Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

ปฏิกิริยาที่แตกต่างของ “คนที่สุนัขไว้ใจ” กับ “คนที่สุนัขไม่ไว้ใจ”

หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่า สุนัขเป็นสัตว์ที่มีเซ้นส์แรงในการมองมนุษย์ที่ลึกเข้าไปได้ถึงจิตใจภายในเลยเพียงแค่มองเท่านั้น คุณคิดถูกแล้วที่มีสุนัขอยู่ในบ้านเพราะเขาจะคอยทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องสแกนคนกลาย ๆ ให้แก่คุณได้เป็นอย่างดี เวลาที่คุณพาแขกเข้าบ้านในเบื้องต้นที่สุนัขเห็นคนคนนั้นเขาย่อมแสดงท่าทีออกมาบอกคุณได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าคุณจะสนใจและยอมรับในเซ้นส์ของมันได้หรือไม่ แต่เราอยากให้คุณเชื่อว่าเขาสามารถบอกคุณได้จริง ๆ ว่าแต่เราจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่าปฏิกิริยาแบบใดที่บ่งบอกว่าแขกคนนั้นคือ “คนที่สุนัขไว้ใจ” หรือ “คนที่สุนัขไม่ไว้ใจ” เราจะมาอธิบายแบบสรุปง่าย ๆ ให้คุณเข้าใจเอง

คนที่สุนัขไว้ใจ

“คนที่สุนัขไว้ใจ” ในเบื้องต้นสุนัขก็จะเห่าอีกฝ่ายในฐานะคนแปลกหน้าที่กำลังเข้ามาในบ้านตามปกติอยู่แล้ว ซึ่งระดับเสียงและน้ำเสียงการเห่าของเขาจะไม่ได้ออกมาในทางที่ตกใจหรือแบบตะคอกด้วยความไม่ชอบ แต่จะเป็นการเห่ารับเท่านั้น อาจมีการเดินตามมาเล็กน้อย แต่ก็อาจจะแค่เว้นระยะห่างหรือเป็นการมาเลีย ๆ ดม ๆ เฉย ๆ พอเดินเข้าใกล้ทางเข้าตัวบ้าน น้องสุนัขของคุณก็จะเดินช้าลงและเลิกเห่าไปเอง ซึ่งพอมาดูอีกทีช่วงขากลับที่แขกคุณออกจากบ้าน สุนัขก็อาจมีการเห่าเหมือนเดิม ทว่าคราวนี้เขาจะแค่ยืนดูหรือไม่ก็นั่ง ๆ นอน ๆ เห่าอย่างนั้นประมาณว่าเจอคนแปลกหน้า ขอส่งท้ายให้ก่อนกลับแล้วกันเท่านั้นเอง

คนที่สุนัขไม่ไว้ใจ

“คนที่สุนัขไม่ไว้ใจ” เมื่อเขาเข้ามาในบ้านของคุณแล้ว สุนัขจะเห่าด้วยน้ำเสียงที่ดังสนั่นกว่าการเห่าแขกแปลกหน้าหรือเห่าสุนัขด้วยกันทั่วไปมาก บางตัวอาจจะมีการร้องในลำคอแบบข่มฮึ่ม ๆ กัดฟันจ้องอีกฝ่ายตาไม่กะพริบด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังจะวิ่งเข้ามาเพื่อตั้งท่ากระโดดใส่ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรแบบรวดเร็วด้วย ซึ่งปฏิกิริยาเช่นนี้หากสุนัขคุณไม่ใช่สุนัขที่ดุร้ายหรือไล่กัดใครก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่ไว้ใจในคนคนนี้มาก ยิ่งเดินเข้าใกล้บ้านมากแค่ไหน สุนัขของคุณก็จะยิ่งวิ่งมาขวางอีกฝ่ายไว้มากเท่านั้นด้วยความกลัวว่าคุณอาจจะได้รับอันตรายจากคนคนนี้เมื่อเดินเข้าไปในบ้านหรืออาจเกิดสถานการณ์ไม่ดีขึ้น แม้ว่าคุณจะตั้งท่าดุน้องสุนัขแล้ว เขาก็จะไม่ฟังคุณเลย นี่คือสัญญาณผิดปกติที่เขาตั้งใจส่งให้คุณรู้

ฉะนั้นหากคุณอยากรู้ว่าแขกของคุณภายในมีจุดประสงค์ที่ดีจริงหรือไม่ก็ลองเชิญชวนเขาให้เข้ามาคุยกันที่บ้านดูสิ น้องสุนัขจะเป็นคนบอกคุณได้เบื้องต้นได้ แล้วหลังจากนั้นคุณก็ลองสังเกตพฤติกรรมของอีกฝ่ายดู อยู่กับเขาด้วยความไม่ไว้ใจเกินไปจะดีที่สุด

เครดิตภาพ : pixabay

#สัตว์เลี้ยงน่ารัก #สุนัข #ทริคเลี้ยงสัตว์

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

เปิดโลกใหม่แดนอเมซอนไปกับ “ลิงแทมมารินจักรพรรดิ”

หากอยู่ในการ์ตูนสัญชาติจีนที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับศึกยุทธภพกังฟูสุดแฟนตาซีแล้วล่ะก็เราคงจะได้เห็นเหล่าสัตว์ที่หนึ่งในนั้นมีหนวดเครายาวเป็นตัวแทนของเซียนหรือท่านอาจารย์ที่มีความแกร่งกล้าในเวทย์และพละกำลังซึ่งมักจะอยู่ในอิริยาบถยืนตัวตรงสงบและเคร่งขรึมแล้ว ซึ่งก็เป็นเอกลักษณ์ภาพยนตร์แนวสัตว์แฟนตาซีและความเป็นวัฒนธรรมจีนที่ไม่มีใครเหมือนทำให้เรารู้สึกว่าสัตว์ตัวนั้นมีความน่าสนใจกว่าสัตว์ตัวเอกหลักในภาพยนตร์นั้น ๆ เสียอีก แต่รู้หรือเปล่าว่าในโลกแห่งการ์ตูนแม้ว่าเขาจะแค่เสริมหนวดของสัตว์ตัวนั้นขึ้นมาเพื่อให้ดูรู้ว่าเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาว มีความเหมือนผู้เฒ่าที่มีอายุมากและผ่านร้อนผ่านหนาวมา แต่ในโลกแห่งความจริงกลับมีสัตว์ชนิดนั้นที่มองดูเหมือนท่านสัตว์ผู้เฒ่าอาจารย์ในตำนานแอนิเมชั่นอยู่ด้วย! เพียงแต่ว่าหนวดเคราของเขาที่ยาวมากจากพันธุ์ของเขาจริง หาใช่หนวดจากความแก่เฒ่าอย่างในการ์ตูนเลย แถมชื่อ “ลิงแทมมารินจักรพรรดิ” ยังเป็นนามเรียกขานอลังการดาวล้านดวงที่ทำให้เป็นหนึ่งในสัตว์โลกน่าสนใจที่สุด

