Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

5 พันธุ์ไม้ตระกูลเศรษฐี ช่วยเรียกโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทอง มั่งมีศรีสุข


เรียกได้ว่าการปลูกต้นไม้ยังเป็นกระแสมาอย่างต่อเนื่อง หลายคนชื่นชอบเพราะนอกจากจะช่วยให้ร่มเงา เพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในมุมพักผ่อนแล้ว หลายชนิดยังเป็นไม้มงคลที่มีชื่อไพเราะ ความหมายดี และมีความเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ปลูกและผู้อาศัยภายในบ้านจะมีแต่โชคลาภ วาสนา เงินทอง มั่งมีศรีสุข อีกด้วย ดังนั้นมาดูกันว่ามีพันธุ์ไม้ตระกูลเศรษฐีที่กำลังเป็นที่นิยมมีต้นอะไรบ้าง พร้อมวิธีปลูก และการดูแล หากพร้อมแล้วไปดูกันเลย

1. ต้นเศรษฐีวิลสัน นับว่าเป็นอีกพันธุ์ไม้ตระกูลเศรษฐีที่เชื่อว่าจะช่วยเรียกทรัพย์ให้ผู้ปลูกได้ โดยเฉพาะช่วงที่กำลังออกดอกจะยิ่งมีโชคลาภมากยิ่งขึ้น ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Dieffenbachia Sp. วงศ์ Araceae ลักษณะทั่วไปเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นตรงทรงกระบอกมีปล้องและรากบริเวณข้อ ส่วนโคนมีกาบหุ้ม ริ้วสีขาวซ้อนเรียงกันเป็นชั้น ๆ ใบเรียวหนาสีเขียวเข้ม ขอบใบเรียบปลายเป็นติ่งแหลมสั้น ๆ และมีโคนมน โดยสามารถมองเห็นเส้นกลางใบได้อย่างชัดเจน ส่วนดอกเป็นช่อสีขาว จานรองเขียว ส่วนใหญ่จะออกครั้งเดียวในช่วงกลางปี

การขยายพันธุ์ใช้วิธีแยกหน่อและปักชำ นิยมนำมาปลูกกับดินร่วนในกระถาง โดยสามารถวางภายในบ้านได้ ชอบแดดรำไร หมั่นรดน้ำวันละครั้งแต่ไม่ควรแฉะเกินไป ทั้งนี้อาจมีน้ำยางควรระมัดระวังเด็กและสัตว์เลี้ยงเพราะอาจเกิดอาการแพ้ได้

2. ต้นเศรษฐีพันล้าน ไม้มงคลที่หลายคนนิยมนำมาปลูกกันเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมดวงการเงิน ทั้งยังปลูกได้ง่าย โตเร็ว โดยมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Kalanchoe Daigremontiana มีถิ่นกำเนิดในทวีฟแอฟริกา เป็นไม้ล้มลุก ที่ลำต้นและใบอวบน้ำ สีเขียวอ่อนตลอดทั้งต้น แตกใบเดี่ยวรูปทรงไข่แกมหอกสีเขียวอมฟ้า ขอบใบมีตาขึ้นโดยรอบ และมีต้นอ่อนเมื่อรากงอกสามารถแยกมาปลูกได้ ออกดอกเป็นช่อสีส้มถึงแดง มีลักษณะคล้ายระฆังคว่ำ

พันธุ์นี้สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิดที่ระบายน้ำได้ดี เติบโตได้ดีทั้งในร่มและกลางแจ้ง แต่ไม่ควรให้ถูกแสงแดดจัด ควรเป็นบริเวณที่มีแดดรำไร เพราะอาจเกิดปัญหาใบไหม้ การรดน้ำสัปดาห์ละครั้งและไม่จำเป็นต้องเติมปุ๋ยบ่อย ๆ ประมาณ 2-3 ครั้งต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว

3. ต้นเศรษฐีรวยทรัพย์ หรือ ฟิโลเดนดรอนรวยทรัพย์ เป็นอีกหนึ่งพันธุ์ไม้ตระกูลเศรษฐีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมโชคลาภ มีอำนาจบารมี ค้าขายร่ำรวย จัดอยู่ในวงศ์ Araceae ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Philodendron Sp. ‘Ruaysap’ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบบราซิลและอเมริกาใต้ เป็นไม้ล้มลุก จุดเด่นคือใบทรงรูปไข่ขนาดใหญ่ หนาเป็นมันสีเขียว ส่วนของโคนมนเว้าเข้าหากันคล้ายรูปหัวใจ ปลายเรียวแหลม ขอบเรียบ มีคลื่นหยักเล็กน้อย ออกดอกเป็นช่อสีขาวหุ้มด้วยกาบใบสีแดงอมชมพูตามซอกของใบ 

การขยายพันธุ์ทำได้ทั้งตอนกิ่ง ชำยอด และเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำ ควรวางไว้บริเวณที่มีแดดรำไร รดน้ำประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากจะใช้ตกแต่งบ้านแล้ว ยังปลูกเป็นไม้ตัดใบได้อีกด้วย

4. ต้นเศรษฐีเงินล้าน หรือ อโกลนีมา และในบางแห่งเรียกว่าต้นใบละพัน ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Aglaonema Sp. ‘Setthingoenlan’ มีต้นกำหนดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่อินเดีย จีนตอนใต้ เรื่อยไปจนถึงประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 1 ฟุต แต่มีอายุยืนหลายปี โดยมีลักษณะเด่นจากใบหอกแกมรูปไข่ ปลายแหลม ส่วนโคนมน ใบหนาผิวเรียบเป็นมันสีเขียวปนเทา บริเวณใกล้ ๆ ขอบใบมีลายเป็นแถบเขียวเข้มแบบเดียวกันกับเส้นกลางใบและใต้ใบ จึงเหมาะสำหรับเป็นไม้กระถางประดับบ้าน

ด้านการขยายพันธุ์ทำได้ทั้งการเพาะเมล็ด แยกหน่อ ปักชำ เจริญเติบโตในดินร่วน ควรวางไว้บริเวณแสงรำไร และหมั่นรดน้ำอย่างน้อยวันละครั้ง

