัสการ์

“มาโยก! มาโยก! มาโยกกัน!!” แค่ฟังท่อนเพลงนี้แค่ท่อนเดียวหลายคนที่เกิดทันภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง “มาดากัสการ์”ก็คงจะจำกันได้ แต่จะมีสักกี่คนที่มีความสนใจแบบลึกซึ้งในเรื่องราวของป่าลึกบนเกาะมาดากัสการ์ที่บางคนอาจไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริง แน่นอนว่าเมื่อก่อนนี้เกาะมาดากัสการ์เป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลกมากจนเรียกได้ว่าเดินเรือมาถึงก็เห็นสภาพแวดล้อมธรรมชาติสีเขียวที่ลดหลั่นตามเขาสูงสวยงามอลังการมากหากเปรียบเทียบกับยุคปัจจุบันที่ทรัพยากรป่าไม้มีปริมาณน้อยลง และการก่อสร้างเมืองเจริญที่อยู่อาศัยของมนุษย์ก็มีมากขึ้น แต่ก็นับว่าดีที่ชาวเกาะมาดากัสการ์ยังคงอนุรักษ์ผืนป่าสำคัญบางส่วนของตัวเองไว้ให้สัตว์ป่าพอมีบ้านที่อยู่อาศัยอยู่อย่างกว้างขวาง เต็มไปด้วยความสุขแม้สภาพอากาศในป่าจะไม่เหมือนเดิมก็ตาม ด้วยเหตุนี้เราจึงยังคงพบเห็นสัตว์น่ารักในป่าบนเกาะมาดากัสการ์อีกมากมายหลายชนิด อยากรู้หรือไม่ว่าจะมีสัตว์ใดที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ารักบ้าง แล้วพวกเขาจะน่ารักเหมือนในการ์ตูนมั้ย วันนี้เราจะมาแนะนำพวกเขาทั้ง 3 ให้คุณได้รู้จักกัน

ลีเมอร์

“ลีเมอร์” เป็นสัตว์สัญลักษณ์ของเกาะมาดากัสการ์และตัวละครเด่นสุดในหมู่สัตว์ของการ์ตูนเรื่องมาดากัสการ์เลยด้วย ลักษณะของมันจะคล้ายกับลิง แต่ส่วนหัวกับหางที่เป็นลายจะคล้ายหมาจิ้งจอกดูน่ารัก โดยมันจะใช้หางยาวห้อยลง แตกต่างกับเวลาเดินที่หางจะตั้งชูชี้ขึ้นไปในอากาศดูแปลกดี มีให้นักเดินป่าเห็นหลากหลายพันธุ์ อาทิเช่น ลีเมอร์สีน้ำตาลหน้าขาว (white-fronted brown lemur), ลีเมอร์มงกุฎ (crowned lemur), ลีเมอร์สีดำ, ลีเมอร์สีน้ำตาลหน้าแดง, ลีเมอร์สีทองกินไผ่ (golden bamboo lemur), ลีเมอร์หนู (mouse lemur) และลีเมอร์หางแหวน (ring-tailed lemur) 

เต่าราเดียตา

“เต่าราเดียตา” หรือ “เต่ารัศมีดารา” เป็นเต่าบกที่กระดองลายดาวนูนขรุขระสีสวยมากโดยเฉพาะในวัยเล็ก น้ำหนักประมาณ 35 ปอนด์ มีมากที่สุดบนเกาะมาดากัสการ์ ประมาณ 63,000,000 ตัว พบได้มากทางทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมาดากัสการ์ มักอาศัยอยู่ตามธรรมชาติบริเวณในพุ่มไม้หนามเพื่อป้องกันตัวเอง ชอบกินผักและผลไม้ป่าหลากชนิดเป็นอาหาร รักความเป็นส่วนตัวสูง แต่เต่านี้มักถูกผู้คนจับไปเลี้ยงทำให้ปัจจุบันเหลือน้อยลง