ทำความรู้จักกับ “ลิงแทมมารินจักรพรรดิ”

“ลิงแทมมารินจักรพรรดิ” เป็นลิงเชื้อสายแทมมารินซึ่งเป็นลิงขนาดเล็กยาวประมาณ 22 – 22 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 900 กรัม มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนลิงอื่นตรงที่บริเวณปากสีชมพูเนื้ออ่อนจะมีขนสีขาวยาวออกมาโดยรอบห้อยระย้างอนตรงแนวปลายคล้ายกับหนวดเคราของผู้ชายมีอายุที่ยาวดูมีความน่าเกรงขามจึงเรียกว่า “หนวดจักรพรรดิ” ตามลำตัวมีขนสั้นนุ่มฟูสีน้ำตาลอมเทาคล้ายขนของแมว พบได้มากบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของลุ่มน้ำอเมซอนที่มีความราบลุ่มและมีลักษณะเป็นป่าฝนชื้นตามแนวเทือกเขาและที่ราบต่ำของเปรูและบราซิล เพราะพวกมันชอบอยู่กับอุณหภูมิที่หนาวเย็น สดชื่น และมีแหล่งน้ำเป็นหลัก

การดำรงชีวิตของ “ลิงแทมมารินจักรพรรดิ”

“ลิงแทมมารินจักรพรรดิ” จะอยู่อาศัยรวมกันเป็นฝูงเล็กจำนวน 20 ตัวซึ่งเป็นจำนวนที่พอดีกับการปกป้องอันตรายกันและกัน อีกทั้งยังไม่เยอะเกินกว่าที่จะวางแผนดำรงชีวิตพึ่งพาอาศัยกัน มีการสืบพันธุ์หลายครั้ง โดยจะเริ่มสืบพันธุ์ครั้งแรกตั้งแต่ช่วงอายุ 16-20 เดือนเมื่อมันวางแผนความพร้อมด้านอาหารแล้วช่วงฤดูฝน ตัวเมียจะผสมพันธุ์กับตัวผู้หลายตัวเพื่อเพิ่มโอกาสในการมีลูกเพศผู้ ด้วยลิงแทมมารินจักรพรรดิมีความเชื่อว่า เป็นไปได้ที่ลูกคนใดคนหนึ่งจะนำยีนของตนไปสู่รุ่นต่อไปและตั้งท้องไม่เกิน 6 เดือนก่อนจะคลอดลูกออกมาและให้การเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นจนกว่าจะเริ่มโต และสำหรับมนุษย์มันก็ค่อนข้างเป็นมิตรมาก

อาหารสุดโปรดของ “ลิงแทมมารินจักรพรรดิ”

“ลิงแทมมารินจักรพรรดิ” มีอาหารสุดโปรด คือ ผลไม้และดอกไม้ โดยดอกๆไม้จะต้องเป็นดอกไม้ที่มีความชุ่มของน้ำหวานภายในซึ่งเพียงพอให้ลิงแทมมารินจักรพรรดิแก้กระหายน้ำและให้พลังงานได้อย่างเต็มที่จนแข็งแรงโดยเฉพาะเวลาเลี้ยงลูก ส่วนผลไม้ก็ไม่จำกัดว่าต้องเป็นแค่กล้วยเหมือนลิงอื่น ลิงแทมมารินจักรพรรดิไม่เป็นลิงช่างเลือกกินผลไม้ ค่อนข้างเรียบง่ายมาก

เครดิตภาพ : fewallaround.wordpress.com

#สาระสัตว์ #ลิงแทมมาริน #ความรู้

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

“Gobi Jerboa” หนูขายาวสุดแปลกแห่งแดนทะเลทราย

หากพูดถึงสัตว์ตัวจิ๋วขนน่ารักที่มีขายาวแทบจะตั้งฉากไม่ว่าใครก็ต้องนึกถึงนกทั้งนั้น เพราะในโลกของเราก็มีแค่นกที่เป็นสัตว์ขนฟูสวยและขาวยาวเหยียดตรงเท่านั้น จะมีสัตว์ตัวไหนที่มีขาเหมือนนกอีกล่ะ คำตอบคือมีค่ะ! แต่สัตว์ตัวนี้ไม่ใช่สัตว์ปีกและไม่ใช่นก ไม่ใช่ค้างคาว แต่เป็นหนูนี่เอง หนูตัวนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นสัตว์ที่มีสายพันธุ์ไม่เหมือนกับหนูอื่น ๆ ที่ในภาพลักษณ์ของคุณอาจเห็นหนูเป็นสัตว์ที่มีแขนขาสั้นน่ารัก แต่ความจริงไม่ใช่กับหนูทุกชนิดที่จะมองดูอ้วนเตี้ยและทุกส่วนของร่างกายสั้นหมดหรอก เพราะเจ้า “หนู Gobi Jerboa” เป็นหนูที่จะทำให้คุณได้เห็นความน่าหลงใหลในเสน่ห์ของสัตว์แดนทะเลทรายสุดแปลกอีกชนิดหนึ่งที่คุณจะรู้สึกว่านอกจากสัตว์เขตร้อนที่ดูน่ากลัวและบางตัวก็มีพิษแล้ว ยังมีสัตว์น่ารักรอให้คุณไปค้นพบอีกเยอะเลย และหนู Gobi Jerboa ก็คือหนึ่งในนั้นที่พร้อมต้อนรับคุณสู่แดนทะเลทรายอย่างเป็นมิตรเลย 

ทำความรู้จักกับ “Gobi Jerboa”

