Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

5 พันธุ์ไม้ตระกูลเศรษฐี ช่วยเรียกโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทอง มั่งมีศรีสุข


เรียกได้ว่าการปลูกต้นไม้ยังเป็นกระแสมาอย่างต่อเนื่อง หลายคนชื่นชอบเพราะนอกจากจะช่วยให้ร่มเงา เพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในมุมพักผ่อนแล้ว หลายชนิดยังเป็นไม้มงคลที่มีชื่อไพเราะ ความหมายดี และมีความเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ปลูกและผู้อาศัยภายในบ้านจะมีแต่โชคลาภ วาสนา เงินทอง มั่งมีศรีสุข อีกด้วย ดังนั้นมาดูกันว่ามีพันธุ์ไม้ตระกูลเศรษฐีที่กำลังเป็นที่นิยมมีต้นอะไรบ้าง พร้อมวิธีปลูก และการดูแล หากพร้อมแล้วไปดูกันเลย

1. ต้นเศรษฐีวิลสัน นับว่าเป็นอีกพันธุ์ไม้ตระกูลเศรษฐีที่เชื่อว่าจะช่วยเรียกทรัพย์ให้ผู้ปลูกได้ โดยเฉพาะช่วงที่กำลังออกดอกจะยิ่งมีโชคลาภมากยิ่งขึ้น ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Dieffenbachia Sp. วงศ์ Araceae ลักษณะทั่วไปเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นตรงทรงกระบอกมีปล้องและรากบริเวณข้อ ส่วนโคนมีกาบหุ้ม ริ้วสีขาวซ้อนเรียงกันเป็นชั้น ๆ ใบเรียวหนาสีเขียวเข้ม ขอบใบเรียบปลายเป็นติ่งแหลมสั้น ๆ และมีโคนมน โดยสามารถมองเห็นเส้นกลางใบได้อย่างชัดเจน ส่วนดอกเป็นช่อสีขาว จานรองเขียว ส่วนใหญ่จะออกครั้งเดียวในช่วงกลางปี

การขยายพันธุ์ใช้วิธีแยกหน่อและปักชำ นิยมนำมาปลูกกับดินร่วนในกระถาง โดยสามารถวางภายในบ้านได้ ชอบแดดรำไร หมั่นรดน้ำวันละครั้งแต่ไม่ควรแฉะเกินไป ทั้งนี้อาจมีน้ำยางควรระมัดระวังเด็กและสัตว์เลี้ยงเพราะอาจเกิดอาการแพ้ได้

2. ต้นเศรษฐีพันล้าน ไม้มงคลที่หลายคนนิยมนำมาปลูกกันเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมดวงการเงิน ทั้งยังปลูกได้ง่าย โตเร็ว โดยมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Kalanchoe Daigremontiana มีถิ่นกำเนิดในทวีฟแอฟริกา เป็นไม้ล้มลุก ที่ลำต้นและใบอวบน้ำ สีเขียวอ่อนตลอดทั้งต้น แตกใบเดี่ยวรูปทรงไข่แกมหอกสีเขียวอมฟ้า ขอบใบมีตาขึ้นโดยรอบ และมีต้นอ่อนเมื่อรากงอกสามารถแยกมาปลูกได้ ออกดอกเป็นช่อสีส้มถึงแดง มีลักษณะคล้ายระฆังคว่ำ

พันธุ์นี้สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิดที่ระบายน้ำได้ดี เติบโตได้ดีทั้งในร่มและกลางแจ้ง แต่ไม่ควรให้ถูกแสงแดดจัด ควรเป็นบริเวณที่มีแดดรำไร เพราะอาจเกิดปัญหาใบไหม้ การรดน้ำสัปดาห์ละครั้งและไม่จำเป็นต้องเติมปุ๋ยบ่อย ๆ ประมาณ 2-3 ครั้งต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว

3. ต้นเศรษฐีรวยทรัพย์ หรือ ฟิโลเดนดรอนรวยทรัพย์ เป็นอีกหนึ่งพันธุ์ไม้ตระกูลเศรษฐีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมโชคลาภ มีอำนาจบารมี ค้าขายร่ำรวย จัดอยู่ในวงศ์ Araceae ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Philodendron Sp. ‘Ruaysap’ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบบราซิลและอเมริกาใต้ เป็นไม้ล้มลุก จุดเด่นคือใบทรงรูปไข่ขนาดใหญ่ หนาเป็นมันสีเขียว ส่วนของโคนมนเว้าเข้าหากันคล้ายรูปหัวใจ ปลายเรียวแหลม ขอบเรียบ มีคลื่นหยักเล็กน้อย ออกดอกเป็นช่อสีขาวหุ้มด้วยกาบใบสีแดงอมชมพูตามซอกของใบ 

การขยายพันธุ์ทำได้ทั้งตอนกิ่ง ชำยอด และเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำ ควรวางไว้บริเวณที่มีแดดรำไร รดน้ำประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากจะใช้ตกแต่งบ้านแล้ว ยังปลูกเป็นไม้ตัดใบได้อีกด้วย

4. ต้นเศรษฐีเงินล้าน หรือ อโกลนีมา และในบางแห่งเรียกว่าต้นใบละพัน ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Aglaonema Sp. ‘Setthingoenlan’ มีต้นกำหนดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่อินเดีย จีนตอนใต้ เรื่อยไปจนถึงประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 1 ฟุต แต่มีอายุยืนหลายปี โดยมีลักษณะเด่นจากใบหอกแกมรูปไข่ ปลายแหลม ส่วนโคนมน ใบหนาผิวเรียบเป็นมันสีเขียวปนเทา บริเวณใกล้ ๆ ขอบใบมีลายเป็นแถบเขียวเข้มแบบเดียวกันกับเส้นกลางใบและใต้ใบ จึงเหมาะสำหรับเป็นไม้กระถางประดับบ้าน

ด้านการขยายพันธุ์ทำได้ทั้งการเพาะเมล็ด แยกหน่อ ปักชำ เจริญเติบโตในดินร่วน ควรวางไว้บริเวณแสงรำไร และหมั่นรดน้ำอย่างน้อยวันละครั้ง

5. ต้นเศรษฐีเรือนทอง จัดอยู่ในวงศ์ Araceae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Dieffenbachia ‘Mary’ เป็นไม้พุ่มที่มีต้นกำเนิดจากอเมริกาใต้ ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกับต้นสาวน้อยประแป้งซึ่งมีกาบใบหุ้มลำต้น แต่แตกต่างกันตรงใบรูปหอก ขนาดแคบกว่า หยักเป็นคลื่นเล็กน้อย นอกจากนี้ลวดลายใบด่างสีขาว ครีม ก็ไม่เหมือนกัน