5. ต้นเศรษฐีเรือนทอง จัดอยู่ในวงศ์ Araceae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Dieffenbachia ‘Mary’ เป็นไม้พุ่มที่มีต้นกำเนิดจากอเมริกาใต้ ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกับต้นสาวน้อยประแป้งซึ่งมีกาบใบหุ้มลำต้น แต่แตกต่างกันตรงใบรูปหอก ขนาดแคบกว่า หยักเป็นคลื่นเล็กน้อย นอกจากนี้ลวดลายใบด่างสีขาว ครีม ก็ไม่เหมือนกัน

การขยายพันธุ์ส่วนใหญ่ใช้วิธีการปักชำ และปลูกในดินร่วนระบายน้ำได้ดี วางไว้บริเวณที่มีแสงรำไร ทั้งนี้ควรเลี่ยงแดดจัด หมั่นรดน้ำให้ชุ่ม แต่ไม่แฉะ หากมีใบแห้ง เหี่ยวหรือติดโรคให้รีบกำจัดทันที เพราะอาจจะลุกลามได้ นอกจากนี้ควรเติมปุ๋ยคอกบำรุงด้วยจะทำสีของใบสวยงามเป็นอย่างมาก

เป็นอย่างไรกันบ้างกับพันธุ์ไม้ตระกูลเศรษฐีที่ได้แนะนำข้างต้น โดยแต่ละชนิดนอกจากจะมีชื่อที่มีความหมายดี ลำต้นสวยงามเหมาะสำหรับใช้ตกแต่งบ้านแล้ว ยังช่วยเสริมดวงด้านต่าง ๆ และบางชนิดยังเชื่อว่าช่วยป้องกันอันตรายจากสิ่งไม่ดี รวมถึงเสริมสิริมงคลเมตตามหานิยมอีกด้วย เมื่อรู้แบบนี้แล้วหากใครกำลังมองหาต้นไม้สำหรับปลูกสักต้น ลิสต์ด้านบนน่าจะตอบโจทย์ได้บ้างไม่มากก็น้อย

เครดิตภาพ : matichon.co.th / thaihometown.com

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

มาทำความรู้จัก ต้นมั่งมีไม้มงคล ปลูกง่าย โตเร็ว เสริมดวงโชคลาภ

เรียกได้ว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก ต้นมั่งมีไม้มงคล หรือเฉียงพร้านางแอ โดยเฉพาะกลุ่มนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ เพราะมีความเชื่อต่อกันมาว่า ช่วยเสริมโชคลาภ บารมี ช่วยให้เงินไหลนองทองไหลมา แถมยังให้ร่มเงา ร่มรื่นภายในบ้านได้ ทั้งยังใบร่วงน้อย ทำให้ไม่ต้องเก็บกวาดบ่อย ๆ และมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน รวมถึงมีรูปทรงที่สวยจึงกลายเป็นที่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประธานในการจัดส่วนอีกด้วย สำหรับใครที่อยากจะหามาไว้ที่บ้านสักต้นแต่ยังไม่รู้วิธีปลูกและดูแล มาตามอ่านได้จากบทความนี้กันได้เลย

ลักษณะของต้นมั่งมี

ต้นมั่งมีไม้มงคล ภาษาอังกฤษเรียกว่า Freshwater Mangrove Tree มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Carallia Brachiata (Lout.) Merr. จัดอยู่ในวงศ์ของ Rhizophoraceae มีถิ่นกำเนิดอยู่หลายแห่งทั่วโลก เช่น มาดากัสการ์ ศรีลังกา อินเดีย หมู่เกาะแปซิฟิก และแทบจะพบได้ในทุกภาคของประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเติบโตได้ดีในป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น ดิบแล้ง และป่าพรุ มีชื่อเรียกตามพื้นถิ่นแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น แก๊ก เขียงพร้า ตะแบง วงคด บางชื่ออาจจะไม่คุ้นหูหรือได้ยินได้บ่อย ๆ

ลักษณะโดยทั่วไปเป็นไม่ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 15-30 เมตร แต่บางต้นอาจจะสูงได้ถึง 50 เมตรเลยทีเดียว ส่วนของลำต้นตรง เปลือกสีน้ำตาลอมเทาหรือแดง ผิวเรียก แตกกิ่งเป็นรูปกรวยยอดทรงพุ่มทึบ ให้ใบดก ออกเป็นใบเดี่ยวรูปรี โคนใบสอบ ปลายมีติ่งเล็กแหลม แผ่นใบเกลี้ยงและมีความหนา ด้านขอบใบเรียบ บนใบจะเป็นสีเขียวเข้ม บริเวณท้องใบจะเป็นสีเขียวอ่อนกว่าเล็กน้อย ส่วนการออกดอกจะเป็นช่อ กระจุกสั้นอยู่ตามซอกใบ และปลายกิ่ง ในช่วงประมาณเดือนมกราคม-มีนาคม กลีบดอกเป็นสีครีม และมีผลเล็ก 0.5-1.8 เซนติเมตรเท่านั้น เมื่อแก่จะเปลี่ยนสีเป็นส้มอมแดงอ่อนไปจนถึงม่วงอมแดงเข้ม ภายในผลมีเมล็ดสีดำสามารถนำมาเพาะพันธุ์ได้

ประโยชน์ของต้นมั่งมี
เนื่องจากสามารถทนในสภาพอากาศร้อนได้ดี และไม่ผลัดใบ ทำให้ไม่ต้องเก็บกวาดบ่อย ๆ แถมแผ่กิ่งก้านสาขาในวงแคบ ให้ร่มเงากับตัวบ้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ทั้งยังเชื่อว่าต้นมั่งมีไม้มงคล จะเสริมโชคลาภ ส่งผลให้ผู้ปลูกมีบารมีและมั่งคั่งมีทรัพย์สมบัติเงินทองมากมาย 
ไม่เพียงเท่านี้ด้วยเนื้อไม้มีลวดลายที่สวยงามและแข็งแรง จึงสามารถนำมาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งได้ ในขณะเดียวกันยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยในการบรรเทาอาการป่วย เช่น ลดไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ และต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น