“Gobi Jerboa” หรือ “หนูเจอร์บัว” เป็นหนูฟันแทะที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกประมาณ 2.8 นิ้ว และอยู่ในสายพันธุ์ Pygmy Jerboa มีลักษณะตัวคล้ายหนูไมซ์ผสมกับจิงโจ้ ด้วยความที่มันมีลักษณะตัวที่ป้อมขนสีน้ำตาลฟู แตกต่างกับขาที่ยาวตรงซึ่งเอียงไปข้างหลังเล็กน้อยก่อนจะหักมาทางด้านหน้าในช่วงเท้าซึ่งบริเวณตีนจะแบออกมามีขนาดใหญ่ทำให้ดูเหมือนมันยืนสองขาได้รวมถึงกระโดดได้ไกลเวลาจะเคลื่อนที่ 24 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและยังมีหูที่เรียวใหญ่ รวมถึงหางที่ยาว หนา บริเวณปลายหางเป็นขนพู่ ๆทำให้ภาพรวมมันไม่ต่างกับจิงโจ้ย่อส่วนเลย หนู Gobi Jerboa จะพบเจอได้ทางแถบทะเลทรายบริเวณมองโกลเลีย อียิปต์ และแอฟริกาใต้ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ตามรูที่ขุดในชั้นดินทราย 

การดำรงชีวิตของ Gobi Jerboa”

“Gobi Jerboa” แม้จะเป็นสัตว์ที่อยู่ตามทะเลทรายในเขตร้อนแต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบอากาศร้อนเท่าไหร่ ในเวลากลางวันมันจึงมักจะอยู่อาศัยพักผ่อนภายในหลุมของมัน ทั้งนี้ก็เพื่อหลบภัยจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่มักจะออกหากินในเวลากลางวันด้วย และพอตกกลางคืนหนู Gobi Jerboa จึงจะออกมาหาอาหารกิน เพราะทะเลทรายตอนกลางคืนอากาศจะเปลี่ยนจากความร้อนจัดเป็นหนาวจัดซึ่งดีต่อร่างกายของมันมาก ซึ่งพวกมันไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำก็สามารถอยู่ได้เพราะมันจะดูดความชื้นจากอาหารที่อยู่ภายในแทนน้ำทำให้ไม่รู้สึกกระหาย และเมื่อถึงช่วงผสมพันธุ์ก็จะมีการตั้งท้องจนออกลูกปีละ 2 – 6 ตัวซึ่งจะขุดหลุมให้ใหญ่ขึ้นเมื่อถึงเวลานั้น

อาหารสุดโปรดของ Gobi Jerboa”

“Gobi Jerboa” มีอาหารสุดโปรดที่เรียบง่ายตามธรรมชาติมากกว่าสัตว์ทะเลทรายอื่น ๆ มันจะกินพืชที่มีใบอ่อน ๆ หรือผลไม้ที่ไม่แข็งเนื้อนุ่มเป็นหลัก แต่เมื่อใดที่ต้องการพลังงานมากกว่าปกติก็จะกินหนอนขนาดเล็กเป็นอาหารเพื่อให้ได้แร่ธาตุ โดยการล่าเหยื่อที่มีชีวิตจะใช้อุ้งเท้าที่ใหญ่ในการจัดเหยื่อและกินจากนั้นก็จะรีบเข้าไปในหบุมอย่างรวดเร็วให้พ้นจากสัตว์นักล่าตอนกลางคืน นับเป็นสัตว์ที่น่ารักและมีความรอบคอบสูงจริง ๆ สำหรับหนู Gobi Jerboa

เครดิตภาพ : stu40126site.wordpress.com

#สัตว์แปลก #ความรู้เรื่องสัตว์ #หนูขายาว

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

ทำไมกระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อ

เชื่อว่านอกจากคนส่วนใหญ่ที่เป็นทาสแมวแล้วก็คงมีคนอีกไม่น้อยที่เป็น “ทาสกระต่าย”เช่นกัน ก็ดูหน้าตาน้องเขาสิ ขนฟูตาเล็กจมูกน้อย ดูรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน แถมยังไม่ต่างกับเด็กน้อยแสนไร้เดียงสาที่มีแต่ใจที่งามดุจผ้าขาวบริสุทธิ์เวลาเล่นกับเราด้วย ยิ่งเวลาที่เราไปตามร้านขายสัตว์เลี้ยง คาเฟ่กระต่าย หรือไปบ้านญาติที่เลี้ยงกระต่ายแล้วส่วนมากพวกเขาจะต้องสวมเสื้อเด็กให้กระต่ายใส่กันยิ่งทำให้มองดูเหมือนเด็กทารกที่หัดคลานไปอีก เวลากอดเนี่ยนะ พอได้สัมผัสกับเนื้อผ้านุ่ม ลายน่ารักที่คลุมทับขนฟูของกระต่ายน้อยแล้วบอกเลยว่ามันเขี้ยวมาก น่ารักยิ่งกว่าตอนไม่ใส่เสื้ออีก จนอาจเกิดเป็นข้อสงสัยกันมากในเรื่องนี้ คุณอยากรู้กันไหมล่ะว่าเหตุใดกระต่ายเลี้ยงถึงต้องสวมเสื้อ ทั้งที่เวลาอยู่ในป่ามันก็อยู่ได้โดยไม่ต้องมีเครื่องนุ่งห่มใดสวมทับร่างกายเลย หากอยากรู้ก็มาอ่านกันเถอะ!

กระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อป้องกันแดด

กระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อเพื่อป้องกันเวลาออกไปวิ่งเล่นแล้วเผชิญกับอากาศร้อนและแสงแดดที่สาดส่องลงมาเต็มพิกัด ด้วยสภาพแวดล้อมของกระต่ายที่อาศัยในเมืองใหญ่แตกต่างจากตอนอยู่กับป่าเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ปกคลุมแดดและหลบอากาศร้อนได้ดีมาก แต่สำหรับเมืองใหญ่ที่ไม่ค่อยมีต้นไม้เลย อากาศจะมีอุณหภูมิที่สูงกว่าแหล่งกำเนิดของกระต่ายมากจนกระต่ายที่ขนฟูแต่บางอาจจะทนไม่ไหว ต้องมีเสื้อป้องกันแดด

กระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อแสดงความเป็นเจ้าของ

กระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อเพื่อแสดงความเป็นว่าตัวเองเป็นกระต่ายที่มีเจ้าของ หาใช่กระต่ายที่หลุดออกมาจากป่าเขา ในสวน หรือเป็นกระต่ายที่ถูกทิ้งแต่อย่างใด ซึ่งเสื้อของกระต่ายที่สวมใส่จะสามารถระบุความเป็นเจ้าของของคุณได้มากกว่าการที่เขาจะต้องสวมปลอกคอกระต่ายซึ่งไม่ค่อยพบเจอตามร้าน อีกทั้งอาจหลุดและน่าอึดอัดสำหรับกระต่ายได้ง่าย จึงใช้เสื้อสวมทับร่างกายเท่านั้น