กบมะเขือเทศ

“กบมะเขือเทศ” เป็นกบสีส้มคล้ายลูกมะเขือสุกที่มีลักษณะอ้วน เตี้ย มีรอยย่นสีดำที่ตาและมีดวงตาสีเขียว ปากแคบ มีสันนูนเป็นรอยย่นขึ้นมาบนปาก ใต้ท้องมีสีเหลือง ช่องคอเป็นสีดำอาศัยอยู่ที่เกาะ มาดากัสการ์ ทางทิศตะวันออกของแอฟริกา มันว่ายน้ำไม่เก่ง สามารถอยู่ในน้ำกร่อยได้แต่ไม่นานเท่ากับอยู่ในน้ำจืด เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาด 2.5 นิ้ว หนัก 40 กรัม แต่มันกลับมีพิษที่อันตรายสูง หากใครเข้าไปใกล้หรือสัมผัสตัวมันล่ะก็เจ้ากบมะเขือเทศจะปล่อยสารพิษบนผิวหนังให้หลั่งออกมาเป็นลักษณะสีขาวขุ่นข้น เหนียวเหมือนกาวเกาะติดอยู่ที่ศัตรูได้นานถึง 2 วันเลย

เครดิตภาพ : seub.or.th

#เกาะมาดากัาสการ์ #สัตว์แปลก #สัตว์ป่าน่ารัก

Categories
Uncategorized

“Gypsy Vanner” ม้าขนสวยระดับโลกของชาวยิปซีที่น่ารู้จัก

หากย้อนกลับไปในสมัยยุคโบราณที่ผู้คนยังคงใช้ม้าเป็นพาหนะเร็วในการเดินทางหรือขนข้าวของสัมภาระต่าง ๆ จากต้นทางไปยังปลายทางแล้วล่ะก็แน่นอนว่าตามการ์ตูนหรือภาพยนตร์ต่างประเทศที่ดำเนินเรื่องเกี่ยวกับทางฝั่งตะวันตก คุณน่าจะเคยเห็นม้าสุดแปลกที่มีขนยาวฟูในส่วนต่าง ๆ ของลำตัวอย่างผมที่ยาวระย้าลงมาเกินลำตัวและบริเวณเท้าที่มีขนอีกซึ่งมันดูแตกต่างจากม้าอื่น ๆ ที่เราเคยเห็นกันมาก เพราะจากที่เห็นม้าเหล่านี้ก็มักจะถูกนำมาใช้กันในการลากเกวียนหรือขนของเป็นหลักมากกว่าจะเป็นม้าเร็วที่ให้คนขี่เหมือนพวกม้าทั่วไปทั้งที่ลักษณะของมันก็ออกจากดูโดดเด่น ม้าชนิดนี้มีชื่อเรียกสายพันธุ์ว่า “ม้า Gypsy Vanner”นั่นเอง แค่อ่านชื่อหลายคนก็คงจะดีดนิ้วเป๊ะแล้ว ที่มันถูกใช้ในด้านขนส่งก็อาจจะเป็นเพราะมันมีต้นกำเนิดเป็นม้าของชาวยิปซีที่เป็นชนเผ่าเร่ร่อนของยุโรปนั่นเอง พอรู้เช่นนี้ก็ยิ่งน่าศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าม้า Gypsy Vanner ให้มากขึ้นแล้วสิ งั้นมารู้จักกับเจ้าม้าสวยระดับโลกนี้ไปพร้อม ๆ กันดีกว่า

ทำความรู้จักกับ “ม้า Gypsy Vanner”

“ม้า Gypsy Vanner” เป็นม้าที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก ด้วยเพราะมันมีความสูงประมาณ 14 ถึง 17 ฝ่ามือ บางตัวก็มีลวดลายแต้มจุดสีดำและสีแดง แต่บางตัวก็ไม่มี หลังมีความแข็งแกร่ง ก้นโด่งทำให้บริเวณต้นหางมีความกระชับโค้งเด่นชัดสวยงาม เห็นขนของหางที่มีขนาดยาวกว่าม้าทั่วไปลงมาสวยงามดุจแพรชั้นดีที่มีความฟูเช่นเดียวกับบริเวณอุ้งเท้าที่ถูกปกคลุมด้วยขนมากมายเป็นพู่ยาวลงมาทำให้เวลาม้า Gypsy Vanner วิ่ง ขนก็จะต้องกับลมบานพองสวยงามดุจมีพลังรังสรรค์จากสวรรค์ โดยม้านี้ได้มีต้นกำเนิดมาจากการเป็นหนึ่งในกลุ่มม้าลากรถของชาวยิปซีจึงตั้งชื่อว่า “ม้า Gypsy Vanner” กระจายพันธุ์จำนวนมากบนเกาะบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ก่อนที่หลังสงครามโลกจะถูกส่งออกไปยังอเมริกาทำให้มีคนรู้จักและรับมาขยายพันธุ์แพร่หลายเป็นที่คุ้นเคยเหมือนทุกวันนี้