การขยายพันธุ์ส่วนใหญ่ใช้วิธีการปักชำ และปลูกในดินร่วนระบายน้ำได้ดี วางไว้บริเวณที่มีแสงรำไร ทั้งนี้ควรเลี่ยงแดดจัด หมั่นรดน้ำให้ชุ่ม แต่ไม่แฉะ หากมีใบแห้ง เหี่ยวหรือติดโรคให้รีบกำจัดทันที เพราะอาจจะลุกลามได้ นอกจากนี้ควรเติมปุ๋ยคอกบำรุงด้วยจะทำสีของใบสวยงามเป็นอย่างมาก

เป็นอย่างไรกันบ้างกับพันธุ์ไม้ตระกูลเศรษฐีที่ได้แนะนำข้างต้น โดยแต่ละชนิดนอกจากจะมีชื่อที่มีความหมายดี ลำต้นสวยงามเหมาะสำหรับใช้ตกแต่งบ้านแล้ว ยังช่วยเสริมดวงด้านต่าง ๆ และบางชนิดยังเชื่อว่าช่วยป้องกันอันตรายจากสิ่งไม่ดี รวมถึงเสริมสิริมงคลเมตตามหานิยมอีกด้วย เมื่อรู้แบบนี้แล้วหากใครกำลังมองหาต้นไม้สำหรับปลูกสักต้น ลิสต์ด้านบนน่าจะตอบโจทย์ได้บ้างไม่มากก็น้อย

เครดิตภาพ : matichon.co.th / thaihometown.com

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

รวม 6 เทรนด์ต้นไม้น่าปลูกแห่งปี 2022 สายรักธรรมชาติไม่ควรพลาด


กระแสการปลูกต้นไม้ในประเทศไทยบ้านเรา เรียกได้ว่าไม่มีแผ่วลงไปอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะสามารถปลูกเป็นงานอดิเรกเพื่อคลายเครียด ใช้เวลาว่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์แล้ว บางคนอาจสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสดชื่น สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ให้ภายในบ้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่การปลูกต้นไม้จะไม่เคยตกยุคลงไป ทั้งยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง มีดูกันว่ามีเทรนด์ต้นไม้น่าปลูกแห่งปี2022 มีอะไรบ้าง ปลูกไว้ไม่ล้าสมัย ไปดูกันเลย

1. โฮยา ต้นไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตอนบนของประเทศออสเตรเลีย และมีสายพันธุ์มากกว่า 200 ชนิดอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไม้เลื้อย โดยพันธุ์ที่สามารถพบเห็นได้บ่อยและมีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจปลูกกันเป็นจำนวนมาก คือ ใบหัวใจ วาเลนไทน์ หรือหัวใจทศกัณฐ์ ด้วยมีจุดเด่นอยู่ที่ใบเป็นรูปหัวใจคว่ำ อวบน้ำ แผนใบกว้างมีเขียวเข้ม ปลูกแลดูแลง่าย เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำได้ดี ทั้งนี้ควรวางไว้ที่มีแสงแดดรำไร และหมั่นรดน้ำวันละ 2 ครั้ง โดยไม่ให้แฉะจนเกินไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราขึ้นได้

2. ซีโกเนียม หรือต้นเงินไหลมา เป็นอีกหนึ่งต้นไม้น่าปลูกแห่งปี2022 ด้วยเป็นไม้ประดับที่มีใบสวย โดยมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่าปลูกแล้วจะมั่งคั่งร่ำรวยเหมือนชื่อนั่นเอง ซึ่งพันธุ์นี้จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนผสมกาบมะพร้าว ตั้งไว้บริเวณที่มีแสงแดดรำไร รดน้ำไม่ต้องบ่อยเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ทั้งนี้ข้อควรระวังคือส่วนใบจะมีสารแคลเซียมออกซาเลต เป็นพิเศษอ่อน ๆ ที่ไม่ปลอดภัยกับเด็กและสัตว์เลี้ยง หากกัดหรือกลืนลงไปอาจส่งผลให้ปากบวม และมีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้

3. ไม้โขด นับว่าเป็นเทรนด์ต้นไม้น่าปลูกแห่งปีที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสวยงามแปลกตาจากฟอร์มต้น โดยเฉพาะส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่ และอวบน้ำเป็นอย่างมาก ด้านการดูแลรักษาก็มีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ แต่โดยส่วนใหญ่จะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงรำไร เพียงเท่านี้ก็เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้านได้เป็นอย่างดีแล้ว

4. บีโกเนีย เป็นไม้ประดับที่มีมากกว่า 1,000 ชนิดทั่วโลก โดยแต่ละพันธุ์มีลักษณะ ขนาด ชนิด และสีสันที่มีความแตกต่างกันออกไป สามารถนำไปจัดสวน หรือวางไว้ภายในบ้านก็ให้ความสวยงามไม่แพ้กัน การปลูกควรเป็นดินร่วนและระบายน้ำได้ดี ไม่มีน้ำขัง แต่คงเก็บความชื้นไว้ได้ หากมีแสงสว่างอย่างเพียงพอก็จะเจริญเติบโตได้ดี ทั้งนี้ไม่ควรโดนแดดจัด ๆ รดน้ำเมื่อดินเริ่มแห้ง และควรรดบริเวณหน้าดินโดยตรง หากโดนใบจะทำให้ร่วงได้

5. พลูสนิม อีกหนึ่งเทรนด์ต้นไม้น่าปลูกแห่งปี2022ตระกูลพลูยอดนิยม มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ใบเป็นรูปหัวใจ โคนใบหยัก ปลายเรียวมีติ่งแหลม เส้นกลางใบสีเหลืองชัดเจน ผิวใบข้างบนสีเขียว ส่วนใต้ใบเป็นสีส้มและแดงเข้ม นับว่าเป็นไม้เลี้ยงที่สามารถปลูกในกระถางหรือแขวนประดับก็ได้ โดยสามารถเลี้ยงได้ไกลถึง 24 นิ้ว เติบโตได้ดีในดินร่วมผสมกับหินเพอร์ไลต์และพีทมอส ทั้งนี้หากอยากให้มีใบสวยควรนำไปวางไว้ในที่ที่มีแสงแดดรำไร

6. คลาสซูล่า มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอปริกา จุดเด่นของสายพันธุ์นี้อยู่ตรงที่สามารถปรับตัวได้กับทุกสภาพอากาศ เหมาะสำหรับบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงทั้งวัน ทั้งยังชอบความชื้นต่ำ ต้องการน้ำน้อย รดน้ำเพียงไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว แถมปลูกได้ในดินทั่วไปอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าจะช่วยนำความโชคดีมาให้ผู้ปลูกได้