กระต่ายเลี้ยงต้องสวมเสื้อป้องกันขนหลุด

กระต่ายเลี้ยงมักจะไม่ต่างกับแมวตรงที่บางครั้งขนฟูเล็ก ๆ ของเขาจะชอบหลุดร่วงตามบ้านหรือในกรงให้ต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ ยิ่งปกติเราต้องเลี้ยงกระต่ายอยู่แต่ในบ้านหรือบางคนก็เลี้ยงในห้องนอนส่วนตัวด้วย ยิ่งต้องดูแลความสะอาดยกใหญ่เลย ฉะนั้นเสื้อคลุมจึงสามารถป้องกันขนของกระต่ายที่อาจหลุดร่วงลงมาได้ และเขาก็ยังชื่นชอบด้วย เพราะเสื้อมีน้ำหนักที่เบาสบายมาก ไม่ได้ร้อน ออกแนวอบอุ่นมากกว่า

เครดิตภาพ : sanook.com

#ทำไมกระต่ายห้ามใส่เสื้อ #กระต่าย #ทริคเลี้ยงสัตว์

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

“จิ้งจอกทิเบต” สัตว์ขนนุ่มฟูสุดตีมึนในเขตหนาวเย็น

มองทีแรกตอนง่วง ๆ แล้วนึกว่าเป็นซูเนโอะ! ก็ดูจมูกของเจ้าจิ้งจอกทิเบตกับตาของมันที่หนีดูขี้มึนดูสิ ใครเห็นก็ต้องนึกถึงตัวละครเด็กผู้ชายเพื่อนของโนบิตะในการ์ตูนเรื่อง “โดเรมอน”ทั้งนั้น แน่นอนว่าคุณน่าจะรู้จักกับจิ้งจอกหลากหลายสายพันธุ์มาแล้วและจากที่ดูก็พบว่าจิ้งจอกญี่ปุ่นเป็นจิ้งจอกที่มีขนสวยงามและดูน่าค้นหามากที่สุด แต่ใครจะไปรู้กันว่าในทิเบตเองก็มีสุนัขจิ้งจอกอยู่ท่ามกลางอากาศที่ปกคลุมด้วยหิมะหนาวเย็นด้วย แถมจิ้งจอกทิเบตยังเป็นที่อยู่ในความสนใจของนักสำรวจมากมายที่ต่างก็เดินทางมาหามันอีกต่างหาก ด้วยหน้าตาขี้มึนที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากสุนัขจิ้งจอกที่อื่นแบบนี้และความที่มีสีสันขนคล้ายกับหมาป่าอีกด้วย เรื่องราวของ “จิ้งจอกทิเบต” จึงเริ่มจะน่าติดตามมากยิ่งขึ้นจนแม้แต่คุณเองก็คงอยากรู้เหมือนกันใช่ไหมล่ะว่ามันมีความน่าสนใจในเบื้องลึกอย่างไรบ้าง นอกจากท่าทีตีมึนซึน ๆ ของมันแล้ว หากอยากรู้ก็มาอ่านกันเลย!

ทำความรู้จักกับ “จิ้งจอกทิเบต”

“จิ้งจอกทิเบต” หรือที่ชาวทิเบตเรียกกันเต็ม ๆ ว่า “จิ้งจอกทะเลทรายทิเบต” เป็นสุนัขจิ้งจอกภูเขาที่ลำตัวมีขนาดเล็ก ขนฟูสีเทาอมน้ำตาลสว่าง หูสั้น เขี้ยวยาวกว่าสุนัขจิ้งจอกพันธุ์อื่น หางเป็นพวงสวยงามเวลาย่างก้าวไปในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเรามักพบมันได้ตามที่ราบสูงทิเบต, ลาดัคห์ที่ราบสูง, เนปาล , พื้นที่ตะวันตกของจีน, สิกขิม และภูฏาน อีกทั้งยังพบได้ในบริเวณเขตหนาวเย็นใกล้เคียงบริเวณเทือกเขาหิมาลัยซึ่งอยู่ในจุดที่ระดับความสูงมากถึง 5,300 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งจิ้งจอกทิเบตสามารถอยู่ตามป่าหรือตามที่โล่งกว้างติดหิมะได้ทั้งนั้น ไม่ค่อยหลบซ่อนตัวจากมนุษย์เท่าไหร่ อีกทั้งด้วยใบหน้าของมันที่มีความเฉื่อยชา ดวงตาเรียวเล็ก และการเดินของมันที่เชื่องช้าด้วยทำให้นักสำรวจจัดให้มันเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ไร้ทุกข์มากที่สุดอีกชนิดหนึ่งของโลกเลย

การดำรงชีวิตของ “จิ้งจอกทิเบต”

“จิ้งจอกทิเบต” มักจะชอบออกมาวิ่งเล่นในยามเช้าตามจุดที่ติดกับภูเขาด้วยความเป็นอิสระโดยไม่หวาดระแวงกับสิ่งใด ๆ ด้วยมันเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่กับธรรมชาติที่กว้างขวาง ไม่ชอบการอยู่นิ่ง และหากมันเหนื่อยก็จะนอนพักตามซอกหินขนาดใหญ่หรือตามต้นไม้เป็นหลัก ยิ่งช่วงฤดูที่หิมะขาวโพลนมันก็จะยิ่งสนุกสนานกับการออกมาเล่นหิมะอย่างโดยช่วงเช้าจิ้งจอกทิเบตก็จะมีบทบาทเป็นนักล่าสัตว์ใหญ่ตัวยงที่เก่งกาจมากเลยทีเดียว ซึ่งหากจิ้งจอกทิเบตตัวใดผสมพันธุ์กันแล้วก็จะเปลี่ยนจากการออกล่าเหยื่อตามลำพังมาเป็นการออกล่าเหยื่อด้วยกัน ก่อนจะตั้งท้องใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้นก็จะคลอดลูกจำนวน 3 – 4 ตัวแล้วซึ่งถือว่าเร็วมาก และมันจะคอยดูแลลูกตัวเองอยู่ในถ้ำเป็นหลักทำให้บางช่วงเราจะเห็นจิ้งจอกทิเบตไม่ค่อยได้ออกมาให้เห็นกันเท่าไหร่

อาหารสุดโปรดของ “จิ้งจอกทิเบต”

“จิ้งจอกทิเบต” มีอาหารสุดโปรดปรานของพวกมัน คือ “ไพก้า” สัตว์ฟันแทะหน้าตาคล้ายหนูที่อาศัยอยู่ไม่ไกลกัน รวมถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่และสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กตัวอื่น ๆ ที่รวมถึงซากสัตว์ที่ตายแล้วซึ่งอย่างสุดท้ายจะกินก็ต่อเมื่อหาอาหารไม่ได้จริง ๆ โดยจิ้งจอกทิเบตก็มีวิธีการจู่โจมโดยใช้กะโหลกอันแข็งแกร่งของตัวเองพุ่งเข้าชนเหยื่อจนบาดเจ็บและกัดด้วยเขี้ยวแหลมรวดเร็วเหมือนกัน เห็นซึน ๆ แบบนี้แต่พี่ก็เจ๋งในแบบของพี่นะน้อง!