การนำ “ม้า Gypsy Vanner”มาใช้ของมนุษย์

“ม้า Gypsy Vanner” เป็นม้าที่มีนิสัยฉลาด แข็งแรง และค่อนข้างกระตือรือร้น มีความเป็นมิตรกับมนุษย์จึงถูกนำมาใช้ในการลากเกวียน ทดสอบความแข็งแรงในหลายอย่างซึ่งก็ทำได้ดี แม้ในเวลานี้จะไม่มีการใช้เกวียนแล้ว แต่ในฟาร์มก็ยังใช้ม้านี้เป็นม้าขยายพันธุ์ส่งออกขายและใช้เป็นม้าผู้ช่วยงานออกแรงที่ต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของระยะทางสั้น ๆ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งภายในบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็นม้าสำหรับการแข่งกีฬาของสหรัฐอเมริกาด้วย นอกนั้นบางประเทศที่เน้นอนุรักษ์เมืองโบราณอยู่ก็จะใช้ม้า Gypsy Vanner เป็นม้าลากรถนำเที่ยวรอบเมืองด้วยซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์สวยงามหรูหราทีเดียว

อาหารสุดโปรดของ “ม้า Gypsy Vanner”

“ม้า Gypsy Vanner” ชื่นชอบการกินหญ้าแห้งทุกชนิดและยังชอบกินพวกถั่ว หรืออาหารสัตว์ที่มีการผสมกับกากน้ำตาล มีการให้กากใยอาหารที่มีพลังงานมาก รวมถึงอาหารแปรรูปมากมายมันก็สามารถกินได้ ค่อนข้างเป็นม้าที่เลี้ยงง่าย แต่ก็ต้องมีความใส่ใจในการให้น้ำสะอาดเยอะเหมือนกัน เพราะมันจะกระหายน้ำง่าย

เครดิตภาพ : globetrotting.com.au, pixels.com

Categories
Uncategorized

“มังกรทะเลใบไม้” สัตว์ทะเลสายม้าน้ำสุดแปลกแหวกพลิ้ว

ขอย้อนกลับไปตามกระแสบุพเพสันนิวาสก่อนที่พรหมลิขิตจะมากันสักหน่อย เมื่อคำพูดที่แม่หญิงการะเกดกับคุณพี่หมื่นยังติดอยู่ในหัวของเราแม้จะเป็นในเวลานานแล้วก็ยังจำได้ว่า พวกเขาทั้งสองเคยบอกว่า “ชาติหน้าหากอีกฝ่ายจะเกิดเป็นม้าน้ำ ตนก็จะเป็นม้าน้ำเกี่ยวกระหวัดหางคู่กันไปตลอดด้วย” แต่บอกเลยว่าคุณรักคู่บุพเพสันนิวาสสุดโรในติกอย่างคุณพี่ทั้งสองหากจะไปเกิดเป็นสัตว์น้ำสปีชีส์ม้าน้ำก็ดูจะธรรมดาไปหน่อย เราขอแนะนำให้ลองเกิดเป็นม้าน้ำสุดงดงามอย่าง “มังกรทะเลใบไม้”ยังจะดูมีออร่ากว่าด้วย แค่เห็นรูปก็ชวนให้อยากพลิ้วเกี่ยวตามตัวเธอทุกชาติไปแล้วหนาออเจ้า อ๊ะ ๆ แต่หลายคนคงจะยังสงสัยว่าเจ้ามังกรทะเลใบไม้ที่เห็นกันในรูปนี่มีตัวตนจริงในโลกไหม แน่นอนว่าถ้าไม่มีเราก็คงไม่เอามาพูดกันวันนี้หรอกค่ะ หากอยากรู้ว่ามันคือสัตว์ที่มีความสวยงามวิเศษจนน่ารู้จักอย่างไรบ้างก็มาดูเลย

ทำความรู้จักกับ “มังกรทะเลใบไม้”