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเทรนด์ต้นไม้น่าปลูกแห่งปี2022 ที่เรียกได้ว่าแต่ละชนิดมีความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว หากใครสะดุดตาหรือสนใจต้นไหนก็สามารถไปหาเลือกซื้อมาปลูกได้ตามความชอบ อย่างไรก็ตามการปลูกต้นไม้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนแต่ละสายพันธุ์มีความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรศึกษาวิธีการปลูกและดูแลรักษาด้วย ไม่อย่างนั้นอาจเฉาตายขึ้นมาได้

เครดิตภาพ : blockdit.com / naewna.com /

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

มาทำความรู้จัก ต้นมั่งมีไม้มงคล ปลูกง่าย โตเร็ว เสริมดวงโชคลาภ

เรียกได้ว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก ต้นมั่งมีไม้มงคล หรือเฉียงพร้านางแอ โดยเฉพาะกลุ่มนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ เพราะมีความเชื่อต่อกันมาว่า ช่วยเสริมโชคลาภ บารมี ช่วยให้เงินไหลนองทองไหลมา แถมยังให้ร่มเงา ร่มรื่นภายในบ้านได้ ทั้งยังใบร่วงน้อย ทำให้ไม่ต้องเก็บกวาดบ่อย ๆ และมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน รวมถึงมีรูปทรงที่สวยจึงกลายเป็นที่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประธานในการจัดส่วนอีกด้วย สำหรับใครที่อยากจะหามาไว้ที่บ้านสักต้นแต่ยังไม่รู้วิธีปลูกและดูแล มาตามอ่านได้จากบทความนี้กันได้เลย

ลักษณะของต้นมั่งมี

ต้นมั่งมีไม้มงคล ภาษาอังกฤษเรียกว่า Freshwater Mangrove Tree มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Carallia Brachiata (Lout.) Merr. จัดอยู่ในวงศ์ของ Rhizophoraceae มีถิ่นกำเนิดอยู่หลายแห่งทั่วโลก เช่น มาดากัสการ์ ศรีลังกา อินเดีย หมู่เกาะแปซิฟิก และแทบจะพบได้ในทุกภาคของประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเติบโตได้ดีในป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น ดิบแล้ง และป่าพรุ มีชื่อเรียกตามพื้นถิ่นแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น แก๊ก เขียงพร้า ตะแบง วงคด บางชื่ออาจจะไม่คุ้นหูหรือได้ยินได้บ่อย ๆ

ลักษณะโดยทั่วไปเป็นไม่ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 15-30 เมตร แต่บางต้นอาจจะสูงได้ถึง 50 เมตรเลยทีเดียว ส่วนของลำต้นตรง เปลือกสีน้ำตาลอมเทาหรือแดง ผิวเรียก แตกกิ่งเป็นรูปกรวยยอดทรงพุ่มทึบ ให้ใบดก ออกเป็นใบเดี่ยวรูปรี โคนใบสอบ ปลายมีติ่งเล็กแหลม แผ่นใบเกลี้ยงและมีความหนา ด้านขอบใบเรียบ บนใบจะเป็นสีเขียวเข้ม บริเวณท้องใบจะเป็นสีเขียวอ่อนกว่าเล็กน้อย ส่วนการออกดอกจะเป็นช่อ กระจุกสั้นอยู่ตามซอกใบ และปลายกิ่ง ในช่วงประมาณเดือนมกราคม-มีนาคม กลีบดอกเป็นสีครีม และมีผลเล็ก 0.5-1.8 เซนติเมตรเท่านั้น เมื่อแก่จะเปลี่ยนสีเป็นส้มอมแดงอ่อนไปจนถึงม่วงอมแดงเข้ม ภายในผลมีเมล็ดสีดำสามารถนำมาเพาะพันธุ์ได้

ประโยชน์ของต้นมั่งมี
เนื่องจากสามารถทนในสภาพอากาศร้อนได้ดี และไม่ผลัดใบ ทำให้ไม่ต้องเก็บกวาดบ่อย ๆ แถมแผ่กิ่งก้านสาขาในวงแคบ ให้ร่มเงากับตัวบ้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ทั้งยังเชื่อว่าต้นมั่งมีไม้มงคล จะเสริมโชคลาภ ส่งผลให้ผู้ปลูกมีบารมีและมั่งคั่งมีทรัพย์สมบัติเงินทองมากมาย 
ไม่เพียงเท่านี้ด้วยเนื้อไม้มีลวดลายที่สวยงามและแข็งแรง จึงสามารถนำมาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งได้ ในขณะเดียวกันยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยในการบรรเทาอาการป่วย เช่น ลดไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ และต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น

วิธีปลูกและการดูแลรักษา
การขยายพันธุ์ทำได้ด้วยการเพาะเมล็ด และปักชำ โดยเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด แต่ทั้งนี้ควรเป็นดินที่เก็บความชื้นและระบายน้ำได้ เช่น ดินร่วนปนทราย เป็นต้น จะส่งผลให้ลำต้นสวย และโตเร็ว ส่วนบริเวณที่ปลูกควรเป็นพื้นที่กว้าง ไกลจากบ้านประมาณ 4-5 เมตร และต้องมีไม้หลักช่วยยึดลำต้นด้วย ทั้งที่ควรเป็นพื้นที่ที่มีแสงแดดตลอดทั้งวัน และไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย ๆ เพียงสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรปล่อยให้พื้นดินแห้งจนเกินไป เพราะพันธุ์ไม้ชนิดนี้ชอบความชื้นสูง และควรบำรุงด้วยการใส่ปุ๋ยคอกรอบโคนต้นประมาณปีละ 1-2 ครั้งด้วย

นับว่าต้นมั่งมีไม้มงคล เป็นพันธุ์ของไทยที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงปลูก และเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตได้ดีแล้ว ยังให้ร่มเงา ให้ความสดชื่นเติมพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีความเชื่อต่อ ๆ กันมาว่า ปลูกแล้วจะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต อย่างกับชื่อของต้นไม้ชนิดนี้เลยทีเดียว

เครดิตภาพ : topgardensites.com / kapook.com

#การปลูกต้นไม้ #แต่งสวน #ต้นไม้มงคล

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

“ด็อบสันฟลายยักษ์” แมลงตัวโตเท่ามือคนผู้มีเขี้ยวแหลมยาว!