เครดิตภาพ : kapook

#สัตว์แปลก #ความรู้เรื่องสัตว์ #จิ้กจอกทิเบต

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

การจัดบ้านที่ถูกต้องให้สุนัข

สำหรับสังคมไทยแล้ว การเลี้ยงดูสุนัขบางบ้านก้มีการทำบ้านให้สุนัขอยู่แยกต่างหากภายในบริเวณรั้วบ้านของตัวเอง แต่บางบ้านก็ปล่อยให้สุนัขได้มีอิสระในการหาที่นอนตามใจที่พวกเขาต้องการ ไม่มีบ้านเป็นหลัง แค่เพียงให้เขาได้อยู่ในการดูแลปกป้องของคุณในฐานะสุนัขที่มีเจ้าของ อยู่กินในรั้วบ้านของคุณก็เพียงพอมากแล้ว ด้วยยึดความคิดที่ว่า สุนัขไทยชอบที่จะเปลี่ยนที่นอนและมีอิสระในการเลือกตามที่เขาต้องการ แต่สำหรับหลักการเลี้ยงสุนัขที่ถูกต้องจริง ๆ คุณควรจะมีการทำบ้านให้กับสุนัขจึงจะเหมาะกับการเปิดพื้นที่ส่วนตัวให้สุนัขมีกิจกรรมที่ชอบทำในบ้านของตัวเอง ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับพื้นที่บ้านของมนุษย์ที่จำกัดอาณาเขต อีกทั้งยังเป็นการช่วยสร้างวินัยให้แก่สุนัขได้ด้วย นี่ทำให้สุนัขของคุณได้รับบ้านของตัวเองที่อบอุ่นมากและสุขสบายอีกต่างหาก ในวันนี้เราจึงมีวิธีการจัดบ้านที่ถูกต้องของสุนัขให้คุณได้รู้

บ้านของสุนัขต้องสร้างให้มีหลังขนาดกลาง

บ้านของสุนัขจะไม่ได้เป็นหลังเล็กที่พอดีกับตัวสุนัขอย่างที่ใครหลาย ๆ คนคิด แต่จะต้องเป็นบ้านที่มีหลังขนาดกลาง สูง และมีพื้นที่มากพอให้สุนัขเข้าไปนอนและเดินทำกิจกรรมในพื้นที่มุมต่าง ๆ ของบ้านที่มีจำกัดด้วยได้ ซึ่งหากยังมองภาพไม่ออกก็ให้นึกถึงกรงของสุนัขดู เป็นลักษณะแบบนั้นเลย โดยวัสดุจะใช้เป็นพลาสติกหรือเป็นไม้ก็ได้ มีความแข็งแรงเท่ากันและทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ดี

บ้านของสุนัขต้องมีการจัดปูเสื่อรองพื้นบ้านด้วย

บ้านของสุนัข หากคุณไม่ได้มีการทำพื้นรองบ้านไว้แล้วล่ะก็เราแนะนำให้คุณหาเสื่อน้ำมันหรือเสื่อใดก็ได้ที่มีความหนา เหนียว และใช้งานได้นานมาปูรองพื้นก็จะดีมาก เพราะสุนัขก็ต้องการสุขอนามัยที่ดีเหมือนกัน ในยามที่ฝนตกหรือพื้นชื้น คุณคงจะไม่อยากเห็นสุนัขต้องทนอยู่กับกลิ่นอับที่เหม็นตัวเองซึ่งต้องนอนอยู่บนพื้นดินหรือพื้นกระเบื้องที่เย็นชืดอย่างแน่นอน ไหนจะมีสัตว์เล็กสัตว์น้อยมีพิษมาได้ด้วย จึงควรมีการรองพื้นให้สุนัขนอนและมีเสริมกระดาษหนังสือพิมพ์อีกทบสำหรับสุนัขเด็ก ๆ ที่ฝึกขับถ่ายอยู่

บ้านของสุนัขต้องจัดมุมให้มีความปลอดโปร่งในโครงสร้าง

บ้านของสุนัขต้องมีการจัดมุมบ้านให้มีโครงสร้างที่ปลอดโปร่ง ไม่ใช่มีแต่ความทึบที่แสงลอดผ่านเข้ามาได้ยากหรือลอดมาแค่ทางเดียวคือหน้าทางเข้าบ้าน ควรจะมีหน้าต่างที่สามารถเปิดปิดได้ทั้งสองด้านของบ้านสุนัขด้วยควบคู่กับการจัดของเล่นสีสันสวยงามอย่างลูกบอล ของห้อยระย้า และอื่น ๆ ที่เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้สุนัขเล่นได้อย่างสบายอารมณ์ทำให้รู้สึกสดชื่นยามมองสีสันของเล่นและธรรมชาติจากนอกบ้านตัวเองได้