“มังกรทะเลใบไม้” เป็นปลาสีเหลืองส้มสุดแปลกในวงศ์ Syngnathidae ประเภท Hippocampus ที่มีครีบเป็นก้านยาวแผ่ออกเป็นแขนง 30 เซนติเมตรและมีใบมากมายเป็นสีเขียวทำให้คล้ายกับใบไม้ที่เคลื่อนไหวได้มากมายทั่วลำตัว โดยบริเวณอกจะใช้สำหรับการว่ายน้ำเป็นหลัก หัวป้อมใหญ่ตัดกับปากที่เล็กแบบม้าน้ำซึ่งปากของมังกรทะเลใบไม้สามารถดูดจับเหยื่อเข้าปากได้ง่าย ตามตัวจะมีลักษณะไปทางขรุขระลายพาดสีขาวเรียงกันตามหลังทั่วร่าง พบได้ตามแถบชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลียจึงถือเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำพื้นเมืองของชาวออสเตรเลียที่ไม่มีสัตว์ใดเหมือนเลย และบางตัวก็จะมีสีสันหลากหลายแบบอัญมณีด้วย

การดำรงชีวิตของ “มังกรทะเลใบไม้”

“มังกรทะเลใบไม้” มักจะชอบอยู่กับการดักจับเหยื่อและกินตลอดเวลาจนถูกเรียกว่า “สัตว์กินจุ” และแต่ละตัวก็มักจะชอบอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่นิยมรวมตัวกันเป็นฝูงเหมือนปลาชนิดอื่น ซึ่งค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงมากเลยทีเดียว และเมื่อมังกรทะเลใบไม้เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ อายุประมาณ 28 เดือน มันจะมีการผสมพันธุ์กัน โดยตัวเมียจะฝากไข่ลักษณะสีชมพูนับร้อยฟองไว้ที่หางของตัวผู้เพื่อความปลอดภัย สามารถยึดติดไข่ไว้กับหางพร้อมคอยให้ออกซิเจนตลอด 9 สัปดาห์จนไข่ฟักตัวด้วย ซึ่งก็เป็นการดำรงชีวิตช่วงมีลูกที่แปลกดี แต่ไข่ของมังกรทะเลใบไม้จะค่อนข้างบอบบาง ไม่มีความแข็งแรงต่อสภาพแวดล้อมพอจึงมีเพียงแค่ไม่กี่ฟองที่เหลือรอดซึ่งอาจด้วยเพราะพันธุกรรมของพวกมันก็เป็นได้

อาหารสุดโปรดของ “มังกรทะเลใบไม้”

“มังกรทะเลใบไม้” มีอาหารสุดโปรดปรานของพวกมัน ได้แก่ แพลงก์ตอน กุ้งขนาดเล็ก แอมฟิพอด และพืชทะเลต่าง ๆ ที่มีแร่ธาตุดีต่อร่างกาย อยู่ตามแนวปะการังและโขดหินซึ่งทำให้มังกรทะเลใบไม้มักจะชอบอยู่ตามแนวปะการังมาก โดยมันจะจู่โจมเหยื่อด้วยการดูดจับเหยื่อด้วยแรงมหาศาลจากปากนั้นเอง

เครดิตภาพ : board.postjung.com/

#สัตว์แปลก #ความรู้สัตว์ใต้น้ำ #มังกรทะเลใบไม้

Categories
Uncategorized สัตว์เลี้ยงน่ารัก

“บุ้งทะเล” สัตว์ขนหนาโลกบาดาลพิษแรงที่คุณอาจไม่เคยรู้จัก

แค่พูดถึงบุ้งเราก็รู้สึกคันยุบยิบตามร่างกายแล้ว คิดว่าหากไปเที่ยวทะเลแล้วลงไปดำน้ำจะปลอดภัยจากบุ้งหรือสัตว์ที่ทำให้คัน แต่เปล่าเลย! ใครจะไปรู้ว่านอกจากแมงกะพรุนที่เราต้องระวังแล้ว ใต้ทะเลยังมี “บุ้งทะเล”ด้วยเสียอีก แถมบุ้งทะเลยังมีพิษที่ร้ายแรงเสียยิ่งกว่าบุ้งบกที่เราเห็นกันในชีวิตประจำวันเสียอีก แค่เห็นขนกับสีสันที่แปลกตาก็ทำให้รู้สึกขนลุกจนเผลอยกมือขึ้นมาเกาแขนขาอัตโนมัติทันที และหากถามว่าไทยเรามีบุ้งทะเลหรือเปล่า ขอบอกเลยว่ามีแน่นอน! แถมยังมีนักท่องเที่ยวที่เคยไปเล่นน้ำทะเลทางภาคใต้แล้วเจอพิษของบุ้งทะเลทำให้เป็นแผลมาแล้ว อีกทั้งไม่นานฤดูหนาวก็จะผ่านไปเข้าสู่ฤดูร้อน ใกล้ได้เวลาไปเที่ยวทะเลกันอีกแล้วแบบนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำให้คุณรู้จักกับความอันตรายของเจ้าบุ้งทะเลกันก่อน เพื่อที่ทริปดำน้ำเที่ยวทะเลของคุณจะได้มีแต่ความแฮปปี้ ไม่ต้องฝังใจหรือเจอกับอันตรายได้