วิธีปลูกและการดูแลรักษา
การขยายพันธุ์ทำได้ด้วยการเพาะเมล็ด และปักชำ โดยเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด แต่ทั้งนี้ควรเป็นดินที่เก็บความชื้นและระบายน้ำได้ เช่น ดินร่วนปนทราย เป็นต้น จะส่งผลให้ลำต้นสวย และโตเร็ว ส่วนบริเวณที่ปลูกควรเป็นพื้นที่กว้าง ไกลจากบ้านประมาณ 4-5 เมตร และต้องมีไม้หลักช่วยยึดลำต้นด้วย ทั้งที่ควรเป็นพื้นที่ที่มีแสงแดดตลอดทั้งวัน และไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย ๆ เพียงสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรปล่อยให้พื้นดินแห้งจนเกินไป เพราะพันธุ์ไม้ชนิดนี้ชอบความชื้นสูง และควรบำรุงด้วยการใส่ปุ๋ยคอกรอบโคนต้นประมาณปีละ 1-2 ครั้งด้วย

นับว่าต้นมั่งมีไม้มงคล เป็นพันธุ์ของไทยที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงปลูก และเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตได้ดีแล้ว ยังให้ร่มเงา ให้ความสดชื่นเติมพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีความเชื่อต่อ ๆ กันมาว่า ปลูกแล้วจะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต อย่างกับชื่อของต้นไม้ชนิดนี้เลยทีเดียว

เครดิตภาพ : topgardensites.com / kapook.com

#การปลูกต้นไม้ #แต่งสวน #ต้นไม้มงคล

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

ไม้ดอกไม้ประดับที่นิยมปลูกไว้ริมรั้ว

รั้วบ้านจะดูสวยและสดชื่นขึ้นได้ หากเราปลูกไม้ดอกไม้ประดับเอาไว้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายชนิด แต่ส่วนมากจะเน้นต้นไม้ที่ค่อนข้างแข็งแรง และทนทาน เพราะต้องเจอกับแสงแดด สายฝน และลมอยู่ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้การเลือกก็จะเน้นที่ลักษณะของรั้วบ้านกันด้วย เช่น ถ้ารั้วบ้านเราเป็นไม้ลักษณะเหมือนไม้ระแนง หรือเป็นลูกกรง การปลูกไม้เลื้อยจะเพิ่มความสวยงามได้เป็นอย่างมาก และยังชวนมองอีกด้วยค่ะ โดยเฉพาะถ้าเป็นไม้ดอกในช่วงที่กำลังผลิบาน จะสวยจนคนที่ผ่านไปผ่านมาอดเหลียวมองไม่ได้ทีเดียว แต่ถ้าบ้านใครเป็นรั้วแบบทึบก็สามารถเลือกปลูกไม้ดอกได้เช่นกันนะคะ  สำหรับต้นไม้ที่นิยมปลูกไว้ริมรั้วก็อย่างเช่น 

1. ดอกกุหลาบ ปลูกไว้ติดริมรั้วเวลาออกดอกจะบานออกไปนอกรั้ว จะเหมาะกับบ้านที่รั้วมีลักษณะเป็นลูกกรง นอกจากจะช่วยให้ดูโดดเด่นขึ้นแล้ว ดอกกุหลาบยังช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นอีกด้วย หลายคนอาจจะรู้สึกว่ากุหลาบปลูกยาก จริงๆ แล้วถ้าเราหมั่นบำรุงดูแล และกำจัดวัชพืชรวมไปถึงศัตรูพืชและแมลงต่างๆ บ่อยๆ ก็จะช่วยให้กุหลาบเจริญเติบโตได้ดี 

2. ต้นโมก ปลูกไว้เป็นแนว เหมาะกับรั้วทุกแบบ ที่สำคัญต้นโมกจะค่อนข้างทนแดดทนฝน แต่จะเป็นต้นไม้ที่ค่อนข้างชอบน้ำ ดังนั้นหากจะปลูกต้นโมกต้องหมั่นรดน้ำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ บางบ้านยังปลูกเฉพาะต้นโมกแทนรั้วบ้านกันได้เลย เรียกได้ว่าเป็นรั้วบ้านสีเขียวจากธรรมชาติ แต่การปลูกต้องเว้นระยะห่างให้เหมาะสม และเมื่อต้นไม้เริ่มยาวหมั่นตัดแต่งก็จะทำให้ต้นไม้เรียงกันเป็นระเบียบ ตลอดแนว 

3. ต้นไผ่ ปกติบางบ้านเราก็ใช้ลำต้นของไผ่ในการทำรั้วบ้านกันอยู่แล้ว แต่ลองเปลี่ยนมาปลูกแทน จะให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ใบของต้นไผ่ยังให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ใครปลูกต้นไผ่ไว้ที่บริเวณรั้วบ้าน ยังจะได้อารมณ์ออกแนวเหมือนบ้านสไตล์ญี่ปุ่นกันเลยทีเดียวค่ะ 

4. ต้นเข็ม นอกจากจะสวยแล้ว ต้นเข็ม ยังเป็นต้นไม้อีกชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกเป็นรั้วบ้าน หรือปลูกประดับรั้ว เพราะขึ้นง่าย โตไว ดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก มีหลายสีสัน ดอกออกเป็นพุ่มหลายๆ ดอกรวมกันขึ้นอยู่กับชนิดและสายพันธุ์ ต้นเข็มจะมีความสูงเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 4-5 เมตร จึงเป็นรั้วบ้านได้อย่างดี ที่สำคัญยังสามารถตัดแต่งรูปทรงได้ตามต้องการอีกด้วย

ยังมีไม้ดอกไม้ประดับอีกหลายชนิดที่นิยมนำมาปลูกเป็นรั้วบ้าน ใครกำลังมองหากันอยู่อย่าลืมเลือกให้เหมาะกับรั้วและตัวบ้านของเรากันด้วยนะคะ รับรองได้เลยว่าจะเพิ่มบรรยากาศของการพักผ่อนได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ

เครดิตภาพ : kswood.com, NaiBann.com

#การดูแลต้นไม้ #ไม้ประดับรั้ว #ทริคการจัดสวน

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

รวม วิธีการปลูกตะบองเพชรที่ถูกต้อง ปี 2022

เป็นพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง ที่ผู้คนส่วนมากรู้จักกันและนำมาปลูก เพื่อประดับในการตกแต่งสิ่งของต่างๆมากมาย เครื่องประดับภายในบ้าน เพื่อให้ดูสดใสและมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เนื่องจากตะบองเพชรนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากมาย (เเคสตัส) ทำให้เมื่อเราเบื่อหรือเครียด เวลามองไปที่ต้นตะบองเพชร ก็จะทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้ ซึ่งหลายคน ก็คนอยากจะปลูกต้นตะบองเพชร กันเยอะมากๆ เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งพันธุ์ ไม้ที่เราสามารถดูแลได้ง่าย ไม่ยุ่งยากต่อการเลี้ยงดู แต่ใน เรื่องของการเจริญเติบโตนั้นก็อาจจะต้องใช้เวลา เพราะต้นตะบองเพชร ก็ต้องอาศัยแสงแดด เพื่อทำการ สังเคราะห์ต่างๆเป็นต้น

สำหรับวิธีการปลูกต้นตะบองเพชร ที่ถูกต้องในวันนี้จะมีวิธีอะไรกันบ้าง มาดูกัน!