เครดิตภาพ : homedit.com

#บ้านสุนัข #ความรู้บ้านน้องหมา #ทริคการเลี้ยงสัตว์

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

3 ขนมไทยที่สุนัขชอบ

สุนัขเป็นสัตว์ที่มีความชื่นชอบในอาหารการกินหลากหลายมากกว่าที่คุณคิด แม้ว่าบางสายพันธุ์จะชอบกินอาหารแตกต่างกัน แต่หากเป็นขนมหวานแล้วล่ะก็ไม่ว่าจะเป็นขนมหวานแบบใดก็สามารถกินได้ทั้งนั้นหากเป็นขนมหวานที่ไม่ใช่ขนมหวานที่ผสมวัตถุดิบแปลก ๆ ที่มีความคาวแทรกแล้วล่ะก็จัดมาให้สุนัขของคุณได้เลย เพราะสุนัขไทยส่วนใหญ่เวลานี้กำลังขาดความหวานให้ร่างกายกันมาก เพราะคนไทยมักจะเน้นแต่การให้อาหารคาวอย่างพวกอาหารเม็ดและอาหารหนักท้องจากพวกโครงไก่ ข้าวที่ถูกต้มกินกับเนื้อมากมายตามบ้านเรือนและมักจะให้กินแค่นั้น สุนัขไทยจึงได้รับเฉพาะการกินของคาวตลอดเวลาทำให้บางตัวจากที่ควรมีของหวานลงท้องก็ไม่เคยได้ลิ้มลองในชีวิตสักทีจนอาจเกิดความขยาดไม่กล้าที่จะลองหากเราเอาให้กินแตกต่างจากสุนัขตะวันตกและสุนัขที่อยู่กับการเลี้ยงด้วยอาหารคาวประกอบอาหารหวานตามโภชนาการที่เหมาะสม ซึ่งหากคุณอยากจะปรับเปลี่ยนให้เขาได้ลองอาหารหวานบ้างแล้วล่ะก็ขนมไทยเป็นสิ่งที่เหมาะกับสุนัขมากที่สุดแล้ว เพราะจะเน้นแต่รสหวานเป็นหลักและสีสันน่ากินมาก แต่จะให้เขาเริ่มจากขนมหวานชนิดใดต้องมาดูใน 3 ขนมไทยที่สุนัขชอบตั้งแต่แรกกินกันเลย

“ขนมชั้น” ขนมไทยที่สุนัขชอบ

“ขนมชั้น” เป็นขนมไทยที่สุนัขชอบได้ง่ายที่สุด เพราะมีความนุ่มของเนื้อแป้งสี่สหาย ได้แก่ แป้งมัน, แป้งข้าวโพด, แป้งข้าวเจ้า และแป้งท้าวยายม่อมที่ทำให้ตัวขนมมีความนุ่มในสัมผัสแรกจนถึงสัมผัสสุดท้ายเมื่ออยู่ในปาก กินไม่ยาก หวานหอมกลิ่นธรรมชาติจากพวกใบเตย อัญชัน และกระเจี๊ยบ แถมสีก็สะดุดตาราวกับอัญมณีด้วยแบบนี้แม้แต่สุนัขเด็กก็ยังชอบ แล้วสุนัขผู้ใหญ่จะพลาดมองข้ามไม่ยอมกินได้ยังไง

“ข้าวเหนียวเปียก” ขนมไทยที่สุนัขชอบ

“ข้าวเหนียวเปียก” หนึ่งในขนมไทยที่สุนัขชอบ เพราะมีข้าวเหนียวเป็นส่วนประกอบหลักของขนมจึงทำให้สุนัขมีความคุ้นชินเหมือนกับเวลาที่พวกเขากินอาหารคาวมากเหมาะกับสุนัขที่ไม่คุ้นชินขนมหวานแบบสุดขั้วหรืออยู่ในขั้นที่ทดลองระยะแรก อีกทั้งยังมีความคล่องคอง่าย ได้รับความหวานจากน้ำเชื่อมข้าวเหนียวที่ชุ่มฉ่ำหอมเนื้อผลไม้ที่ใส่ลงไปเพลินปากมาก

“บัวลอย” ขนมไทยที่สุนัขชอบ

“บัวลอย” เป็นขนมไทยที่สุนัขชอบเพราะเป็นน้ำทำให้มีความอุ่นอร่อยซึ่งพวกเขามักมองว่าเหมือนตัวเองกำลังลิ้มลองนมรสใหม่ที่มีชิ้นขนมกลม ๆ หอมหวานผสมอยู่ในนั้นทำให้รู้สึกหวาน มัน โดนใจจนต้องอยากขอเจ้าของอย่างคุณกินอีกแน่นอน ยิ่งมีกลิ่นกะทิด้วย สุนัขยิ่งชอบ

เครดิตภาพ : pantip, cookpad.com

#ทริคการเลี้ยงสัตว์ #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #ขนมไทยสุนัขชอบ

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

ข้าวที่ไม่ควรให้สุนัขกิน

สำหรับเจ้าของสุนัขหลายบ้านอาจจะไม่ได้ให้อาหารเฉพาะของสุนัขที่เป็นในรูปแบบอาหารเม็ดแก่เขา แต่เป็นในรูปแบบของอาหารมนุษย์ที่แบ่งส่วนหนึ่งให้เขาโดยมีอาหารที่ปรุงและผสมกับข้าวสวยให้สุนัขได้กินซึ่งสุนัขก็สามารถกินได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ตรงกันข้ามการให้อาหารรูปแบบข้าวแก่สุนัขจะยิ่งนำให้สุนัขได้รับพลังงายที่เยอะและอิ่มอร่อยได้มากกว่าอาหารเม็ดด้วย นอกจากนี้คุณยังไม่ต้องเสียเงินเพื่อซื้ออาหารเม็ดที่ราคาสูงอีกด้วย ช่วยประหยัดเงินไปได้ตั้งเยอะ แต่ ๆ ๆ แน่นอนว่าอาหารที่ไม่ได้ถูกทมาให้เป็นของสุนัขเฉพาะด้านก็ย่อมจะมีข้อเสียอยู่เหมือนกันในกรณีที่คุณเลือกผิด อย่างประเภทอาหารปรุงสำเร็จและการใช้ประเภทข้าว ซึ่งวันนี้เราก็จะมาบอกเล่ากันถึงประเภทข้าวที่ไม่ควรเลือกทำให้สุนัขกิน ไม่เช่นนั้นก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นกับร่างกายของสุนัขที่คุณเลี้ยงไว้ก็ได้ ฉะนั้นข้าวดังต่อไปนี้จึงควรได้รับการหลีกเลี่ยงไม่ให้เตะตาต้องใจและอยู่ห่างจากสุนัขให้มากที่สุด