ในโลกอันกว้างใหญ่ของเราที่มีสิ่งมีชีวิตหลากสปีชีส์อาศัยอยู่ร่วมโลกกันเพียงแค่ต่างสถานะ มีทั้งแบบพึ่งพาอาศัยกัน แบบล่ากัน แบบได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว และแบบส่งผลเสียกันและกัน หากจะกล่าวถึงสัตว์สปีชีส์ที่เป็นหนึ่งในการดำรงชีวิตดังกล่าวซึ่งมีความน่ากลัวมากแม้จะตัวเล็ก ใคร ๆ ย่อมจะนึกถึงสัตว์โลกประเภทแมลงที่แม้เราจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ด้วยลักษณะของปีกและลำตัวภายนอกของแมลงหลากหลายชนิดกลับทำให้มีความโดดเด่นน่าค้นหาจนบางตัวก็มีลักษณะที่ชวนให้ขนลุกไม่แตกต่างต่างจากพวกสัตว์ทะเลสุดแปลกเลย ซึ่งวันนี้ไหน ๆ ก็มาพูดเรื่องราวของแมลงแล้ว เราเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าควรจะแนะนำคุณให้รู้จักกับแมลงชนิดหนึ่งที่มีความน่าอัศจรรย์ของลำตัวที่เขาว่าใหญ่เท่ามือคนด้วยนะเออ! แค่ฟังก็น่าขนลุกแล้ว เอาเป็นว่าเรามาเข้าสู่การอ่านค้นคว้าโลกของ “เจ้าด็อบสันฟลายยักษ์”กันเลยดีกว่า

ทำความรู้จักกับ “ด็อบสันฟลายยักษ์”

“ด็อบสันฟลายยักษ์” หรือ “Giant Dobsonfly” เป็นแมลงน้ำบินที่มีลำตัวสีดำ – สีน้ำตาลขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจนเรียกได้ว่าขนาดของมันใหญ่เท่ากับฝ่ามือของคนทีเดียวไม่ต่างกับปีกของมันสองข้างที่ระนาบกับลำตัวยาว 21 เซนติเมตร ปลายโค้งมนสวยงามมีลายเป็นแขนงเส้นสีดำเด่นชัดคล้ายผีเสื้อ อีกทั้งยังมีหนวดที่งอกออกมาเป็นงวงยาว เขี้ยวแหลมคล้ายกับด้วงกระจายพันธุ์อยู่ทั่วไปในประเทศจีน อเมริกา และแอฟริกาใต้ เห็นน่ากลัวจนผู้คนสะพรึงขนาดนี้ แต่แท้จริงด็อบสันฟลายยักษ์ไม่ใช่แมลงนักล่าแต่อย่างใดเลยและออกจะมีลักษณะนิสัยชอบอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและเริงร่าท่ามกลางแสงไฟตามอัธยาศัยแบบโลกสวยไม่ต่างจากแมงเม่าเลย แต่ด้วยลักษณะตัวทำให้ไม่มีแมลงตัวใดอยากเข้าใกล้มันมากนักเช่นกัน

การดำรงชีวิตของ “ด็อบสันฟลายยักษ์”

“ด็อบสันฟลายยักษ์” มีการดำรงชีวิตตามวัฏจักรที่ไม่ต่างจากแมลงน้ำทั่วไปที่ออกหากินในเวลากลางคืนและซ่อนตัวใต้ใบไม้ใหญ่ในเวลากลางวัน ตั้งแต่คลอดออกมาเป็นตัวอ่อนจนถึงโตเต็มวัยมันจะไม่ค่อยไปไหนที่ไกลจากแหล่งน้ำมากนัก แม้แต่ช่วงผสมพันธุ์และวางไข่ก็ยังวางไว้บริเวณแหล่งน้ำ โดยก่อนผสมพันธุ์จะมีการเกี้ยวกันโดยใช้ขากรรไกรและชูเขี้ยวยาวที่สวยงามหากใครชูได้สวยงามกว่ากันก็จะถูกตัวเมียเลือกเป็นคู่ อีกทั้งด็อบสันฟลายยักษ์ยังเป็นผู้ที่มีสัญชาตญาณไวต่อความเปลี่ยนแปลงการเป็นธรรมชาติของน้ำด้วย หากแหล่งน้ำใดไม่บริสุทธิ์มันก็จะขนไข่และพาคู่ของมันหนีกันไปแหล่งน้ำอื่น มันจึงถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพน้ำชั้นดีของนักวิทยาศาสตร์และนักทรัพยากรสิ่งแวดล้อม สามารถตรวจสอบสารพิษและสิ่งเจือปนในน้ำได้

อาหารสุดโปรดของ “ด็อบสันฟลายยักษ์”

“ด็อบสันฟลายยักษ์” มีอาหารสุดโปรดปรานที่พวกมันชื่นชอบเพียงหนึ่งเดียว คือ “ยางไม้” ซึ่งพวกมันสามารถกินยางไม้ที่ไหลออกมาจากต้นไม้ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ได้โดยการใช้เขี้ยวเจาะต้นไม้บริเวณที่ตรวจสอบดูรู้ว่าส่วนไหนที่จะได้น้ำยางมากที่สุด

เครดิตภาพ : worldnewsroom.info

#ความรู้เรื่องสัตว์ #แมลง #สัตว์แปลก

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

ต้นไม้ใหญ่ที่นิยมปลูกในบ้าน

หลายบ้านที่มีบริเวณกว้างๆ นิยมปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ภายในบ้าน เพราะนอกจากให้ร่มเงาแล้วยังทำให้บ้านไม่ร้อน และต้นไม้บางชนิดยังมีความเชื่อในเรื่องของการเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่บ้านได้อีกด้วย แต่สิ่งสำคัญก็คือบ้านคุณควรมีบริเวณกว้างพอสมควร และไม่ควรปลูกติดรั้วหรือตัวบ้านจนเกินไป เพราะเมื่อต้นไม้เจริญเติบโตขึ้นอาจไปเบียดรั้วและตัวบ้านได้ นอกจากนี้รากยังชอนไชไปตามที่ต่างๆ จะส่งผลให้รั้วทรุดหรือท่อน้ำบริเวณใต้ดินแตกได้ ดังนั้นควรปลูกในรัศมีที่คิดว่าห่างไกลจากสิ่งเหล่านี้ สำหรับต้นไม้ที่นิยมปลูกไว้ในบ้านจะมีหลายชนิด อาทิเช่น

1. ต้นมะม่วง เป็นต้นไม้ที่ขึ้นง่าย ปลูกได้ทั่วภูมิภาคในบ้านเรา โตไว และไม่ต้องบำรุงรักษามาก นิยมนำมาปลูกไว้ในบ้านนอกจากให้ร่มเงาแล้ว ยังเก็บผลไว้รับประทานได้อีกด้วย ซึ่งถ้าดูแลรักษาดี ผลจะออกเต็มต้น ดกจนเจ้าของทานไม่ทันกันเลยทีเดียว 