ทำความรู้จักกับ “บุ้งทะเล”

“บุ้งทะเล” เป็นสัตว์ตระกูลปรสิตประเภทหนอนปล้องแม่เพรียงหรือไส้เดือนทะเลที่แม้จะมีลำตัวเพียงความยาวเฉลี่ย 15 เซนติเมตรซึ่งขนาดสั้นกว่า แต่ก็มีขนสีน้ำตาลแดงหรือสีขาวเทาที่หนาและยาวลักษณะแข็งยื่นออกทั่วลำตัวซึ่งขนของบุ้งทะเลนอกจากจะมีความโดดเด่นในการช่วยให้ว่ายน้ำได้ดีแล้ว ยังช่วยปกป้องตัวมันเองจากศัตรูและทำการไล่ล่าเหยื่อได้ด้วยโดยการสลัดขนให้แทงเข้าที่ผิวหนังของฝ่ายตรงข้ามจนเกิดอาการคันในระยะแรกและต่อมาจะแสบร้อนจนเป็นแผลไหม้ทำให้คนต่างชาตินิยมเรียกสัตว์ทะเลนี้ว่า “Fire worms” หรือ “หนอนไฟ” พบได้มากในมหาสมุทรแอตแลนติก ประเทศเขตร้อน และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยประเทศไทยมักพบเจอทางแถบภาคใต้ 

การดำรงชีวิตของ “บุ้งทะเล”

“บุ้งทะเล” มักใช้ชีวิตอาศัยและหาอาหารอยู่ตามแนวปะการัง หิน โคลน ทราย และบนขอนไม้ที่ลอยได้ตลอดจนเกาะตามใต้ไม้ฐานที่ตั้งของท่าเรือบริเวณทะเลระดับน้ำตื้นจากพื้นผิวถึงความลึก 40 เมตร มีความสามารถพิเศษในการค้นหาเหยื่อจากสัญญาณทางเคมีซึ่งถูกปล่อยมาจากซากสัตว์ที่ตายแล้วได้ด้วยประสาทสัมผัสผ่านขนกับลำตัวที่ไม่มีสัตว์ทะเลใดเหมือนได้ ซึ่งโดยปกติบุ้งทะเลมักจะไม่เป็นภัยกับใครและมันมักจะชอบอยู่เงียบ ๆ นอกเสียจากคุณจะเผลอว่ายน้ำเข้าไปใกล้มันและสัมผัสถูกขนของมันเองหรืออาจอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความประมาท

อาหารสุดโปรดของ “บุ้งทะเล”

“บุ้งทะเล” มีอาหารสุดโปรด คือ ซากสัตว์ทะเลทุกชนิดที่ตายไปแล้ว โดยบุ้งทะเลจะใช้วิธีการกินโดยดูดดื่มเนื้อเยื่อของสัตว์ทะเลเข้าไปเป็นอาหารแทนการใช้ฟันกรามที่มันไม่มีเหมือนสัตว์อื่น ๆ ซึ่งเพียงแค่นี้ก็ทำให้มันมีพลังกายที่แข็งแรงมากพอในการใช้ชีวิตแล้ว

เครดิตภาพ : inaturalist.org, eurekalert.org

#ความรู้เรื่องสัตว์ #สัตว์ใต้น้ำ #บุ้งทะเล

Categories
Uncategorized

มาเตรียมความพร้อม ก่อนเริ่มเลี้ยง หมูแคระ กันดีกว่า ( Micro Pig )

     หมูแคระ เป็นสัตว์เลี้ยงที่นิยมเลี้ยงมากชนิดหนึ่งในแวดวงสัตว์น่ารัก รูปร่างภายนอกของมันก็ไม่ต่างจากหมูโดยทั่วไป หากแต่ขนาดที่เล็กของมัน บวกกับความน่ารักที่มีความน่าเอ็นดู จึงทำให้มันกลายเป็นสัตว์ที่นิยมเลี้ยงกันในหมู่คนรักสัตว์