“ข้าวเหนียว” ข้าวที่ไม่ควรให้สุนัขกิน

“ข้าวเหนียว” ด้วยความที่สุนัขเป็นสัตว์ที่มักจะชื่นชอบการกินมูมมามและกินอย่างรวดเร็วแบบเคี้ยวกลืน ๆ แถมด้วยการเลียให้เรียบจึงอาจทำให้ข้าวเหนียวมีโอกาสที่จะไปติดตามฟัน ตามจมูก เหนือปาก และตามขนได้ง่าย ๆ จนเอาออกยาก ยิ่งเป็นสุนัขที่ขนยาวยิ่งแล้วใหญ่เลย พอข้าวเหนียวติดทีนี่จะค่อย ๆ เอาออกทีละเม็ดก็แสนจะนาน กลัวทำน้องเจ็บที่เราอาจจะเผลอมือแรงดึงขนด้วยซะนี่ แม้ว่าคุณจะพยายามต้มข้าวให้เหนียวน้อยและนิ่มแล้วแต่ยังไงก็ยังไม่เหมาะกับน้องสุนัขอยู่ดี และกินไปก็ย่อยยากด้วยจึงไม่ควรให้สุนัขกิน

“ข้าวปั้น” ข้าวที่ไม่ควรให้สุนัขกิน

“ข้าวปั้น” เป็นข้าวที่อาจจะเข้าไปติดคอของสุนัขก็ได้เพราะมักจะติดกันเป็นก้อนเป็นชิ้นซึ่งสุนัขหลายตัวที่ไม่รู้ก็มักจะอ้าปากกว้างและกัดเข้าไปเต็มคำทำให้เคี้ยวไม่ทันเกิดอาการข้าวติดหลอดลมได้ง่าย ๆ แล้วยิ่งเป็นแนวข้าวปั้นญี่ปุ่นที่มีไส้อยู่ข้างในแล้วเขาไม่ทันได้รู้ก็อาจเผลอกลืนเข้าไปเป็นอันตรายมาก สำหรับการให้ข้าวแก่สุนัขควรจะเป็นข้าวที่เคี่ยวหรือข้าวที่ต้มจนไม่ติดกันมากจึงจะเหมาะ ควรหลีกเลี่ยงข้าวแบบนี้มากในการให้สุนัข

“ข้าวกล้อง” ข้าวที่ไม่ควรให้สุนัขกิน

“ข้าวกล้อง” เป็นข้าวที่มีเม็ดใหญ่และค่อนข้างแข็งกว่าข้าวทั่วไป อีกทั้งกลิ่นของข้าวกล้องกล้องก็ยังไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับสุนัขบางสายพันธุ์ด้วยทำให้สุนัขกินแล้วอาจจะรู้สึกคลื่นไส้ เวียนศีรษะ และกินอาหารในมื้อหลักน้อยลงจนร่างกายอ่อนเพลียง่ายได้ด้วย คุณจึงไม่ควรจะนำข้าวรูปแบบนี้มาให้สุนัขกิน

เครดิตภาพ : test.com, seriouseats.com

#ความรู้เรื่องสัตว์ #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #ข้าวที่ไม่ควรให้สุนัขกิน

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

 3 ผักสุดโปรดที่สุนัขชื่นชอบ

แค่ได้ยินคำว่า “ผัก” หลายคนโดยเฉพาะเด็ก ๆ ก็ย่อมต้องร้องอี๋พร้อมกับหันหน้าหนีกันหมดแล้ว เพราะได้ยินทีไรก็เห็นแต่ภาพของผักใบเขียวที่มีความขมจัด พอบทจะหวานก็หวานเจื่อยแบบธรรมชาติซึ่งมีกลิ่นเขียวแทรกมาทำให้รู้สึกอยากไปล้างปากตัวเองมาก แถมผักที่ไม่ใช่ผักใบเขียวที่เป็นลูกอย่างพวกมะเขือเทศก็ยังเปรี้ยวหรือพวกหัวหอมก็ฉุนจนจามแถมยังจะเป็นลมให้ได้ ขนาดมนุษย์เราหลายคนยังไม่ชอบแบบนี้คิดหรือว่าสุนัขจะกินผักได้ บอกเลยว่าใครฟังก็ย่อมต้องขำ เพราะตั้งแต่เขี่ยผักทิ้งแล้วลองเอาให้สุนัขกินก็ยังเหลือในถาดข้าวของสุนัขเต็มเลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าสุนัขที่เป็นสัตว์กินเนื้อขยะแขยงผักมากแค่ไหน ใครเอาให้กินได้มีงอนล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นการที่จะให้สุนัขกินแต่เนื้อสัตว์ทุกมื้อก็อาจทำให้เขาไม่ได้รับวิตามินเลยก็ได้ แต่หากจะให้ซื้ออาหารสุนัขที่มีการผสมผสานของอาหารมากมายสำเร็จรูปมาก็ราคาสูงอีก วันนี้เราจึงจะมาแนะนำผักอร่อยที่เป็นข้อยกเว้นสำหรับสุนัขซึ่งคุณอาจไม่รู้ว่าพวกสุนัขชื่นชอบผักเหล่านี้มาก!

มันเทศ

“มันเทศ” เป็นผักที่มีรสชาติไม่เหมือนผัก เพราะมีลักษณะของเนื้อที่มีรสชาติหวานมัน สัมผัสนุ่มนิ่มละมุนลิ้นเหมือนอาหารบด มีกลิ่นหอมทำให้อร่อย อีกทั้งพวกเขายังได้สารอาหารประเภทวิตามินบี วิตามินซี ไฟเบอร์ เบต้าแคโรทีน และแร่ธาตุอื่น ๆ ด้วย ซึ่งเวลาให้สุนัขกินมันเทศ คุณต้องหั่นมันเทศและนำเนื้อสีเหลืองสุกออกมาบด ๆ แล้วจึงสามารถให้ร่วมกับอาหารอื่น ๆ ได้ อาจผสมลงในข้าว ผสมกับอาหารเม็ด หรือปรุงรสมันเทศเล็กน้อยแล้วให้เขากินเปล่า ๆ ก็อร่อยเหมือนกัน

แตงกวา

“แตงกวา” อาจจะเป็นผักที่ใครต่อใครก็ขยาดกับรสชาติความเขียวและความแหยะของเนื้อที่มีกลิ่นกรีน ๆ มีน้ำออกมาด้วย แต่สำหรับสุนัขนั้นเขารู้สึกว่ารสชาติของผักชนิดนี้ไม่ต่างจากผลไม้แตงโมที่เป็นหนึ่งในของโปรดเลย ด้วยน้ำที่ออกมาจากแตงกวาในระหว่างที่สุนัขกัดนั้นมีความชุ่มฉ่ำ เนื้อกัดเคี้ยวได้สะดวก ทำให้ร่างกายรู้สึกเย็นสบายในช่วงอากาศร้อน อีกทั้งยังได้ประโยชน์ต่อร่างกายจากวิตามินเค, วิตามินซี, วิตามินบี 1, โพรเทสเซียม, คอปเปอร์ม, แมคนิเซียม และไบโอตินด้วย ยิ่งสุนัขอ้วนมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ก็ยิ่งควรให้เขากินแตงกวาเพื่อลดน้ำหนักมาก