2. ต้นขนุน นอกจากประโยชน์จากร่มเงาแล้ว ยังมีความเชื่อกันด้วยว่าขนุนจะช่วยหนุนนำสิ่งดีๆ ให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านตามชื่อของขนุนนั่นเอง นอกจากนี้ผลของขนุนยังมีรสชาติหวานอร่อยถูกใจใครหลายคน โดยทั่วไปแล้วขนุนสามารถออกผลได้ถึงปีละ 2 ครั้งเลยทีเดียว ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษา 

3. ต้นหูกระจง บางท่านอาจเคยได้ยินที่เขาพูดกันว่าต้นหูกระจง ควรปลูกเอาไว้ไกลบ้าน จริงๆ แล้วไม่ใช่เพราะว่าเป็นต้นไม้ที่ไม่เป็นมงคลหรืออย่างไร แต่เป็นเพราะหูกระจงจะโตไวมาก และแผ่กิ่งก้านสาขาขยายออกไปเป็นวงกว้างพอสมควร ซึ่งถ้าปลูกไว้ใกล้บ้านกิ่งของมันอาจไปโดนหลังคาหรือท่อระบายน้ำด้านบนทำให้เกิดความเสียหายได้นั่นเอง ดังนั้นจึงควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้าน

4. ต้นไทรย้อย  เป็นไม้ยืนต้นที่มีขนาดกลางไปจนถึงต้นใหญ่ โดยทั่วไปแล้วจะสูงประมาณ 10-20 เมตร ลำต้นตรงมีก้านออกเป็นลักษณะพุ่ม และยังมีรากห้อยตามกิ่งและบริเวณลำต้นอีกด้วย ช่วยให้มองแล้วสวยแปลกตา ที่สำคัญยังบังแดดได้ดี มีความเชื่อต่อๆ กันมาว่า ใครปลูกต้นไทรย้อยไว้ในบ้านจะช่วยส่งเสริมให้คนในบ้านอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข เช่นเดียวกับต้นไทรย้อยที่เวลามองจะรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ 

ยังมีต้นไม้ใหญ่อีกหลายชนิดที่นิยมนำมาปลูกไว้ในบ้าน โดยเฉพาะต้นผลไม้ ไม่ว่าจะเป็น ต้นชมพู่ ต้นมะยม ต้นฝรั่ง ต้นพุทรา และต้นกระท้อน เป็นต้น ซึ่งก็มีประโยชน์ทั้งให้ร่มเงาและผลสามารถเก็บกินได้ ใครกำลังมองหาต้นไม้ใหญ่ปลูกไว้ในบ้านก็อย่าลืมเลือกให้เหมาะสมและถูกใจคนในบ้านกันด้วยนะคะ

เครดิจภาพ : madchima.org, Lazada

#ทริคการปลูกต้นไม้ #ต้นมะม่วง #ต้นไม้ใหญ่ปลูกในบ้าน

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

ชวนเพาะเห็ดนางฟ้า ไว้ทานเอง

เห็ดนางฟ้านิยมนำมาประกอบอาหารหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด แต่ไม่ว่าจะเป็นเมนูไหนก็อร่อยถูกปากใครหลายคน สำหรับในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการปลูกเห็ดนางฟ้ากันค่ะ ใครจะปลูกไว้ทานเองที่บ้าน หรือจะปลูกขายก็บอกได้เลยว่ากำไรดีแน่นอน จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างนั้นตามไปดูกันได้เลย 

วัสดุที่ใช้สำหรับเพาะ 

– ขี้เลื่อยไม้ 

– อาหารเสริมแม่เชื้อเห็ดชนิดที่ต้องการ

– ถุงพลาสติกทนร้อนขนาดประมาณ 8×12 นิ้ว

– คอขวดพลาสติกเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 1/2 นิ้วสำลี 

– ยางรัด

– ถังนึ่ง หรือหม้อนึ่งความดันโรงเรือนหรือที่บ่มเส้นใย

วิธีการการเตรียมวัสดุเพาะจากขี้เลื่อยไม้ยางพารา

ขี้เลื่อยที่สามรถใช้ได้ เช่น ขี้เลื่อยจากไม้ยางพารา ไม้เบญจพรรณ หรืออาจจะใช้ฟางข้าวแทนได้ แต่นิยมจะเป็นขี้เลื่อยจากไม้ยางพารา เพราะเนื้อขี้เลื่อยอ่อนและมีสารอาหารหลายอย่างที่เหมาะในการเพราะเห็ดนางฟ้า

อัตราส่วนในการผสม

– ขี้เลื่อย 100 กิโลกรัม 

– รำละเอียด 6 กิโลกรัม 

– ปูนขาว 1 กิโลกรัม 

– ดีเกลือ  0.2 กิโลกรัม

– น้ำสะอาด 60-70 %

อัตราส่วนผสมต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมของผู้ใช้ 

วิธีเตรียมการเพาะ 

นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน ปรับความชื้นให้ได้ประมาณ 60-65 % โดยการเติมน้ำลงไป แต่อย่าให้มากจนเกินไป ให้ลองใช้มือบีบขี้เลื่อยถ้ามีน้ำซึมออกมาแสดงว่าใส่น้ำมากเกินไปให้ใส่ขี้เลื่อยเพิ่ม พอผสมขี้เลื่อยได้ที่ ให้บรรจุขี้เลื่อยที่ได้ลงไปในถุงพลาสติกพอประมาณกะให้ได้ระดับให้ต่ำกว่าปากถุงลงไปประมาณ 2-3 นิ้ว กดขี้เลื่อยในถุงให้แน่น แล้วนำคอขวดมาสวมไว้ พร้อมกับปิดฝาให้เรียบร้อย จากนั้นให้นำถุงเพาะเชื้อเห็ดที่ได้ไปนึ่งฆ่าเชื้อที่ 100 องศาเซลเซียส ประมาณ 3 ชั่วโมง เสร็จแล้วให้ทิ้งไว้จนถุงเย็น  

จากนั้นให้นำเชื้อเห็ดที่เตรียมไว้มาหยอดใส่ในถุงเพาะเชื้อเห็ดนางฟ้าลงไปประมาณ 20-25 เม็ด ต่อถุง เมื่อหยอดเสร็จให้ปิดฝาถุงให้เรียบร้อย จากนั้นจะเป็นขั้นตอนในการบ่มเชื้อเห็ดต่อไป สำหรับการบ่มก็คือการนำถุงเพาะเชื้อเห็ดที่ใส่เชื้อเห็ดลงไปเรียบแล้วนำไปเก็บไว้ในโรงบ่มเป็นเวลาประมาณ 20-25 วัน โดยให้วางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ถูกแดด ถูกฝน ลมไม่โกรก ไม่มีแมลงรบกวน อากาศถ่ายเทสะดวก  