  1. เป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องการน้ำมาก เเต่ไม่ควร ไม่รดน้ำเลย

 ต้นไม้ส่วนใหญ่ทุกชนิด ล้วนต้องได้รับการรดน้ำและดูแล เพื่อทำให้มีสารอาหารไปสังเคราะห์มากยิ่งขึ้น และน้านั้นยังทำให้ต้นไม้ไม่เหี่ยวเฉา เช่นเดียวกับตะบองเพชร ถึงจะเป็นต้นไม้พันธุ์ไม้ที่ไม่ต้องการน้ำมากขนาดนั้น แต่ยังไงเราก็ต้องจำเป็นรดน้ำให้ต่อเนื่อง เหมาะสม หากต้น ตะบองเพชร มีอัตราการเติบโตที่เต็มที่แล้ว ให้มันลดน้ำอย่างน้อย 1 ครั้ง ใน 1 สัปดาห์ เพื่อให้ต้นตะบองเพชรนั้น ยังได้รับน้ำบ้าง

  1. หากปลูกไว้ที่ที่มีแสงแดดรำไร จะช่วยเรื่องของการเจริญเติบโตได้ดีขึ้น 

 แน่นอนอยู่แล้วว่าต้น ตะบองเพชร เป็นต้นไม้ที่มี ความชอบในเรื่องของแสงแดดมากๆ หากเราปลูกอย่างถูกวิธีและนำไปไว้ที่ที่มีแสงแดดรำไร มีเเดด ดีๆ ก็จะช่วยส่งผลให้ต้นไม้ ของเราเจริญเติบโตได้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังควรหมั่นรดน้ำเมื่อดินแห้งจนเกินไป และพยายามใส่ปุ๋ยที่เป็นปุ๋ยสำหรับตะบองเพชร (เเคสตัส) ควรเลือกหาปุ๋ยที่เหมาะสม ต่อการปลูกด้วย

  1. ในช่วงการปลูกเริ่มแรก ด้วยเมล็ด 

 หากเรานั้นเริ่มทำการ ปลูกด้วยเมล็ด  ให้เราเอาเมล็ดที่ผลิจากผล มาทำการแช่น้ำประมาณ 5 นาที จากนั้นให้เราล้างเมือกออก และนำไปตากแดดบริเวณที่มีแดดดีๆ ประมาณวันสองวัน แล้วค่อยพักทิ้งไว้ประมาณเป็นเดือนๆ หรือ 1 เดือนกว่าๆ จากนั้นจึงค่อยนำลงมาปลูกในพลาสติก แนะนำให้ใช้เป็นดินทราย ในอัตรา 1:1 ส่วน หลังจากที่เรานำเมล็ดโรยไปแล้ว ให้เกลี่ยดินกลบให้เรียบร้อย รดน้ำ คลุมพลาสติก  วางไว้ในที่ที่มีแสงแดดจ้าพอควร หากเราเห็นว่าเมล็ดนั้นมีการงอกแล้ว ก็สามารถนำลงไปปลูกต่อในกระถางได้ เป็นต้น.

เครดิตภาพ : edtguide.com,  thairath.co.th

#การดูแลต้นไม้ #ต้นตะบองเพชร #ทริคการดูแลตะบองเพชร

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

วิธีการปลูกต้นไม้ ที่มือใหม่ควรรู้

หากคุณปลูกต้นไม้มานานแล้ว เรื่องนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณ แต่ถ้าเป็นมือใหม่ ในบางครั้งถ้าปลูกไม่ถูกวิธีอาจทำให้ต้นไม้ที่ลงทุนลงแรงและตั้งใจปลูกเกิดเหี่ยวเฉาและตายลงได้ ดังนั้นหากคุณยังไม่ชำนาญมากพอหรือยังไม่เคยปลูกต้นไม้กันมาก่อน ที่เรียกได้ว่าเป็นมือใหม่หัดปลูก มาดูกันก่อนนะคะว่าเราควรทำอย่างไรกันบ้าง เริ่มจาก 

1.เลือกพันธุ์ไม้ที่สนใจจะปลูก โดยให้ศึกษาดูก่อนว่า มีแบบไหนบ้างที่ค่อนข้างทน และสามารถเจริญเติบโตได้ง่าย เพื่อให้คุณสามารถนำมาปลูกและรอด ถ้าต้นแรกๆ รอด รับรองได้เลยว่าจะมีกำลังใจในการปลูกต้นต่อไป รวมทั้งหากไปซื้อที่ร้านให้ถามจากเจ้าของร้านกันด้วยถึงวิธีในการปลูก ซึ่งส่วนใหญ่จะยินดีให้คำแนะนำ 

2. ก่อนนำต้นไม้ออกจากกระถางไปปลูกที่ใดก็ตาม ควรทำการรดน้ำก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ดินจับตัวเป็นก้อน และเป็นวิธีที่ช่วยปกป้องรากได้เป็นอย่างดีอีกด้วย รากไม่ขาดต้นไม้ก็สามารถเจริญเติบโตได้ดี 

3. หากต้องการปลูกต้นไม้หรือย้าย ควรทำในช่วงเวลาเย็น ไม่ควรทำในตอนเช้า เพราะหลังจากปลูกผ่านมาสักพักจะเป็นช่วงกลางวันอากาศจะร้อน เป็นเวลาที่ต้นไม้คายน้ำ ถ้าเราพึ่งปลูกต้นไม้ยังฝั่งรากเพื่อยึดเกาะหาอาหารได้ไม่ดีพอ อาจทำให้ต้นไม้เหี่ยวเฉาได้ 

4. หากเลือกวัสดุในการปลูกเป็นกระถางดินเผา หรือลังไม้ ควรนำไปแช่น้ำกันก่อน เพื่อให้ชุ่มน้ำ เมื่อนำมาปลูกจะช่วยให้ต้นไม้มีความชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น 