ผักโขม

“ผักโขม” หนึ่งในผักที่สุนัขชอบกินมากที่สุด เพราะมีความกรอบของผักบริเวณก้านที่อร่อยตัดกับความนุ่มของตัวใบที่มีความบางซึ่งเมื่อหั่นก็จะละเอียดได้รสชาติละมุนมากเวลานำไปปรุงอาหารและค่อนข้างหวาน ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว แต่ไม่ควรให้สุนัขกินมากเกินไป เพราะเสี่ยงจะเป็นโรคไตสูงจากกรดซาลิกที่อยู่ในตัวผักชนิดนี้

เครดิตภาพ : prouddogmom.com

#ทริคเลี้ยงสัตว์ #สัตว์เลี้ยงน่ารัก #ผักที่สุนัขชอบ

Categories
สัตว์เลี้ยงน่ารัก

5 อันดับสายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลก น่ารัก น่าเลี้ยง จนทาสต้องยอมเปย์ 

ถึงแม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ใครก็สามารถหามาดูแลได้อย่างง่ายดาย แต่เชื่อหรือไม่ว่ายังมีบางสายพันธุ์ได้ชื่อว่ามีราคาที่สูงที่สุดติดอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการที่ส่งผลให้เจ้าเหมียวเหล่านี้มีมูลค่ามหาศาลจนทำให้ทาสแมวทั้งหลายยินดีที่จะลงทุน ลงแรง ทุ่มเทให้พวกเขาอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาครอบครองแม้ว่าจะต้องเสียอะไรไปก็ตาม มาดู 5 อันดับสายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลกกันว่ามีอะไรบ้าง หากพร้อมแล้วเตรียมกระเป๋าสตางค์ให้พร้อมไปดูกันเลย

ทาสเหมียวต้องปาดเหงื่อ แต่ต้องยอมเปย์ด้วยความน่ารัก น่าเอ็นดู

1. Persian Cat เรียกได้ว่าแมวเปอร์เซีย ที่มีถิ่นฐานมาจากประเทศอิหร่านและตุรกี เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีความสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขนยาว ตากลมโต น่ารัก น่าเอ็นดู ลักษณะนิสัยขี้อ้อน ชอบคลุกคลีอยู่กับผู้คน ซุกซน และมีไหวพริบอย่างดีเยี่ยม จึงนับว่าเป็นราชินีแมวแห่งตะวันออกกลางเลยทีเดียว โดยในปัจจุบันราคาซื้อขายมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนขึ้นอยู่กับชนิด ประเภท รวมถึงความต้องการของทาสแมวที่จะนำไปเลี้ยงนั่นเอง

2. Savanah อีกหนึ่งอันดับสายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลก ด้วยลักษณะพิเศษจากการผสมพันธุ์กันระหว่างแมวป่ากับแมวบ้าน จึงส่งผลให้เป็นลูกผสมที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แถมมีลวดลายคล้ายคลึงกับหญ้าแห่งทุ่งสะวันน่า จึงทำให้พวกเขามีชื่อเรียกในประเทศไทยว่า ซาวันน่าห์ นั่นเอง แถมมีนิสัยใจคอเรียบร้อย เชื่องกับผู้คนรวมถึงมีความอ่อนโยนเป็นอย่างมากจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ที่สำคัญมีราคาเริ่มต้นสูงถึง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรืออยู่ที่ประมาณ 700,000 บาทเลยทีเดียว

3. The Ashera โดยสายพันธุ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นการผสมผสานขึ้นมาจากฝีมือของมนุษย์ โดยบริษัท แคลิฟอร์เนีย ไบโอเทค เป็นการนำแมวป่าแอฟริกัน แมวเสือดาวเอเชีย และแมวบ้านทั่วไป จนได้เจ้าเหมียวที่มีความสวยงามลงตัว และมีขนาดใหญ่โดยมีน้ำหนักมากที่สุดถึง 14 กิโลกรัมเลยทีเดียว และแน่นอนว่าราคาของพวกเขานั่นไม่ธรรมดาอยู่ที่เริ่มต้นตัวละ 22,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 800,000 บาท เหล่าทาสต้องปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว

                  4. The Bengal บ้านเรารู้จักกันดีในชื่อแมวเบงกอล เกิดขึ้นจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวดาวกับ Egyptian Mau ซึ่งเป็นแมวพันธุ์อียิปโบราณ ทำให้ลำตัวของน้องมีสีของขนเป็นลวดลายจุด ๆ คล้ายกับแมวป่า แต่กลับมีลักษณะนิสัยซุกซน ฉลาด น่ารัก น่าเลี้ยง และอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ราคาจะขึ้นอยู่กับอายุและความสวยงามซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 10,000 บาท โดยบางตัวก็มีราคาพุ่งสูงถึงหลักแสนก็มีให้พบเห็นได้บ่อย ๆ 

5. Russian Blue แมวรัสเซียสีฟ้า ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าน่าจะมีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ในเขตตอนเหนือของประเทศรัสเซีย มีนิสัยร่าเริง แจ่มใส รักสงบ ประจบเก่ง แต่มีความขี้อายนิด ๆ กลายเป็นเสน่ห์ที่หลายคนหลงใหลอยากได้มาเลี้ยงดู จนทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งอันดับสายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลกได้ไม่ยาก ด้วยราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 4,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 100,000 กว่าบาท เรียกได้ว่าราคาสูงลิ่วติดลมบนตลอดกาลเลยก็ว่าได้

              เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 อันดับสายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลก ที่เหล่าทาสต้องปาดเหงื่อกับราคาซื้อขายที่สูงลิ่วกันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความน่ารัก น่าเอ็นดู ส่งผลให้ผู้เลี้ยงมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ๆ มีความอบอุ่นใจ นั่นก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนแล้ว และที่สำคัญต้องเลี้ยงดูพวกเขาเป็นอย่างดีด้วย จะได้ไม่เป็นภาระของผู้อื่นในอนาคต

เครดิตภาพ : medium.com / petplace.com

#แมวแพง #ความรู้เรื่องแมว #ทาสแมว