ควรทำการรดน้ำในโรงเรือนอย่างน้อยวันละ 2 รอบ เพื่อเป็นรักษาความชื้น และอุปกรณ์ที่ใช้รดน้ำควรมีลักษณะน้ำเป็นฝอยละเอียด แต่ทุกครั้งที่รดต้องระมัดระวังอย่าให้น้ำเข้าไปในถุงก้อนเชื้อ พอครบกำหนดระยะเวลาในการบ่มให้เปิดจุกถุงเพาะเชื้อเห็ดออกจากนั้นประมาณ 3-7 วันเห็ดชุดแรกก็จะเริ่มออกดอก ก้อนเชื้อที่ทำในแต่ละครั้งจะสามารถเก็บดอกเห็ดได้ประมาณ 3 – 4 เดือน

เครดิตภาพ : matichon.co.th, valleymushrooms.co.za

#การปลูกพืชผัก #ทริคการแต่งสวน #เพาะเห็ดนางฟ้า

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

ต้นไม้มงคลยอดนิยม ปลูกแล้วรวย ช่วยปรับฮวงจุ้ย เสริมโชคลาภ

เพื่อนๆคนไหนที่บ้านชอบปลูกต้นไม้กันบ้างคะ วันนี้เราก็มีต้นไม้มงคลมาแนะนำค่ะ ซึ่งแต่ละชนิดก็แตกต่างกัน บางต้นให้เรื่องทรัพย์สินเงินทอง บางต้นให้เรื่องโชคชะตา ราศี ไม่ว่าจะเป็นความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ค้าขายร่ำรวย มีสุขภาพดี ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข และนอกจากความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังมีความสวยงามเมื่อนำมาประดับบ้าน และในปัจจุบันต้นไม้มงคลมีมากมายหลายชนิด วันนี้เราก็เลยมาแนะนำต้นไม้ที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ให้เพื่อนๆกัน ไปดูกันเลยว่าจะมีชนิดไหนพันธุ์ไหนกันบ้าง

1.ต้นเศรษฐีเรือนใน ราคา 189 บาท

ต้นเศรษฐีเรือนในเป็นต้นไม้จำพวกว่านชนิดหนึ่ง และเป็นพืชล้มลุก โดยทั่วไปแล้วคนมักจะปลูกเป็นต้นไม้ประดับอาคาร เนื่องจากไม่จำเป็นต้องรับแสงมาก ทั้งยังไม่ต้องรดน้ำบ่อยอีกด้วย สำหรับเหตุผลว่าทำไมคนถึงนิยมปลูกว่านเศรษฐีเรือนใน เป็นเพราะว่าต้นไม้ชนิดนี้ถือเป็นต้นไม้มงคลที่ช่วยเรื่องการเสริมโชคลาภ และเสริมสิริมงคลให้กับคนในบ้านรวมถึงเมตตามหานิยมด้วยค่ะ และที่สำคัญต้นเศรษฐีเรือนในยังช่วยฟอกอากาศได้ดีด้วย คนจึงนิยมปลูกเพื่อให้ดูดซับสารพิษในบ้าน

2.ต้นไผ่กวนอิม ราคา 119 บาท

ต้นไม้ที่ช่วยเสริมความร่ำรวยและมั่นคงอีกต้นหนึ่งที่นิยมปลูกในบ้าน เพราะ

ต้นไผ่กวนอิมเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กที่ดูแลง่าย เหมาะกับการประดับตกแต่งภายในและภายนอกบ้าน ทั้งยังช่วยเสริมฮวงจุ้ยได้ ซึ่งต้นไผ่กวนอิมจะส่ง

เสริมในด้านใดบ้างนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทิศที่ตั้ง สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมดวงชะตาในด้านเงินทอง ก็ควรปลูกต้นไผ่กวนอิมไว้ในห้องทำงาน หรือวางไว้บนโต๊ะ

ทำงานเลยค่ะ โดยตั้งไว้ทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพราะ

ลำต้นของไผ่กวนอิมช่วยดึงดูดเงินทองให้ไหลมาเทมา ช่วยในเรื่องความร่ำรวยและความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

3.ต้นเศรษฐีพันล้าน ราคา 37 บาท

เป็นพืชอวบน้ำสายพันธุ์หนึ่ง ลำต้นสูงประมาณ 60 เซนติเมตร แค่ชื่อก็บ่งบอกให้รู้แล้วว่าเป็นต้นไม้มงคลปลูกแล้วรวยแบบไม่ธรรมดา เป็นต้นไม้ที่นิยมปลูกตามบ้านเรือน เพราะเชื่อว่าจะดึงดูดโชคลาภให้เกิดขึ้น ช่วยเสริมดวงการเงินให้ร่ำรวย ทำมาค้าขายรุ่งเรือง เป็นต้นไม้มงคลที่ปลูกง่าย ทนแล้งได้ดี รดน้ำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ขยายพันธุ์โดยการนำต้นอ่อนที่ขอบใบไปปลูกต่อได้ และควรปลูกในที่ๆแดดส่องถึงตลอดวัน

4.ต้นนางกวัก ราคา 176 บาท

เป็นพืชตระกูลล้มลุก มีหัวอยู่ใต้ดิน โดยต้นนางกวักเป็นพืชที่คนนิยมนำมาตกแต่งสวน หรือใส่กระถางเพื่อประดับไว้ในบ้าน เนื่องจากมีใบที่สวยงาม ปลูกง่าย และทนต่อสภาพอากาศ และยังมีความเชื่อว่าช่วยกวักเงินทองให้กับคนในบ้าน หากค้าขายก็จะทำให้กิจการรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมา รวมถึงช่วยกวักโชคกวักลาภเข้ามาอีกด้วยค่ะ 

เครดิตภาพ : shopee , suanattaporn

#ต้นไม้มงคล #ทริคการปลูกต้นไม้ #ต้นไม้น่าปลูก

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

วิธีปลูกเชอรี่ในบ้านแบบไม่เปลืองเนื้อที่

เชอรี่เป็นผลไม้เมืองหนาว ชอบอากาศเย็น และนิยมปลูกกันแทบทวีปยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ส่วนในโซนเอเชียจะมีปลูกเป็นบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และ เกาหลี แต่ก่อนในบ้านเราจะแทบไม่มีปลูกกันเลย ถ้าต้องการทานเชอรี่เราต้องสั่งนำเข้ามาจากประเทศ ซึ่งจากต้นทุนในการขนส่งทำให้ค่อนข้างมีราคาแพง แต่ปัจจุบันมีการนำมาปลูกทางภาคเหนือทำให้เราได้ทานเชอรี่ที่มีราคาถูกลง แต่นอกจากภาคเหนือในบ้านเราก็สามารถปลูกในภาคอื่นได้ด้วยเช่นกัน หลายท่านจะคิดว่าในเมื่อเป็นไม้เมืองหนาว แต่บ้านเราเป็นเขตโซนร้อน โดยเฉพาะภาคกลางจะค่อนข้างร้อนมาก แล้วจะมีโอกาสขึ้นไหม ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีความเป็นไปได้ แต่ถ้าช่วงไหนอากาศเย็นลงเชอรี่ก็จะออกผลให้คุณได้เช่นกัน ใครสนใจปลูกไว้ในบ้านสักต้นลองไปดูวิธีในการปลูกกันดีกว่า 