5. ถ้าต้องการนำกระถางใบเก่าหรือวัสดุสำหรับปลูกต้นไม้ที่ใช้แล้วมาใช้ซ้ำ ควรนำไปล้างน้ำให้สะอาด และตากแดดให้แห้ง ก่อนนำมาใช้ใหม่ เพื่อเป็นการฆ่าเชื่อต่างๆ ที่อยู่ในกระถาง วิธีนี้ยังช่วยทำให้ต้นใหม่เจริญเติบโตได้ดี และไม่ติดโรคจากต้นเก่าซึ่งอาจจะมี 

6. ไม่ควรใส่ปุ๋ยมากหรือบ่อยจนเกินไป และควรเลือกประเภทปุ๋ยให้เหมาะกับต้นไม้ บางท่านอาจจะคิดว่าการใส่ปุ๋ยเป็นการบำรุงต้นไม้อย่างหนึ่ง ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ผิด แต่เราควรใส่ให้ถูกวิธีกันด้วย เพราะถ้าใส่ผิดรูปแบบหรือผิดประเภท ต้นไม้ของคุณก็อาจจะตายได้เช่นกัน 

7. อย่าลืมศึกษาเรื่องทั่วๆ ไปของต้นไม้กันด้วย เช่นไม้ดอกบางประเภทจะออกดอกได้ดีเมื่อได้รับน้ำน้อยหรือในช่วงหน้าแล้ง และไม้ใบบางประเภทเราจำเป็นจะต้องตัดแต่งกิ่งกันบ้าง ถึงจะช่วยให้ออกดอก ออกผลได้ดี ยิ่งขึ้น หรือแตกใบอ่อนที่สวยงามกว่าเดิม โดยเฉพาะพืชผักสวนครัว จะช่วยให้คุณสามารถเก็บผลผลิตไปรับประทานกันได้ 

เพียงทำตามวิธีข้างต้นมือใหม่ก็สามารถปลูกต้นไม้ให้เจริญเติบโตได้ดีเช่นกัน

เครดิตภาพ : buzzfeed.com, thairath.co.th

#ทริคการจัดสวน #การดูแลต้นไม้ #มือใหม่ปลูกต้นไม้

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

มาปลูกพริกในกระถางกันดีกว่า

พริกเป็นพืชผักสวนครัวอีกประเภทที่นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร มีรสชาติเผ็ดร้อนสามารถชูรสชาติของอาหารได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด เรียกได้ว่าในบ้านเรานิยมใช้พริกกันเกือบทุกเมนู ทำให้ในปัจจุบันมีราคาค่อนข้างแพงพอสมควร เมื่อเป็นแบบนี้เรามาปลูกไว้รับประทานกันเองดีกว่าค่ะ และวิธีปลูกในกระถางยังเหมาะสำหรับใครที่มีพื้นที่ในบริเวณบ้านไม่มาก คุณก็สามารถปลูกพริกเอาไว้รับประทานได้เช่นเดียวกัน จะมีวิธีการปลูกแบบไหนและต้องเตรียมอะไรบ้างนั้น ใครสนใจจะปลูกตามไปดูกันต่อนะคะ 

วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้

เมล็ดพริก, ดินสำหรับปลูก, น้ำอุ่น, ถ้วย, อุปกรณ์เพาะต้นกล้า, กระถางสำหรับปลูก, ปุ๋ยหมัก, อุปกรณ์สำหรับปลูกต่างๆ เช่น พลั่ว หรือเสียบอันเล็ก เป็นต้น 

ขั้นตอนการเพาะต้นกล้า

1. นำเมล็ดพริกแช่ในถ้วยที่เติมน้ำอุ่นไว้แล้ว ให้แช่ข้ามคืน เมื่อครบกำหนดให้นำออกมาผึ่งแดดจนแห้ง แล้วนำเมล็ดไปเพาะเป็นต้นกล้ากันต่อ 

2. ทำการผสมดินกับปุ๋ยในภาชนะสำหรับเพาะต้นกล้า และทำการขุดให้เป็นหลุมเล็กๆ แล้วทำการหยอดเมล็ดลงไป จากนั้นกลบ แล้วตามด้วยรดน้ำจนชุ่ม และนำไปวางไว้ในบริเวณที่แสงแดดส่องถึง 

3. ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ต้นกล้าจะเริ่มแทงยอดออกมา ให้ทำการย้ายไปปลูกในกระถางกันได้เลย

วิธีการปลูกต้นกล้าในกระถาง 

1. เตรียมดินสำหรับปลูกใส่ลงในกระถาง แล้วนำต้นกล้าที่เลือกมาปลูกอย่างเบามือ โดยทำเหมือนตอนเพาะต้นกล้า คือ ขุดหลุมเล็กๆ แล้วนำต้นกล้ามาใส่ลงไปจากนั้นกลบดิน แล้วรดน้ำให้ชุ่ม นำไปวางไว้ในบริเวณที่แสงแดดส่องถึงเช่นกัน 

2. ในช่วงเริ่มปลูกควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ จนกว่าพริกจะเริ่มออกดอกและเริ่มมีเม็ด ให้รดน้ำน้อยลง อย่างเช่นในช่วงแรกเรารดน้ำเช้า-เย็น ทุกวัน พอเริ่มออกดอกให้เปลี่ยนมาเป็นรดเฉพาะเช้าหรือเย็นเพียงครั้งเดียวก็พอ 

3. หมั่นดูแลใส่ปุ๋ย พรวนดิน อย่างสม่ำเสมอ และกำจัดศัตรูพืช รวมไปถึงวัชพืชต่างๆ เป็นประจำ ต้นพริกก็จะออกผลให้เราเก็บรับประทานกันได้ตลอดทั้งปี 

4. อีกเรื่องที่ไม่ควรลืมก็คือ ต้นพริกจะเป็นพืชที่ค่อนข้างชอบแสงแดด ดังนั้นไม่ควรวางตั้งไว้ในร่ม เพราะนอกจากจะไม่ทำให้พริกออกผลแล้ว อาจทำให้เหี่ยวเฉาและตายได้อีกด้วย 

เป็นยังไงกันบ้างไม่ยากเลยใช่ไหมค่ะ เพียงแค่นี้เราก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อพริกแพงๆ กันแล้วค่ะ บ้านไหนชอบทำกับข้าวและมักใช้พริกเป็นส่วนประกอบอยู่เสมอ มาปลูกพริกเอาไว้รับประทานกันเองดีกว่าค่ะ