ความรู้เบื้องต้นก่อนเริ่มเลี้ยง หมูแคระ

ลักษณะทั่วไปของ หมูแคระ

     ลักษณะของมันคล้ายหมูปกติ แต่ด้วยขนาดที่เล็กจิ๋วของมันจึงทำให้ถูกเรียกว่า หมูแคระ หรือ หมูจิ๋ว ซึ่งเมื่อมันมีอายุ 2-3 ปี มันสามารถโตได้ถึง14-16นิ้ว และหนักได้ถึง 30กิโลกรัม

สายพันธุ์ยอดนิยม ของ หมูแคระ ที่คนนิยมเลี้ยง

     1. มินิพิก หรือหมูพันธุ์แท้ที่มีขนาดเล็ก เช่น หมูกี้ หมูกระโดน น้ำหนักประมาณ60กิโลกรัม มีสีและขนาดมาตรฐานตรงตามสายพันธุ์ เมื่อโตเต็มวัย ทั้งสีและขนาดจะเท่ากันทุกตัว

     2. ไมโครพิก หรือ ทีคัพพิก มีขนาดเล็กจิ๋ว มีหลายลวดลายหลายสีสัน เป็นลูกหมูพันธ์ผสม มีโอกาสจะมีขนาดมากเท่าไหร่ก็ได้

 นิสัยตามธรรมชาติของ หมูแคระ

     หมูแคระ มีนิสัยฉลาด รักสะอาด มีความเป็นมิตร เชื่องและเข้ากับผู้คนได้ง่ายๆมาก เป็นสัตว์ที่มีนิสัยร่าเริง

โดยนิสัยส่วนตัวตามธรรมชาติของมัน มักจะขุดคุ้ยดิน หากผู้เป็นเจ้าของไม่ใส่ใจในการเลี้ยงดู มันอาจแสดงนิสัยก้าวร้าวออกมาแทน ดังนั้นควรศึกษาและสั่งสอนนิสัยของมันไปเรื่อยๆ

การเลี้ยงเบื้องต้นและการให้อาหาร หมูแคระ

     เมื่อเจ้า หมูแคระ ต้องย้ายบ้านหรือที่พักใหม่ เป็นปกติตามธรมชาติที่มันจะมีอาการตื่นกลัว ดังนั้นการลูบหัวจึงเป็นการทำให้มันสบายใจและผ่อนคลาย รู้สึกอบอุ่น และป้อนอาหารให้มันด้วยตัวเอง จะทำให้มันไว้ใจเราที่เป็นเจ้ามากขึ้น

     สำหรับที่นอนของ น้องหมูแคระ ควรใช้ผ้าที่นุ่มๆหนาๆ เพราะ หมูแคระ เวลานอนจะชอบมุดหรือชอบนอนขดใต้ผ้าห่ม

     การให้อาหาร หมูแคระ ไม่ควรให้ด้วยอาหารหมา แมว อาหารที่เป็นเนื้อหรือมีรสเค็มเด็ดขาด ควรเลี้ยงด้วย พืชผักผลไม้ เช่น แตงกวา หรือผักใบสีเขียวหลากชนิด แอปเปิ้ล ควรเลือกให้ปริมาณที่สอดคล้องกับขนาดร่างกายของน้อง หมูแคระ ไม่ควรให้ปริมาณที่มากเกินไป เพราะหมูแคระกินได้ตลอดไม่เลือกเวลา

     การอาบน้ำ หมูแคระ มีนิสัยชอบขุดดิน ทำให้ร่างกายสกปรกตลอดเวลา จึงต้องหมั่นทำความสะอาดให้เป็นประจำ และ หมูแคระ มีผิวหนังที่แพ้ง่าย จึงควรใช้สบู่สำหรับเด็กในการทำความสะอาด (ควรอาบน้ำเดือนละครั้งเพื่อสุขภาพที่ดีของ หมูแคระ )

ขอขอบคุณรูปภาพประกอบและเนื้อหาจาก

Petciiz.com

Klook.com

วิดีโอเพิ่มเติม :

#หมูแคระ #รู้ก่อนเลี้ยง หมูแคระ #Micro Pig