สายพันธุ์เชอรี่

เชอรี่จะมีสายพันธุ์หลักๆ อยู่สองแบบ นั่นก็คือ แบบที่มีรสชาติเปรี้ยว และแบบที่มีรสชาติหวาน สำหรับสีก็จะตั้งแต่ สีแดงสด สีส้ม และสีเหลือง นอกจากนี้ขนาดของผลก็จะแตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย 

ปลูกเชอรี่แบบไม่ให้เปลืองเนื้อที่ 

โดยทั่วไปแล้วเราสามารถทำได้สองรูปแบบ นั่นก็คือ ลงดิน และในกระถางต้นไม้ ซึ่งแบบหลังจะช่วยประหยัดเนื้อที่ได้มาก แถมยังเคลื่อนย้ายได้ง่ายอีกด้วย ที่สำคัญจากการทดลองทั้งสองแบบ กับพบว่าใส่กระถางจะออกผลและเจริญเติบโตได้ดีกว่า ที่สำคัญคุณยังสามารถดูแลรักษาได้ง่ายอีกด้วย และเราไม่จำเป็นต้องมีเนื้อที่ในบริเวณกว้างมาก ต้นเชอรี่ก็เจริญเติบโตได้เช่นกัน นอกจากนี้ใครที่อยากทำเป็นรายได้เสริม ก็ช่วยให้คุณสะดวกมากยิ่งขึ้น ต้นไม้ชนิดนี้นอกจากให้ผลสวยน่ารับประทานแล้ว ยังจัดเป็นไม้ประดับบ้านได้อีกด้วย 

วัสดุและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ 

– กระถางสำหรับปลูก จะเลือกเป็นพลาสติกหรือดินเผาก็ได้ตามความต้องการ หากไม่มีสามารถใช้เป็น ปีบ, ถังน้ำเก่า, กะละมังเก่า, โอ่งน้ำ, ยางรถยนต์  และ วงบ่อซีเมนต์ เป็นต้น

– ดินสำหรับปลูก จะให้เหมาะควรเป็น ดินดำ, แกลบดิบ

– ปุ๋ยมูลสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น มูลวัว มูลควาย และมูลไก่ เป็นต้น 

ขั้นตอนการปลูกเชอรี่ในกระถาง 

1. นำดินสำหรับปลูก 1 ส่วน ใส่ลงในกระถางหรือภาชนะที่เตรียมไว้ ตามด้วยแกลบ 2 ส่วน มูลสัตว์ 1 ส่วน 2. จากนั้นนำต้นกล้าหรือเมล็ดเชอรี่ ทำการปลูก ตามด้วยรดน้ำให้ดินชื้นพอหมาดๆ 

3. หลังจากปลูกเสร็จให้หมั่นใส่ปุ๋ยประมาณ 15 วันครั้ง โดยให้เลือกใช้เป็นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยมูลสัตว์ 4. หมั่นดูแลอย่าให้แมลงรบกวน 

เพียงเท่านี้เมื่อเวลาผ่านสักระยะ ต้นเชอรี่ของคุณก็จะค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้น อย่างที่ต้องการกันแล้วค่ะ 

เครดิตภาพ : pixabay.com

#ต้นไม้น่าปลูก #ทริคการปลูกต้นไม้ #ปลูกเชอรี่ในบ้าน

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

รู้จักกับ ใบเสจ Sage สมุนไพรต่างแดน

วันนี้จะพามาแนะนำให้หลาย ๆ คนได้รู้จักกับต้นไม้ชนิดหนึ่ง เป็นต้นไม้ที่นับได้ว่าเป็นสมุนไพรจากต่างแดน สามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้ นั่นแน่คงถูกใจคนทำอาหารบ่อย ๆ แน่นอน แต่สำหรับคนที่เคยทำอาหาร โดยเฉพาะอาหารฝรั่งคงจะคุ้นเคยกันดี

ต้นไม้ที่จะแนะนำคือ ต้นใบเสจ เป็นเครื่องเทศสมุนไพรคู่ครัวที่นิยมนำมาปรุงอาหารต่าง ๆ มากมายทั้งประเภทอบ ปิ้งย่าง ซุป การหมักเนื้อสัตว์ต่าง ๆ มักจะมีใบเสจรวมอยู่ด้วย ปัจจุบันคนไทยนิยมปลูกสมุนไพรฝรั่งเป็นพืชผักสวนครัวกันมากขึ้น วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ และพาไปรู้จักกับใบเสจ สมุนไพรตะวันตก เครื่องเทศรสเยี่ยม สรรพคุณชั้นยอด ประโยชน์มากมาย

ลักษณะของใบเสจ

เสจจัดเป็นพันธุ์ไม้พุ่ม จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับกะเพรา (Lamiaceae) มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบยุโรป และเมดิเตอร์เรเนียน ลำต้นใส และอวบน้ำ ลำต้นแทงออกจากรากใต้ดิน แตกกิ่งก้านดกหนา ออกดอกสีม่วงที่ปลายก้านโตเต็มที่ มีความสูงประมาณ 15 – 50 เซนติเมตร ลักษณะใบยาวรี ปลายใบแหลม โคนใบกลม ใบมีความกว้างประมาณ 1 – 2 เซนติเมตร ผิวใบอ่อนจะออกสีเขียวอมเทา ใบแก่จะสีเขียวเข้ม เส้นกลางใบเป็นร่องลึก สานเป็นร่างแห ใบเสจมีความนุ่ม เมื่อเอามือขยี้จะส่งกลิ่นหอมมาก ๆ ออกมา 

สารอาหารสำคัญของใบเสจ

ใบเสจมีสารประกอบหลายอย่างผสมกัน รวมทั้งสารกลุ่มไดเทอร์ปีน (diterpene) ซึ่งเป็นตัวกำหนดกลิ่นรสของเสจและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ในจำนวนนี้ คือ กรดคาร์โนซิก (camosic acid) และสารคาร์โนซอล (carnosol) ซึ่งพบในโรสแมรีด้วย เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ต้านอักเสบ นอกจากนี้ยังพบสารประกอบอีกหลายชนิดที่มีฤทธิ์ฆ่าไวรัส