เครดิตภาพ : sanook.com

#ทริคการจัดสวน #พืชผักสวนครัว #ปลูกพริกในกระถาง

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

ประดิษฐ์ของเหลือใช้เป็นกระถางต้นไม้ประดับสวน

หากคุณกำลังคิดจะจัดสวนและปลูกต้นไม้กันอยู่ รวมทั้งถ้าที่บ้านมีภาชนะเหลือใช้เก็บไว้เฉยๆ เรามาเปลี่ยนให้ใช้ประโยชน์ได้น่าจะดีกว่า เช่น นำมาปลูกต้นไม้ จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อกระถางให้สิ้นเปลือง ภาชนะเหล่านี้บางครั้งไม่สามารถย่อยสลายได้ หรือบางทีอาจต้องใช้เวลาหลายปี ที่สำคัญเวลาทำลายอาจส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนกันอีกด้วย ใครกำลังสนใจอยากลองนำกลับมาใช้ประโยชน์ ลองมาดูไอเดียการนำวัสดุเหลือใช้มาทำกระถางกันดีกว่าค่ะ

1. ขวดที่ทำมาจากพลาสติก โดยเฉพาะบ้านใครที่รับน้ำดื่มแบบขวดเป็นประจำ แล้วมักทิ้งลงถังขยะ หรือเก็บสะสมนำไปขาย ที่ราคาจะได้ไม่มากสักเท่าไร ลองนำมาตัดปากขวดออก แล้วใส่ดินลงไป ปลูกต้นไม้กันดีกว่าค่ะ สามารถใช้เป็นกระถางเพาะพันธุ์ หรือปลูกดอกไม้สวยๆ ไม่ก็พวกไม้ประดับ แล้วนำมาแขวนไว้ตามสถานที่ต่างๆ รอบบริเวณบ้าน ก็ช่วยให้บ้านดูสดชื่นได้ แถมต้นไม้ยังสามารถเจริญงอกงามได้ดีอีกด้วย 

2. รองเท้าบูทเก่าที่ทำมาจากยาง หลายท่านมักมีไว้สำหรับใส่ลุยสวน หรือเวลาที่เกิดน้ำท่วม ถ้าเก่าแล้วไม่ได้ใช้ลองนำมาปลูกต้นไม้ก็สวยเก๋เช่นเดียวกันค่ะ โดยเฉพาะแบบที่เป็นสีสันนำมาวางเรียงกัน ช่วยให้สวนของคุณจะดูโดดเด่นชวนมอง

3. กระป๋องเครื่องดื่มทุกชนิด นำมาตัดปากกระป๋องออก เพื่อให้มีพื้นที่กว้างขึ้น จากนั้นเจาะรูที่บริเวณด้านล่าง เพื่อให้น้ำไหลผ่าน เวลารดน้ำจะได้ไม่ขังและทำให้ต้นไม้ตาย สำหรับกระป๋องส่วนมากมักจะเป็นสีพื้นๆ อย่างเช่นกระป๋องนม เรานำมาเพ้นท์สีดีไซน์ใหม่ได้ตามต้องการ บอกเลยว่าบางครั้งจะมองแทบไม่ออกเลยว่ามันเคยเป็นกระป๋องนมมาก่อน 

4. ยางรถยนต์เก่า ถ้าหากเราใช้รถไปสักระยะ หรือเมื่อถึงเวลา ก็ควรทำการเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้การขับขี่ปลอดภัย เวลาไปเปลี่ยนให้ขอของเก่ากลับมาด้วย ซึ่งโดยมากไม่ว่าจะเปลี่ยนที่ไหน เขาก็ยินดีจะให้เรานำกลับมาใช้ประโยชน์ จริงๆ แล้วเราสามารถนำมาทำได้หลายอย่าง เพราะบางท่านนำมาประดิษฐ์เป็นโต๊ะ และเก้าอี้ ใช้ภายในบ้าน บางท่านก็นำไปเป็นถังใส่ขยะ รวมไปถึงการนำมาเป็นกระถางต้นไม้ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แค่ใส่ดินสำหรับปลูกลงไปจากนั้นก็นำต้นไม้ที่ต้องการลงไปปลูกได้เลย หรือใครจะเพิ่มสีสันโดยการระบายสีลงไป หรือวาดรูปสวยๆ ก็ไม่ว่ากันนะคะ

ยังมีวัสดุอีกหลายอย่างที่สามารถนำมาดัดแปลงเป็นกระถางสำหรับปลูกต้นไม้ ดอกไม้สวยๆ หรือนำมาปลูกพืชผักสวนครัว นอกจากจะทำให้บ้านร่มรื่นแล้วยังเก็บไว้รับประทานกันได้อีก ทราบกันแบบนี้แล้วเรามาเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ให้มีประโยชน์กันดีกว่าค่ะ

เครดิตภาพ :  pinterest.com,  decorreport.com

#ประดิษฐ์ของเหลือใช้ #กระถางต้นไม้ #ทริคการแต่งสวน

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

ปลูกทุเรียนในกระถาง ไม่ยากอย่างที่คิด

ทุเรียนถูกจัดเป็นราชาผลไม้ เพราะมีรสชาติหอมหวานมันอร่อยถูกปากใครหลายคน ไม่ใช่เฉพาะในบ้านเราเพียงเท่านั้น ทุเรียนยังเป็นผลไม้ส่งออกที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศด้วยเช่นกัน มีหลายประเทศที่พยายามปลูกทุเรียนให้มีรสชาติอร่อยเหมือนในบ้านเรา แต่ก็ยังเทียบเท่าไม่ได้ นอกจากนี้ทุเรียนยังเป็นผลไม้ที่ออกเพียงบางฤดูกาลเท่านั้น ในยุคก่อนการปลูกจะทำได้แค่เพียงบางพื้นที่ แต่ปัจจุบันเราสามารถพัฒนาสายพันธุ์จนสามารถปลูกได้เกือบทุกภาคของประเทศ รวมไปถึงการปลูกไว้ทานเองในบ้าน สำหรับบ้านใครที่มีพื้นที่ไม่มากแต่อยากปลูกไว้ทานเอง วันนี้เรามีวิธีการปลูกทุเรียนในกระถางมาฝากกัน รับรองได้เลยว่าพอถึงฤดูออกผลคุณจะมีทุเรียนรับประทานโดยไม่ต้องออกไปซื้อหากันเลยค่ะ ใครสนใจตามไปดูวิธีในการปลูกกันต่อได้เลย 

วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม 

1. กิ่งพันธุ์ทุเรียน เลือกแบบที่มีใบแก่และกิ่งต้องอายุไม่น้อยกว่า 1 ปี 

2. ดินดำ, แกลบ และ มูลวัว  

3. ตะกร้าหรือกระถางที่ใช้สำหรับปลูก เลือกใบขนาดให้พอเหมาะกับต้นทุเรียน

4. ไม้สำหรับปักหลัก, เชือก

5. วัสดุคลุมดิน เช่น หญ้าแห้ง ฟางข้าว และมูลสัตว์แห้ง เป็นต้น 

ขั้นตอนในการปลูก

1. เริ่มจากการเตรียมดิน ให้นำดินดำ 1 ส่วน ใส่ลงในกระถางสำหรับปลูกตามด้วย แกลบ 2 ส่วน และมูลวัว 1 ส่วน กะให้เหลือที่ว่างด้านบนเล็กน้อยไม่ต้องใส่จนเต็มกระถาง 

2. จากนั้นนำกิ่งพันธุ์ทุเรียนออกจากถุงชำ โดยไม่ต้องนำดินออกจนหมด ให้เอาออกเพียง  1/4 ของถุง 

3. เมื่อนำกิ่งพันธุ์ลงไปปลูกเรียบร้อยแล้ว ให้นำไม้มาปักหลักและผูกเชือกติดกับต้นทุเรียน เพื่อเป็นการค้ำยันลำต้นไว้ไม่ให้ล้ม

4. ทำการรดน้ำทันที แล้วนำวัสดุคลุมดินที่เตรียมไว้มาคลุมด้านบนเพื่อเป็นการเก็บความชื่นไว้ให้ต้นทุเรียน  

5. สำหรับการรดน้ำในช่วงแรกให้รดบริเวณโคนต้นเฉพาะในช่วงเช้า ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ต้นจะเริ่มผลิใบอ่อน 

6. การดูแลในช่วง 2 ปีแรก ให้บำรุงต้นด้วยปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอก หลังจากติดผลแล้วให้ปล่อยไว้สักระยะ แล้วใส่ปุ๋ยอีกครั้งในช่วง 5-6 สัปดาห์ จะเป็นการเร่งการเจริญเติบโตของผล นอกจากนี้อย่าลืมกำจัดวัชพืชและดูเรื่องแมลงรบกวนกันด้วย ถ้ามีแมลงรบกวนแนะนำให้หายากำจัดแมลงที่ผลิตจากธรรมชาติแทนการใช้สารเคมี เพียงเท่านี้ผลผลิตก็จะเจริญเติบโตงอกงามอย่างที่เราต้องการกันแล้ว 

ไม่ยากเลยใช่ไหมค่ะสำหรับการปลูกทุเรียนในกระถาง ใครสนใจลองนำไปปลูกกันดู เมื่อถึงฤดูออกผลคราวนี้คุณก็มีทุเรียนไว้รับประทานเองที่บ้านกันแล้วค่ะ

เครดิตภาพ : Pobpad

#ทริคการแต่งสวน #ปลูกทุเรียนในกระถาง #การปลูกต้นไม้

Categories
ทริคการแต่งสวนและเลี้ยงสัตว์

ชวนปลูกถั่วพูไว้ในบ้าน เก็บกินได้ตลอดปี

ถั่วพูเป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำไปบริโภคและยังเป็นที่ต้องการของตลาดกันตลอด เพราะสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายประเภท แต่ที่นิยมกันก็อย่างเช่น ต้มจิ้มน้ำพริก ผัดเผ็ดถั่วพู แกงเผ็ดถั่วพู เป็นต้น ถั่วพูเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตไว เป็นไม้ล้มลุกที่มีอายุสั้น ปลูกครั้งหนึ่งจะมีอายุประมาณ 60-110 วัน ใครที่ชอบทานถั่วพู หรือใครที่คิดจะปลูกเผื่อจำหน่ายวันนี้เรามีเคล็ดลับการปลูกถั่วพูให้ดก สามารถเก็บได้ตลอดทั้งปี มาฝาก

ขั้นตอนการเตรียมดิน

ก่อนอื่นเราต้องเตรียมดินให้พร้อมกันเสียก่อน เพราะถือว่ามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการปลูกต้นไม้ ไม่ใช่เฉพาะถั่วพูเท่านั้นนะคะ หากคุณต้องการปลูกไม่ว่าต้นอะไรก็แล้วแต่ ควรทำการเตรียมดินสำหรับปลูกที่เหมาะกับต้นไม้แต่ละชนิดกันด้วย สำหรับถั่วพูในขั้นตอนแรกให้คุณผสมดินสำหรับปลูกกับปุ๋ยหมักชีวภาพ และแกลบดำ ในปริมาณเท่าๆ กัน จากนั้นนำเมล็ดถั่วพูไปแช่น้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน ก่อนแล้วค่อยนำลงปลูกในกระถาง 

ขั้นตอนในการปลูกถั่วพู

1. นำเมล็ดถั่วพูมาหย่อนหรือจะใช้วิธีโรยก็ได้ประมาณ 2-3 เมล็ดต่อหนึ่งหลุม โดยหลุมไม่จำเป็นต้องลึกมาก แค่ให้เวลากลบดินแล้วมิดเมล็ดก็ถือว่าใช้ได้ โดยให้เลือกเมล็ดที่สมบูรณ์เท่านั้น เพื่อช่วยให้เจริญเติบโตได้ดี 

2. หลังจากหยอดเมล็ดแล้วให้ทำการรดน้ำทุกวัน เพียงวันละ 1 ครั้ง เมื่อถั่วพูเริ่มเจริญเติบโตให้ทำค้างไว้สำหรับให้ถั่วพูเลื้อย ถ้าไม่มีไม้เลื้อยถั่วพูจะเจริญเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควร และในระหว่างนี้แนะนำให้ใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพ 100 กรัม ต่อต้น ทุกๆ 15 วัน 