ประโยชน์ของใบเสจ

ส่วนใหญ่นิยมนำใบสดและใบแห้งของเสจมาใช้ประโยชน์ ใบสดนิยมนำมาประกอบอาหารใส่เป็นเครื่องเทศให้มีกลิ่นหอมและนำมาเคี้ยวเพื่อลดอาการเจ็บคอและปาก เช่นเดียวกับชา ที่ช่วยบรรเทาแผลในปาก ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย มีแก๊สในกระเพาะอาหาร ไข้หวัด ช่วยขจัดรังแค ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผม น้ำมันหอมจากใบเสจใช้ทำเป็นเครื่องสำอาง เช่น โลชั่น เพื่อบรรเทาผิวแสบคัน และผลิตเป็นยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยให้ฟันขาวสะอาดนอกเหนือจากสรรพคุณ “สมุนไพรเสจ” นั้น มีสรรพคุณช่วยเพิ่มสมาธิ ผ่อนคลายความวิตกกังวล แก้เจ็บคอ 

ถึงจะเป็นต้นไม้ต้นเล็ก ที่นิยมใช้ผสมในอาหาร แต่สรรพคุณนั้นเยอะมากจริง ๆ นะคะ และถ้าคิดว่าจะหานำปลูกไว้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากคะ ใบเสจนี้สามารถเพาะปลูกได้นะคะ การปลูกพืชผักสมุนไพรไว้กินเองนั้น เป็นทางเลือกที่ดีให้กับสุขภาพของเรา เพราะนอกจากจะได้ผักสดสะอาดแล้ว ยังไม่ต้องเสี่ยงกับสารเคมีอีกนานาชนิดอีกด้วย เสจเป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย แต่ก็ต้องดูแลเรื่องน้ำมาก ๆ หน่อย สามารถปลูกร่วมกับสมุนไพรไทยได้สบาย ๆ 

#ใบเสจ #สมุนไพร #การดูแลต้นไม้

Categories
ต้นไม้คู่บ้าน

ชวนปลูกผักสลัดในกระถาง ปลูกง่าย ผักโตไว

สลัดจัดเป็นเมนูที่สามารถรับประทานได้เกือบทุกช่วงเวลา เหมาะสำหรับใครที่ต้องการลดหุ่น หรือดูแลรูปร่าง รวมไปถึงผู้ที่มาปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย เพราะมีกากใยมาก นอกจากนี้ยังช่วยให้เรามีสุขภาพดีได้อีกด้วย เพราะผักอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งปกติถ้าคิดจะทานสลัดเรามักเลือกซื้อผักในตลาดสด หรือตามซูเปอร์มาเก็ต รวมทั้งซื้อแบบที่เขาทำเป็นชุดสำเร็จกันมาแล้ว แต่ทราบกันไหมว่าจริงๆ แล้วผักสลัดปลูกได้ง่ายมาก โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่ง เพื่อช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตแต่อย่างใด ใครอยากกินผักสดใหม่ กรอบอร่อย เรามาปลูกทานเองที่บ้านในกระถางกันดีกว่าค่ะ ใครสนใจไปดูกันได้เลย

วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้

– กระถางทรงสูง 1 ใบ 

– ดินสำหรับปลูก 1 ส่วน 

– ปุ๋ยคอก 1 ส่วน 

– เศษใบไม้หมัก 20 ลิตร 

– ปูนขาว 1 กำมือ

– ปุ๋ยสูตร 8-8 1 กำมือ

– กาบมะพร้าว 

– ต้นกล้าผักสลัด

ขั้นตอนในการปลูก

1. เริ่มจากการเตรียมดินกันก่อน โดยให้นำส่วนผสมทั้งแต่ข้อ 2-6 มาผสมรวมกันในภาชนะจนเข้ากันดี 

2. จากนั้นให้นำกาบมะพร้าวใส่ลงไปในกระถางเพื่อป้องกันดินไหลออกด้านล่างนั่นเอง แล้วใส่ดินที่เราผสมไว้แล้วตามลงไปได้เลย 

3. ทำบริเวณตรงกลางกระถางให้เป็นหลุมสำหรับปลูกให้มีขนาดพอดีกับต้นกล้าที่เราจะนำลงมาปลูก

4. ตามด้วยรดน้ำลงไปในหลุมพอประมาณ 

5. เมื่อน้ำซึมลงไปในดินดีแล้ว ให้นำต้นกล้าผักสลัดลงไปปลูกกันได้เลย 

6. สำหรับวิธีการเลือกต้นกล้าที่จะนำมาปลูก ควรเลือกต้นที่ยังมีใบเลี้ยงด้านล่าง เพราะจะช่วยให้ต้นแข็งแรง เจริญเติบโตได้ดี และไม่เป็นโรคง่าย

7. จากนั้นให้นำต้นกล้าลงไปในหลุมที่เราเตรียมไว้ แล้วกลบดินให้เรียบร้อย รดน้ำตามอีกครั้ง เป็นอันเสร็จ 

8. หลังจากปลูกให้รดน้ำอย่างสม่ำเสมอเช้าเย็น เอาแค่พอชุ่มไม่ต้องมาก จากนั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ ให้ใส่ปุ๋ยคอกตามลงไปบริเวณรอบๆ ต้น แล้วรดน้ำตามทันที จากนั้นก็รอผักสลัดโตก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตมาบริโภคกันได้เลย 

คำแนะนำเพิ่มเติม ไม่ควรตั้งกระถางปลูก ไว้บนพื้นปูนซีเมนต์โดยตรง เพราะในช่วงเวลากลางวันพื้นจะร้อน ทำให้น้ำที่เรารดไว้ละเหยออกได้ง่าย และจะส่งผลให้ผักเหี่ยวเฉา และอาจไม่รอด ผักสลัดจะชอบดินที่ชุ่มชื่นตลอดเวลา รวมทั้งในบริเวณที่มีแสงแดดร่ำไร อากาศถ่ายเทสะดวก ก็จะเจริญงอกงามได้ดี 

เป็นยังไงบ้างไม่ยากเลยใช่ไหมค่ะ ขั้นตอนง่ายๆ เพียงเท่านี้เราก็มีผักสลัดสดกรอบไว้รับประทานที่บ้านกันแล้วค่ะ ใครชอบทานสลัดหันมาปลูกผักทานเองกันดีกว่าค่ะ

เครดิต : ddproperty.com, 108thinks.blogspot.com

#ปลูกผักสลัด #ทริคปลูกต้นไม้ #ต้นไม้น่าปลูก