3. หลังจากการปลูกไปประมาณ 20 วัน ถั่วพูจะเริ่มออกฝัก และจากนั้นภายใน 45 วัน ก็จะสามารถเก็บฝักมารับประทานหรือจำหน่ายได้ แต่ก็อย่าลืมดูพวกแมลงและศัตรูพืชที่มารบกวนกันด้วย หากมีควรทำการกำจัดเสีย เพราะอาจทำให้ถั่วพูไม่เจริญเติบโตได้เต็มที่ และฝักที่ออกอาจจะไม่สมบูรณ์ 

ประโยชน์ดีๆ จากถั่วพู

เมื่อทราบวิธีปลูกกันแล้ว คราวนี้เราลองมาดูประโยชน์ดีจากถั่วพูกันบ้างดีกว่า แต่ต้องบอกก่อนว่าถ้าอยากให้ได้ผลดี เราควรกินเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และควรสลับกับอาหารประเภทอื่น เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างพอเพียงต่อความต้องการ 

– ฝัก นำมาตากแห้งแล้วบดละลายน้ำ ดื่มก่อนอาหาร 3 เวลา จะช่วยบำรุงร่างกาย หรือรับประทานแบบสดก็อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์หลายอย่าง โดยเฉพาะวิตามินหลายชนิด

– ใบ ช่วยแก้อาหารคลื่นไส้ อาเจียน

– หัว ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ

– ราก แก้ลมพิษกำเริบได้

ปลูกง่ายแถมมีประโยชน์แบบนี้ บ้านใครพอมีเนื้อที่ว่าง มาปลูกถั่วพูไว้ในบ้านกันดีกว่าค่ะ

เครดิตภาพ : noobeebee.com, esan108.com

#ทริคการทำสวน #พืชผักสวนครัว #การปลูกถั่วพูไว้ในบ้าน

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

วิธีปลูกเชอรี่ในบ้านแบบไม่เปลืองเนื้อที่

เชอรี่เป็นผลไม้เมืองหนาว ชอบอากาศเย็น และนิยมปลูกกันแทบทวีปยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ส่วนในโซนเอเชียจะมีปลูกเป็นบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และ เกาหลี แต่ก่อนในบ้านเราจะแทบไม่มีปลูกกันเลย ถ้าต้องการทานเชอรี่เราต้องสั่งนำเข้ามาจากประเทศ ซึ่งจากต้นทุนในการขนส่งทำให้ค่อนข้างมีราคาแพง แต่ปัจจุบันมีการนำมาปลูกทางภาคเหนือทำให้เราได้ทานเชอรี่ที่มีราคาถูกลง แต่นอกจากภาคเหนือในบ้านเราก็สามารถปลูกในภาคอื่นได้ด้วยเช่นกัน หลายท่านจะคิดว่าในเมื่อเป็นไม้เมืองหนาว แต่บ้านเราเป็นเขตโซนร้อน โดยเฉพาะภาคกลางจะค่อนข้างร้อนมาก แล้วจะมีโอกาสขึ้นไหม ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีความเป็นไปได้ แต่ถ้าช่วงไหนอากาศเย็นลงเชอรี่ก็จะออกผลให้คุณได้เช่นกัน ใครสนใจปลูกไว้ในบ้านสักต้นลองไปดูวิธีในการปลูกกันดีกว่า 

สายพันธุ์เชอรี่

เชอรี่จะมีสายพันธุ์หลักๆ อยู่สองแบบ นั่นก็คือ แบบที่มีรสชาติเปรี้ยว และแบบที่มีรสชาติหวาน สำหรับสีก็จะตั้งแต่ สีแดงสด สีส้ม และสีเหลือง นอกจากนี้ขนาดของผลก็จะแตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย 

ปลูกเชอรี่แบบไม่ให้เปลืองเนื้อที่ 

โดยทั่วไปแล้วเราสามารถทำได้สองรูปแบบ นั่นก็คือ ลงดิน และในกระถางต้นไม้ ซึ่งแบบหลังจะช่วยประหยัดเนื้อที่ได้มาก แถมยังเคลื่อนย้ายได้ง่ายอีกด้วย ที่สำคัญจากการทดลองทั้งสองแบบ กับพบว่าใส่กระถางจะออกผลและเจริญเติบโตได้ดีกว่า ที่สำคัญคุณยังสามารถดูแลรักษาได้ง่ายอีกด้วย และเราไม่จำเป็นต้องมีเนื้อที่ในบริเวณกว้างมาก ต้นเชอรี่ก็เจริญเติบโตได้เช่นกัน นอกจากนี้ใครที่อยากทำเป็นรายได้เสริม ก็ช่วยให้คุณสะดวกมากยิ่งขึ้น ต้นไม้ชนิดนี้นอกจากให้ผลสวยน่ารับประทานแล้ว ยังจัดเป็นไม้ประดับบ้านได้อีกด้วย 

วัสดุและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ 

– กระถางสำหรับปลูก จะเลือกเป็นพลาสติกหรือดินเผาก็ได้ตามความต้องการ หากไม่มีสามารถใช้เป็น ปีบ, ถังน้ำเก่า, กะละมังเก่า, โอ่งน้ำ, ยางรถยนต์  และ วงบ่อซีเมนต์ เป็นต้น

– ดินสำหรับปลูก จะให้เหมาะควรเป็น ดินดำ, แกลบดิบ

– ปุ๋ยมูลสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น มูลวัว มูลควาย และมูลไก่ เป็นต้น 

ขั้นตอนการปลูกเชอรี่ในกระถาง 

1. นำดินสำหรับปลูก 1 ส่วน ใส่ลงในกระถางหรือภาชนะที่เตรียมไว้ ตามด้วยแกลบ 2 ส่วน มูลสัตว์ 1 ส่วน 2. จากนั้นนำต้นกล้าหรือเมล็ดเชอรี่ ทำการปลูก ตามด้วยรดน้ำให้ดินชื้นพอหมาดๆ 

3. หลังจากปลูกเสร็จให้หมั่นใส่ปุ๋ยประมาณ 15 วันครั้ง โดยให้เลือกใช้เป็นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยมูลสัตว์ 4. หมั่นดูแลอย่าให้แมลงรบกวน 

เพียงเท่านี้เมื่อเวลาผ่านสักระยะ ต้นเชอรี่ของคุณก็จะค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้น อย่างที่ต้องการกันแล้วค่ะ 

เครดิตภาพ : pixabay.com

#ต้นไม้น่าปลูก #ทริคการปลูกต้นไม้ #ปลูกเชอรี่ในบ้าน